ตอนที่ 16
คำม่วนถ่ายทอดกลยุทธ์และเคล็ดวิชามวยไทยให้มะตูมหมดไส้หมดพุงหวังเอาชนะขาลชายหนุ่มร่างกายกำยำให้ได้ โดยมีแรงเชียร์แรงใจจากคนใกล้ชิด นับสิบ
ผลปรากฏว่ามะตูมชนะน็อกได้ไม่ยาก นั่นก็เพราะขาลออมมือให้อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก และที่เขาเสนอตัวขึ้นชกก็เพื่อกันท่าสมุนของยันต์ที่กระเหี้ยน กระหือรืออยากชกกับมะตูม แล้วถ้ามะตูมแพ้จะต้องเสียตัวให้พวกมันตามข้อตกลง
แต่มวยแพ้คนไม่แพ้! ยันต์ประกาศกร้าวอย่างนั้นแล้วเปิดฉากยิงใส่กลุ่มของสัปเหร่อโข่งก่อน เดือดร้อนชาวบ้านที่มาเที่ยวงานวัดวิ่งหนีตายโกลาหล สองฝ่ายต่อสู้กันพักเดียวพวกยันต์ก็เป็นฝ่ายถอยร่นเพราะคนของตนน้อยกว่า
ยันต์หัวเสียและสงสัยทำไมขาลโค่นมะตูมไม่ได้ทั้งที่มีโอกาส ยงไม่รู้จะพูดยังไงกับเจ้านายเพราะยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา แต่บอกราหู สุครีพ และรามสูรว่าขาลต้องมีอะไรกับมะตูมแน่ ให้สามคนคอยจับตาดูมันไว้เพราะตนสงสัยว่าขาลคือหนอนบ่อนไส้
เช้าตรู่ มะตูมแอบไปเยี่ยมขาลที่โรงพยาบาล แต่ คนที่ป่าช้าไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ส่วนมไหศวรรย์ยอมทำตามครุยบอกให้พาพ่อดาวและสาลิกากลับบ้านหมอลำ ดาวยินยอมโดยดีเพราะต้องการกลับไปบรรจุกระสุนปืนแคนใหม่
มะตูมดีใจที่ขาลไม่เป็นอะไรมาก หูตาและสมองยังใช้การได้ดี ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากหมัดของเธอ ทางด้านมไหศวรรย์ที่ไปส่งเมียและพ่อตา
ถึงบ้านด้วยความปลอดภัย แล้วเขาจะกลับโคราชเพื่อช่วยเหลือจ่าครุยต่อไป แต่สาลิกาไม่ยอมให้เขาไปคนเดียว ดึงดันตามมาด้วยจนได้
ooooooo
หลังจากเกาะติดเรื่องยันต์ค้าอาวุธสงครามอยู่นานวัน ในที่สุดคืนนี้ครุยก็ล่วงรู้ว่ามันจะลำเลียงอาวุธสงครามไปเก็บที่วัดร้างก่อนส่งต่อลงใต้
ออกทางชายแดน โดยให้พวกไอ้ยงคุมเส้นทางลำเลียง ส่วนขาลที่หายดีออกจากโรงพยาบาลแล้วให้เอาคนไปรอรับของที่วัด
ครุยดักปล้นรถขนอาวุธสงครามจากพวกไอ้ยงสำเร็จแล้วนำรถคันนั้นไปซ่อนไว้ในแม่น้ำ ยันต์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังรู้ข่าวคนของตนห่วยแตกทำงานพลาดแล้วพลาดอีก ขาลยืนสงบนิ่งซ่อนแววตาเยาะหยันมองดูยันต์เกรี้ยวกราดแทบคลั่ง
“หมดกัน! อาวุธประสิทธิภาพเยี่ยมที่ฉันสั่งเข้ามา เพื่อลำเลียงต่อให้ผู้ก่อการร้ายชายแดน มูลค่ามันตั้งเท่าไหร่ เพราะไอ้จ่าครุยคนเดียว”
“จ่าครุยทำการคนเดียว พวกไอ้ยงบอกผมยังงั้น ตอนนี้พวกมันไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลครับ ก็เกือบไม่รอดกลับมาเหมือนกัน”
