สมาชิก

ข้ามาคนเดียว

ตอนที่ 13

ครุย อินทร์ และกลอยใจปลอดภัยกลับมาที่วัดหลังจากคนขับรถสองแถวช่วยเหลือ ทุกคนยินดีต้อนรับผู้มาใหม่สองคน บริเวณป่าช้าเลยกลายเป็นฐานที่มั่นสำหรับคนเกลียดชังยันต์ไปโดยปริยาย

สัปเหร่อโข่งใช้วิธีแผนโบราณรักษาขาให้อินทร์ที่ยังปวดและอักเสบเพราะเขาไม่ยอมไปโรงพยาบาล ส่วนกลอยใจช่วยดูแลเอาใจใส่อินทร์ไม่ห่าง ทุกคนเชื่อว่ากำลังใจดีอย่างนี้หมวดต้องหายเป็นปกติในเร็ววัน

ยันต์ไม่พอใจที่สมุนถล่มป่าช้าไม่สำเร็จเพราะมันเตรียมรับมือล่วงหน้าด้วยระเบิด สงสัยว่าใครคือหนอนบ่อนไส้ แต่ขาลพูดให้ยันต์ไขว้เขวว่าตนไม่สงสัยใครเพราะครุยเป็นตำรวจมือดี ผ่านการฝึกจากหน่วยรบพิเศษ ที่เขาพลาดจนถูกจับคดียาเสพติดเพราะผลีผลามตั้งใจจริงจับตอใหญ่มากเกินไปถึงได้ถูกจ่าโง่นหักหลัง เรื่องรับมือแค่นี้ครุยคิดเป็น เขาใช้หลักการตั้งรับแบบกองโจรบวกกับสัญชาตญาณตำรวจเก่า

“แกหมายความว่าฉันต้องสู้กับสัญชาตญาณของจ่าครุยอย่างงั้นหรือ”

“คนเจ็บมากคือคนที่จำได้มาก จ่าครุยคงจะจำอะไรๆที่คุณยันต์ทำไว้กับเขา เพราะฉะนั้นอย่าระแวงว่าใครจะเป็นหนอนเลยครับ คุณยันต์เดาใจจ่าครุยให้ถูกทิศดีกว่าว่าเขาจะทำอะไร”

ยันต์รับฟังแต่สุดจะคาดเดาความคิดครุย แล้วคืนเดียวกันนี้เองครุยก็มุ่งหน้าไปทำลายธุรกิจส่งรถยนต์ข้ามแดนผิดกฎหมายของยันต์ ซึ่งรถทุกคันที่ได้มาล้วนใหม่เอี่ยมป้ายแดงเตรียมส่งขายนอกประเทศในราคาต่ำกว่าครึ่งจากราคาจริง

ครุยคิดว่าตนเองปฏิบัติงานนี้ตัวคนเดียว พอถึงเวลากลับพบว่าสัปเหร่อโข่งกับสมุนตามมาร่วมด้วยช่วยกันจนภารกิจสำเร็จลุล่วง สร้างความเสียหายให้ยันต์แทบกระอักตาย เพราะเขาคาดหวังจะนำเงินก้อนใหญ่ที่ได้จากการส่งขายรถพวกนี้มาเป็นทุนสำหรับลงสมัครนักการเมืองท้องถิ่น
หนำซ้ำในคืนเดียวกัน ยันต์ยังถูกหยามถึงบ้านด้วยฝีมือมไหศวรรย์ที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้ไฟในบ้านดับหมดแล้วฉกเงินทองของมีค่าไปจำนวนมากโดยที่ขาลผู้อารักขาไม่คิดทำอะไรเลย

ยันต์สูญเสียมหาศาล ตกอยู่ในภาวะคั่งแค้นและเคร่งเครียด สั่งสมุนติดตามแกะรอยคนเอาเงินทองของตนไป รวมทั้งเรื่องส่งขายรถแต่พังพินาศหมด ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นฝีมือจ่าครุย

ooooooo

นานวันมะตูมก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้ในตัวตนของขาล วันหนึ่งขณะสบโอกาสพบกันเธอคาดคั้นเขาเป็นการใหญ่ ผลคือโดนเขาจูบปากจนชาดิกแล้วสำทับว่าทีหลังอย่าถามมาก เตือนให้ระวังตัวก็ระวังไว้

มะตูมกลับมาที่ป่าช้าด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล ตักน้ำล้างปากครั้งแล้วครั้งเล่าจนเก่งกับเฮงสงสัยว่าลูกพี่ของตนไปโดนใครจูบปากมา ครั้นซักถามก็ได้คำตอบชวนขำขันว่าโดนหมาจูบ

เช้าวันนี้ครุยเข้ามาถามไถ่อาการของอินทร์ ขณะที่ กลอยใจกับมะตูมช่วยกันหุงหาอาหารอยู่อีกมุม