“ไอ้จ่าครุยมันทำได้ยังไงนะ มันคนเดียว...มันคนเดียวจริงๆ แต่มันเล่นฉันหมดไปหลายสิบล้านแล้ว”
“ผมไปรอที่วัดร้างยันสว่าง ยังไม่เห็นวี่แววของพวกไอ้ยงเลย พวกนั้นเจ็บกันทุกคนนะครับ”
“ฉันเจ็บยิ่งกว่ามัน เจ็บด้วยเสียเงินด้วย เราต้องสืบให้ได้ว่าจ่าครุยเอาของของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน มันไม่กล้าทำลายเพราะเป็นของใหญ่ มันคงคิดจะใช้เป็นหลักฐานโยงมาถึงฉัน”
“แล้วโยงได้ไหมครับ”
“ไม่มีทาง ฉันต้องเอาคืนมาให้ได้ แกไปกระชากพวกไอ้ยงออกมาจากโรงพยาบาลแล้วให้มันล่าตัวจ่าครุยมา ฉันจะบีบจ่าครุยให้มันบอกที่ซ่อนให้ได้”
ขาลรับคำสั่งแล้วปฏิบัติตามอย่างเร่งด่วน แต่เมื่อพวกไอ้ยงไปซุ่มดักจับครุยแถวป่าช้ากลับไร้วี่แวว เพราะเวลานั้นครุยอยู่กับแขมแขที่โรงเลื่อย หญิงสาวแสดงความห่วงใยและอดบ่นเขาไม่ได้ว่าทำไมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนพวกนั้น
“ผมเอาชีวิตผมแลกกับอาวุธสงครามพวกนั้น มันจะได้ไม่ต้องเดินทางไปฆ่าคนบริสุทธิ์”
“คุณทิ้งรถบรรทุกทั้งคันลงน้ำ แล้วคิดว่าจะไม่มีใครพบยังงั้นหรือ”
“กว่าจะพบ กว่าจะขนขึ้นมาจากน้ำมันก็ใช้การอะไรไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่มีกำลังจะเอาของพวกนี้ไปเก็บเพื่อรอไอ้ยันต์ย้อนกลับมาชิงเอาไป เหมือนที่มันทำกับหมวดอินทร์ วิธีนี้แหละง่ายดี”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกนิสัยดื้อเสียทีนะ”
ครุยนิ่งไปนิดก่อนเปลี่ยนเรื่องถามถึงหมวดอินทร์ แขมแขบอกว่าเขาออกจากโรงพยาบาลแล้วและกลอยใจยังดูแลอย่างใกล้ชิด
หลังจากนอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มแล้วครุยจะรีบไปแต่แขมแขไม่ยอม เธอบังคับเขาอาบน้ำกินข้าวจะได้สดชื่นมีเรี่ยวแรง ชายหนุ่มมองข้าวไข่เจียวที่แขมแขทำให้แล้วคิดถึงคำสี
“คำสีทำอาหารเก่ง อาหารทุกจังหวัดในอีสาน ไม่มีมื้อไหนที่ไม่อร่อยสำหรับผม”
“คุณกำลังคิดถึงคำสีใช่ไหม”
ครุยสังเกตสีหน้าแขมแขหม่นลงจึงเลิกพูดถึงอดีตภรรยา เปลี่ยนไปพูดถึงลูกชายแทน “ผมไม่ได้พบลูกมานานมากแล้ว ตั้งแต่หลวงตาพาสามเณรสีหมอกไปธุดงค์ที่ฝั่งโน้น”
“ทานข้าวเถอะค่ะ ฉันอาจจะทำอะไรได้ไม่เก่งเท่าคำสี แต่ฉันก็พยายาม”
“คุณเก่งมาก คำสีคงจะยินดีที่ยังมีคุณคอยดูแลผม วิญญาณของคำสีคงไปสู่สุคติไม่ได้ ถ้าผมไม่ได้ชำระแค้นกับคนที่ทำกับคำสี”
“นั่งลงเถอะค่ะ ฉันจะไปเตรียมผ้าเช็ดตัวให้”
ครุยดึงมือแขมแขไว้ ถามว่าตนทำให้ลำบากหรือเปล่า
“ค่ะ ลำบากใจ ไม่รู้ว่าเมื่อคุณออกไปจากที่นี่แล้วจะได้กลับมาอีกหรือเปล่า คนที่เป็นเมียตำรวจทุกคนคิดอย่างฉันหรือเปล่านะ”
“ผมจะกลับมา...ผมสัญญาว่าผมจะกลับมา”
ooooooo
ยันต์ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีกหลังฟังสมุนรายงานว่าไม่พบแม้เงาของครุยและไม่มีเบาะแสอาวุธที่โดนชิงไป
“ตั้งแต่เกิดเรื่องวันชกมวยแล้ว แขมแขก็หยุดอยู่นิ่งๆ ไม่ออกมาเคลื่อนไหวแม้แต่เรื่องหาเสียง ชาวป่าช้าของไอ้สัปเหร่อโข่งก็พลอยเงียบไปด้วย นังมะตูมไม่ออกมาขี่รถกวนเมือง ไอ้ไหกับนังสาลิกาก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ไอ้คนพวกนี้มันเป็นมดหรือยังไงวะ”
“เรากำลังสืบหาของที่หายไปอยู่ครับ”
“แต่ก็ไม่ได้เรื่องใช่ไหม เพราะคนที่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนมีแต่จ่าครุยคนเดียว ฉันเห็นจะต้องพึ่งผ้าเหลืองเสียแล้วล่ะวะขาล”
“คุณยันต์จะ...”
“แกจะเรียกมันว่ายังไงก็ช่างเถอะ จะนิมนต์ จับหรืออะไรก็ตามแต่...แต่ต้องได้ตัวสามเณรสีหมอก”
“ได้ครับคุณยันต์ ผมกับไอ้พวกนี้จะไปจับตัวสามเณรที่หนองคาย ผมจะโทร.ถามคนของเราที่นั่นว่าสามเณรยังอยู่ที่วัดหรือเปล่า” ยงอาสา
“ไปเอาตัวมาให้ได้ ฉันจะใช้สามเณรสีหมอกนี่แหละบีบไอ้จ่าครุยให้มันยอมบอกที่ซ่อนของอาวุธสงคราม มันต้องแลกระหว่างชีวิตของลูกกับของของฉัน”
ช่วงเวลาที่พวกไอ้ยงเตรียมตัวเดินทาง มไหศวรรย์ที่มาพร้อมสาลิกาเพื่อสืบความเคลื่อนไหวที่บ้านยันต์เห็นเข้าพอดี มไหศวรรย์อยากรู้ว่าพวกมันจะไปไหนกัน จึงแอบเข้ามาที่รถกระบะซ่อนตัวใต้ผ้าใบติดรถไปด้วย ทิ้งให้สาลิกาโดดเดี่ยวเดียวดายต้องบ่ายหน้ามาที่ป่าช้า
พวกสัปเหร่อโข่งปลอบโยนสาลิกาที่บ่นเป็นห่วงมไหศวรรย์ให้คลายความกังวล ทุกคนเชื่อว่าคนเก่งอย่างบักไหเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกพี่สาลิกา พวกไอ้ยงมันต้องออกไปทำอะไรที่เป็นภัยต่อสังคมแน่ คนพวกนี้มันไม่เคยคิดอะไรดีๆหรอก อยู่ที่นี่เถอะ นี่พ่อมะตูมก็เพิ่งกลับไป พ่อเป็นห่วงค่ายมวย”
“แต่เมื่อเราต้องการกำลังเมื่อไหร่ เสี่ยวข้าคำม่วนจะกลับมาทันที สาลิกา...เดี๋ยวกินข้าวกินปลาซะ คิดเสียว่าบ้านเอ็งก็เหมือนบ้านลุง ส่วนบ้านลุงก็เหมือนบ้านผี เราคนเป็นอยู่ในป่าช้าเดี๋ยวตายแล้วจะได้ชิน”
“โธ่ลุง...ทำไมชอบพูดให้คนอื่นเขากลัวนัก” มะตูมติงลุงโข่งแล้วเหลือบเห็นครุยเดินเข้ามา เธอยิ้มแย้มทักถามด้วยความเป็นห่วงว่ากินอะไรมาหรือยัง ครุยบอกเพิ่งกินข้าวไข่เจียวฝีมือแขมแข มะตูมยังตัดใจจากครุยไม่ได้ถึงกับหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ooooooo
หลังจากแขมแขพยายามหว่านล้อมนายท้วมหนึ่งในสามพยานที่ทำให้ครุยดิ้นไม่หลุดถูกจับเข้าคุกข้อหาค้ายาเสพติดเมื่อหกปีก่อนแต่ไม่สำเร็จ แล้วตอนนี้นายท้วมก็ไม่รู้หายไปไหน แต่แขมแขยังไม่ถอดใจที่จะรื้อคดีช่วยครุย
ครุยเองก็พยายามตามหาพยานอีกสองคนคือนายแหล่กับนายช้วน จนกระทั่งวันนี้ครุยเจอนายแหล่ขายส้มตำทำมาหากินอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข นายแหล่ท่าทีหวาดกลัวชิงอธิบายว่าตอนนั้นตนถูกจ่าโง่นบังคับ ถ้าไม่ทำมันจะฆ่าลูกเมียตน ครุยรับฟัง
ก่อนยอกย้อนอย่างคับแค้นว่าเขาทำให้ตนหมดอนาคต เสียเมีย ห่างลูก สูญเสียความเป็นครอบครัว
ในเมื่อนายแหล่ไม่ยอมให้ความร่วมมือโดยดี ครุยจึงโทรศัพท์ปรึกษาแขมแขก่อนจะใช้ไม้แข็งเอาตัวเขามาพบเธอที่โรงเลื่อย แขมแขให้ความเป็นมิตรโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็นเพื่อขอความร่วมมือรื้อฟื้นคดีจ่าครุย
นายแหล่จึงหมดความตื่นกลัว แต่ยังไม่ถึงกับตกปากรับคำ
ทางด้านกลุ่มของไอ้ยงที่มุ่งหน้าไปจับสามเณรสีหมอกตามคำสั่งของยันต์โดยไม่รู้ว่ามไหศวรรย์ซ่อนตัวอยู่ท้ายรถ กระทั่งถึงจุดหมายจับได้จึงใช้ปืนฟาดเขาสลบก่อนฝ่าความมืดไปอุ้มเณรขึ้นรถบ่ายหน้ากลับโคราช เมื่อมไหศวรรย์ฟื้นขึ้นมาก็รีบสำรวจทั่ววัดและพบว่าพวกมันจับหลวงตาไปไม่ใช่เณร
สาลิการับโทรศัพท์แจ้งเหตุการจับผิดตัวจากมไหศวรรย์ พอดีครุยอยู่ด้วยจึงรีบเดินทางไปหาลูกชายซึ่งมไหศวรรย์พาส่งโรงพยาบาลรักษาอาการป่วย ส่วนพวกไอ้ยงกว่าจะรู้ว่าจับหลวงตามาก็ถึงบ้านยันต์เสียแล้ว
ยันต์โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ ตบหน้ายงแล้วด่าซ้ำต่อหน้าหลวงตา “โง่! พระกับเณรต่างกันยังไง แกไม่รู้หรือไง นี่เป็นเพราะพวกแกชุ่ย ทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“ไม่ใช่ความผิดของใครหรอก แต่มันเป็นความผิดของอาตมาเองที่อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ที่ที่พระควรจะอยู่ก็ไม่อยู่ ไปอยู่ในที่ที่เณรควรจะอยู่”
“เณรตัวเล็กนิดเดียว น้ำหนักต่างกว่าพระตั้งเยอะ แกยังจับผิดตัวมา นี่ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ มันน่ายิงทิ้งมั้ย”
“ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตน่ะเป็นบาปนะโยม โยมยันต์ ยมราชรับกฐินทอดผ้าป่าทุกปีคงจะรับศีลมาบ้างไม่มากก็น้อย ศีลข้อที่หนึ่งคือห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”
ยันต์ไม่พอใจจะด่าหลวงตาแต่ยั้งปากทัน สั่งห้ามเทศน์หากตนอยากฟังเทศน์เมื่อไหร่จะเปิดฟังในยูทูบ
“คนเราก็เป็นยังงี้แหละ ไม่มีเวลาแม้แต่จะฟังผู้อื่น เลยฟังแต่เหตุผลของตนเอง แล้วคิดว่าไอ้ที่คิดที่พูดออกมาน่ะถูกต้อง”
หลวงตาว่าไปเรื่อย ขาลเกรงว่ายันต์จะหัวเสียพลั้งเผลอทำร้ายพระ ชิงถามว่าจะทำยังไงกับหลวงตา
“จะทำยังไงกับอาตมาน่ะหรือ ก็นิมนต์ฉันเช้าเสียเลย อ้อ แล้วยังมีเพลอีกมื้อนึงนะ พระฉันวันละสองมื้อ”
ยันต์กระอักกระอ่วน โยนหน้าที่ให้ขาล “แกไปจัดการเรื่องของฉันของพระ ตอนนี้ฉันยังคิดอะไรไม่ออก ไอ้ยงนะไอ้ยง เสียแรง แกทำงานกับฉันมาตั้งนาน แกไม่น่าโง่ยังงี้เลย แล้วนี่ฉันจะทำยังไง ปล่อยพระไปก็ไม่ได้ จับพระไว้ก็ใช่ที่”
“ก็นิมนต์พระอยู่จำวัดเสียในรังโจรนี่เสียก็สิ้นเรื่อง จริงไหมคุณโยม”
ทุกคนเงียบกริบ สบตากันไปมาอย่างอิหลั่กอิเหลื่อ พอลับหลังเจ้านาย ยงทั้งด่าและตบหน้าราหู สุครีพและรามสูรด้วยความโกรธ
“โง่! เพราะพวกแกโง่ ฉันเลยพลอยโง่ไปกับพวกแกด้วย ฉันใช้ให้พวกแกไปจับตัวเณร แกจับพระมาทำไม”
“โธ่พี่ยง...ก็พี่ยงบอกให้สังเกตกลด มีกลดที่ไหน ต้องมีพระธุดงค์ที่นั่น แล้วในกุฏิก็มืด”
“ใช่ มันมืดจริงๆ แล้วพระก็คลุมโปงทั้งตัวยังงั้น ก็เลยคิดว่าพระเป็นเณร”
“นี่ดีนะ คุณยันต์ยังไม่รู้ว่าไอ้ไหมันไปที่นั่นด้วย ไม่ยังงั้นไอ้ขาลมันเล่นงานฉันหน้าแตกแน่”
“พี่ก็อย่าให้คุณยันต์รู้ ไอ้ไหมันไม่กระโตกกระตากอยู่แล้ว ป่านนี้มันคงจะฟื้นแล้วล่ะ”
“ทำไมฉันถึงได้ซวยยังงี้วะ ฉันไม่เคยเอาชนะไอ้จ่าครุยได้เลย แล้วไอ้ที่แพ้จ่าครุยเป็นเพราะพวกแก” ยงโวยวาย ชี้หน้าคาดโทษสามพี่น้อง
ooooooo
หลังจากได้เยี่ยมอาการสามเณรสีหมอกแล้วครุยยังไม่คลายความกังวล มไหศวรรย์ดูออกบอกให้ครุยสบายใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ่า สามเณรสีหมอกยังต้องอยู่ในห้องไอซียูอีกสักพัก ฉันจัดการเรื่องวางกำลังรักษาความปลอดภัยให้ลูกของจ่าแล้ว จะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับสามเณรสีหมอกเป็นอันขาด”
ครุยมองอีกฝ่ายนิ่งนานด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นใคร แต่พอถามออกไปก็ไม่ได้ความจริงเหมือนเดิม
“จ่าไม่ต้องรู้หรอก”
“แกมีอำนาจสั่งการดูแลลูกฉันก็แสดงว่าแกไม่ใช่ไอ้ไหคนขายของเร่ แกกำลังจะทำอะไร”
“จ่าคิดจะทำอะไร...ก็มีคนคิดเหมือนจ่า”
“คุณแขมแขกำลังหาหลักฐาน พยาน เพื่อยื่นขอรื้อฟื้นคดีของฉันขึ้นมาใหม่”
“รีบทำซะ ยันต์ ยมราชรู้เรื่องนี้ พยานปากเอกที่เคยปรักปรำแกจะไม่เหลือให้แกใช้งาน”
“ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าแกไม่ใช่คนขายของเร่ แกไม่บอกว่าแกเป็นใครฉันก็จะไม่ถาม ฉันรู้ว่าวันหนึ่งความจริงต้องปรากฏ...ขอบใจนะเพื่อน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แกทำให้ลูกฉัน ฉันจะแก้แค้นให้คำสี ฟอกตัวเองให้สะอาด ฉันจะกลับมาเป็นตำรวจเพื่อกวาดล้างอิทธิพลของยันต์ ยมราช...ให้ได้”
สองหนุ่มจับมือและยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร...
วันเดียวกันแขมแขปล่อยตัวนายแหล่พ่อค้าส้มตำไปอย่างละมุนละม่อม
“ถ้านายแหล่ยังไม่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับฉันกับจ่าครุยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพร้อมเมื่อไหร่โทร.ถึงฉันได้ทันที ฉันขอให้นายแหล่โชคดีนะ”
นายแหล่ยกมือไหว้แขมแขแล้วรีบร้อนออกไปเพราะกลัวคนของยันต์ ยมราชรู้ว่าเขามาพบศัตรูแล้วจะเดือด บุญท้วมรู้ทันบ่นอย่างหนักใจว่าสงสัยจะไม่ได้เรื่องเหมือนนายท้วม อุตส่าห์อ้อนวอนทั้งคืน แต่นายแหล่ก็ปฏิเสธท่าเดียว
ooooooo
แขมแขเดินหน้าตามเจตนารมณ์ของตน เดินทางพร้อมทนายไปยื่นคำร้องให้มีการรื้อฟื้นคดีจ่าครุยขึ้นมาใหม่ โดยเธอให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ให้ความสนใจเข้ามารุมล้อมว่า
“ฉันกับทนายมายื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นคดีของจ่าครุย อังคาร เพราะเรามีหลักฐานใหม่ๆที่จะนำเสนอ คดีนี้อาจจะไม่ใช่คดีสะเทือนขวัญ แต่เป็นคดีที่เกี่ยวกับความศรัทธาของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ่าครุย อังคาร มีสิทธิ์ที่จะร้องขอให้มีการรื้อฟื้นคดี เขามีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสกับความยุติธรรมเหมือนที่ประชาชนทั่วไปมี ส่วนฉันได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการในฐานะภรรยาของจ่าครุย อังคาร”
คำพูดของแขมแขได้ใจแนวร่วมของครุยที่ป่าช้าถึงกับร้องเฮขึ้นอย่างชอบใจ ทุกคนอยู่หน้าจอโทรทัศน์เก่าๆ ที่มีสายไฟระโยงระยางบอกอายุการใช้งานอันเก่าคร่ำครึ
“ฉันเชื่อแล้วว่างานนี้คุณแขมแขประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นภรรยาของจ่าครุย คนเป็นภรรยามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้สามี” กลอยใจชื่นชม หมวดอินทร์ผสมโรงว่าน่าภูมิใจแทนจ่าครุยจริงๆ
“ได้ใจมาก มันต้องยังงี้สิ ถึงจะรักกันจริง” สาลิกาปรบมือเชียร์สุดตัว มะตูมเหลือบมองแล้วพยายามทำใจ บอกว่าแขมแขทำแบบนี้แสดงว่าต้องได้หลักฐานอะไรใหม่ๆ
“ข้าก็ว่ายังงั้น ไอ้จ่าโง่นตายแล้ว มันตายเร็วไปหน่อยว่ะ ข้าอยากเห็นหน้ามันตอนที่จ่าครุยพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ อยากรู้ว่าหน้ามันจะเหลือสักกี่นิ้ว”
“จ่าโง่นตาย แต่ยันต์ ยมราชยังอยู่ ตอนนี้มันคงร้อนจนนั่งไม่ติดแล้วล่ะ ใช่ไหมลุงสัปเหร่อ”
“ใช่...มันต้องลุกขึ้นมาเกาขี้เรื้อนแน่”
จริงแท้แน่นอนดังคำของสัปเหร่อโข่ง ยันต์เห็นข่าวนั้นแล้วแทบจะปารีโมตทีวีทิ้ง
“แขมแขจะรื้อคดีจ่าครุยขึ้นมาใหม่ในนามเมียจ่าครุย นี่เธอกล้าประกาศตัวเป็นเมียจ่าครุยแล้วหรือ ออกตัวแรงจนฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านี่เป็นการกระทำของแขมแข...ขาล แกไปตามจ่าโง่นมาพบฉัน”
“คุณยันต์ครับ จ่าโง่นตายแล้วครับ”
“อ้อ...ฉันลืมไป ฉันคงเครียดน่ะ งั้นก็เรียกทนายมาพบฉัน ฉันอยากรู้ว่าพยานที่ให้การปรักปรำจ่าครุยคราวนั้นมีกี่คน ใครบ้าง”
ขาลรับคำสั่งและอดขำไม่ได้ว่ายันต์เครียดจนเพี้ยน ขนาดสมุนมือขวาตายไปแล้วยังจำไม่ได้
ooooooo
พยานที่ให้การปรักปรำจ่าครุยจนดิ้นไม่หลุดโดนจองจำถึงหกปีคือนายท้วม นายแหล่ และนายช้วน ...ยันต์ส่งสมุนตามสืบจนพบและขับรถชนนายแหล่ตายเป็นรายแรก หลังจากเขาโดนครุยบังคับเข้าไปพบแขมแขมาแล้วครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์สุดโหดนี้เกิดขึ้นต่อหน้านายท้วม นั่นยิ่งทำให้นายท้วมหวาดกลัวมากวิ่งเตลิดหนีหายไป ครุยกับแขมแขรู้ข่าวอดสงสารนายแหล่ไม่ได้ แต่ครุยก็ยังไม่หยุดยั้งที่จะเร่งหานายท้วมและนายช้วนให้พบก่อนที่เขาจะกลายเป็นศพไปอีก
เมื่อได้เบาะแสนายช้วน ครุยตามไปถึงบ่อนไก่ เป็นเวลาที่นายช้วนรู้ข่าวนายแหล่พอดี จึงเกิดความกลัวจะโดนยันต์ฆ่าตัดตอน เขายอมมาพบแขมแขและตกลงให้ความร่วมมือรื้อคดีเพราะครุยรับปากจะคุ้มครองป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับเขา ส่วนนายท้วมพยานอีกคน ครุยก็ตามไปช่วยชีวิตเขาไว้ได้ก่อนที่สมุนของยันต์จะลงมือ
ด้านหลวงตาที่ถูกสมุนของยันต์จับผิดตัวมา ท่านไม่ได้เดือดร้อนใดๆ หากแต่ยังหาเวลาสวดมนต์เทศนาให้พวกเขาฟัง สร้างความอิดหนาระอาใจให้กับยันต์อย่างยิ่ง ขาลเกรงว่าวันหนึ่งหากยันต์ทนไม่ได้หลวงตาอาจเป็นอันตรายจึงพยายามหาทางให้ท่านออกจากบ้านยันต์โดยเร็ว
เมื่อยันต์ล่วงรู้ว่าครุยได้พยานไปสองคนจึงเบนเป้าหมายไปที่ทนายแทน หากไม่มีทนาย ครุยย่อมพลิกคดีใหม่ไม่ได้ คืนนี้เองพวกยันต์ดักยิงทนายจนพรุนไปทั้งร่าง เช้าขึ้นเป็นข่าวใหญ่ ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งเมือง แขมแขเชื่อว่าเป็นฝีมือของยันต์ เช่นเดียวกับพวกครุยที่จับกลุ่มอยู่กับสัปเหร่อโข่งที่ป่าช้า ต่างพากันหนักใจว่าจะมีทนายที่ไหนกล้าทำคดีให้จ่าครุยอีก
คำม่วนห่วงมะตูมและอยากช่วยครุยเล่นงานยันต์จึงเดินทางมาเมืองโคราชอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งกลับสีคิ้วได้ไม่นาน แต่คราวนี้คำม่วนมาเจอดีติดบ่วงกลของพวกมะตูมเสียจนเวียนหัว แล้วทุกคนก็ร่วมกันหารือเรื่องทนายที่โดนฆ่าตาย ส่วนแขมแขกับบุญท้วมไปฟังสวดศพทนายที่วัดแล้วเผชิญหน้ากลุ่มของยันต์ที่มาปรากฏตัว
ยันต์เดินมานั่งเก้าอี้ยาวด้านหน้าที่แขมแขนั่งอยู่ก่อน หญิงสาวไม่มีท่าทีหวั่นเกรง เช่นเดียวกับยันต์มองเธอด้วยแววตาท้าทาย
“ผมมาแสดงความเสียใจกับคุณ ที่คุณเสียทนายมือดีในคดีสำคัญ คดีจ่าครุยคงต้องเลื่อนออกไป คุณก็คงจะลำบากหน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วง เพราะถึงทนายจะถูกฆ่า ก็ยังมีทนายคนอื่นอีกที่เขาพร้อมจะเสี่ยงตายเพื่อทำคดีนี้ มีทนายโจร ก็ต้องมีทนายที่มีลูกบ้า ฉันคิดว่าฉันหาได้”
“ดูคุณมั่นใจ”
“ใช่ ฉันมั่นใจ ถ้าฉันสลัดความกลัวหลุดได้คนที่กลัวอิทธิพลมืดต้องสลัดหลุดได้เหมือนฉัน บางทีการต้อนคนให้จนมุมที่ความกลัว มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ใช้ได้ในตอนนี้ ตอนที่คนเปลี่ยนไปแล้ว”
“คุณจะทำยังไง”
“โปรดติดตามตอนต่อไป”
คำตอบนั้นของแขมแขเล่นเอายันต์โกรธแทบระงับโทสะไม่อยู่...
เสร็จจากงานศพ แขมแขกลับโรงเลื่อยพร้อมบุญท้วมแล้วพบว่าครุยมารออยู่ บุญท้วมเลี่ยงออกไปปล่อยให้สองคนคุยกันในห้องทำงาน
“คุณจะทำยังไงต่อไป”
“เราต้องหาทนายใหม่ เพราะทนายท้องถิ่นคงไม่มีใครกล้ารับคดีนี้ จะต้องใช้ทนายที่มาจากที่อื่น คนที่เขากล้าตาย”
“ผมหนักใจแทนคุณนะ ใครจะกล้าตาย ในเมื่อตายแล้วเขาไม่ได้ในสิ่งที่คุ้มตายเลย”
“อย่าคิดว่าคนทุกคนกลัวตายสิคะ ถ้าบ้านเมืองเราไม่มีคนที่ยังมีอุดมการณ์ต่อแผ่นดินแล้ว เราจะเป็นบ้านเป็นเมืองได้ยังไง ฉันจะหาทนายคนใหม่ให้ได้”
แขมแขมุ่งมั่นมาก แล้วอีกไม่นานพวกยันต์ก็รู้วิธีหาทนายคนใหม่ของแขมแข เพราะเธอลงในเฟซบุ๊กว่ารับสมัครทนายเดนตาย ขาลรายงานเจ้านายพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดหน้าเฟซบุ๊กของแขมแขให้ดู
“รับสมัครทนายเดนตายยั้งงั้นหรือ”
“ครับ...คุณแขมแขเปิดรับสมัครทนายที่พร้อมจะว่าความสวนทางลูกปืน มีสมัครเข้ามาเป็นร้อยเป็นพันคนที่พร้อมจะดังถ้าถูกเลือก และถ้าคดีนี้ชนะ ทนายก็จะดังไปสามโลกแปดโลก”
ยันต์โกรธจัดขว้างโทรศัพท์แตกกระจาย “เฮ้ย! แขมแขคิดออกมาได้ยังไงวะ ยังงี้ก็เท่ากับประกาศตัวเองต่อโลกว่าคดีนี้เป็นคดีโค่นอิทธิพล โค่นฉัน”
“วิธีคิดแบบผู้หญิงๆ บางทีเราก็คาดไม่ถึงหรอกครับคุณยันต์ ขนาดคุณยันต์ คุณแขมแขยังยิงมาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้”
“แขมแข...ตั้งแต่เป็นเมียจ่าครุยชักจะบ้าเหมือนจ่าครุยขึ้นทุกวัน ได้! ถ้าคิดจะหาทนายมาสู้กับฉัน...”
“ตอนนี้คนทั้งเมืองกำลังมองมาที่คุณยันต์นะครับ คุณกำลังตกเป็นเป้าสายตา เป็นที่สนใจ ถ้ามีทนายฝ่ายจ่าครุยถูกยิงตายอีกคน ผมก็ไม่เชื่อว่าจะหยุดคดีนี้ได้”
ฟังเหตุผลของขาลแล้วยันต์ถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความหนักใจ
ooooooo