“ผมดีขึ้นแล้ว กลางคืนได้นอนหลับสนิท กลางวันก็ถูกดูแลอย่างดี ผมคงถูกกับยาพื้นบ้านสมุนไพรของลุงโข่งน่ะ”

“เมื่อคืนเราทลายเครือข่ายลักรถยนต์ส่งขายได้ส่วนหนึ่ง สมุนของไอ้ยันต์ตาย มันคงรู้แล้วว่าเป็นการกระทำของใคร เราอาจจะหยุดมันไม่ได้ทั้งหมด แต่นี่เป็นการท้าทายมัน”

“เสียดายที่ผมยังเจ็บอยู่ ผมอยากออกไปช่วยจ่า”

“หมวดรักษาขาให้หายก่อนดีกว่า ยังมีอะไรที่หมวดต้องทำในส่วนที่หมวดรับผิดชอบเรื่องไม้”

“จ่าพูดเหมือนจ่าไม่เชื่อว่าผมถูกพักราชการแล้ว หรืออาจจะถูกไล่ออกถ้าความผิดมันพิสูจน์ให้เป็นความถูกต้องไม่ได้”

“หมวดไม่ประมาทเหมือนผม งานของหมวดแค่ตรงไปตรงมาก็มีความชัดเจนแล้ว แต่งานปราบยาเสพติดของผมตอนนั้นมันซับซ้อนเข้าใจยาก เหมือนมันอยู่ในมุมมืด ผมถึงได้พลาด หมวดจะต้องไม่เป็นเหยื่ออย่างผม”

เช้าวันเดียวกัน บุญท้วมยิ้มร่าถือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเข้ามาหาแขมแขในห้องทำงานด้วยความดีใจ

“คุณแขมแขขา...ดูนี่ค่ะ โคราชบ้านเรามีเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้วล่ะค่ะ เขาสองสามีภรรยานำเงินจำนวนหนึ่งเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าแล้วก็มอบทองแท่งให้สถานเลี้ยงเด็กแรกเกิดที่ถูกทอดทิ้งด้วย ดูสิคะ สามีภรรยาผู้ใจบุญเป็นใคร”

แขมแขเพ่งมองสองสามีภรรยาในหนังสือพิมพ์แล้วอุทานอย่างคาดไม่ถึง “สาลิกา...มไหศวรรย์”

เวลานั้นผู้ใจดีทั้งสองยังคงตระเวนทำบุญตามที่ต่างๆอย่างมีความสุข แจกจ่ายข้าวปลาอาหารและขนมนมเนยให้เด็กกำพร้าและตั้งใจว่าจะเลี้ยงแบบนี้ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วมอบเงินทองเพื่อเป็นทุนการก่อสร้างสถานเลี้ยงเด็กแรกเกิดที่ถูกทอดทิ้ง สร้างสนามเด็กเล่น ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กๆ และมีทุนทรัพย์ไว้เพื่อมอบให้แก่องค์กรนี้เพื่อนำไปเป็นประโยชน์กับเด็กๆ

เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของเด็กๆและเจ้าหน้าที่ดังลั่น สาลิกากับมไหศวรรย์ยิ้มหน้าบานเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่อีกทางยันต์ ยมราช กำลังน้ำตาตกใน คำรามด้วยความโกรธแค้นสุดขีด หลังจากเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์

“ไอ้ไห! ไอ้ตัวแสบ เอาคนออกไปล่าหัวมัน เจอที่ไหนยิงทิ้งที่นั่น...จ่าครุยรู้เรื่องที่ฉันส่งรถไปขาย มันส่งของกลางให้ตำรวจ ตั้งแต่จ่าโง่นตายไม่มีใครกล้าขยับทำผิดกฎหมายเพราะกลัวสื่อ ถึงจะไม่มีการสาวมาถึงตัวฉัน แต่ฉันก็ต้องระวังไม่ให้เกิดประเด็น เพราะอะไรพวกแกก็น่าจะรู้”

“ผมจะเอาคนไปควานหาตัวไอ้ไห” ยงอาสา

“เร็วที่สุด...ก่อนที่มันจะเอาของของฉันไปทำดีใส่ตัวมันเองแล้วกรวดน้ำให้ฉัน นังสาลิกาด้วย ตั้งแต่ไม่มีใครกล้าจ้างมันไปแสดง มันก็กลับมาร่วมกับไอ้ไหก่อกวนฉัน มันเป็นพวกจ่าครุย”

“ตอนนี้พวกจ่าครุยเริ่มออกตัว ผมเกรงว่ามันจะไม่หยุดแค่นี้ เพราะว่าคุณยันต์มีโจทก์เยอะ”

ยันต์หันขวับไปจ้องหน้าขาลที่แสดงความเห็นออกมาก่อนตะเบ็งเสียงอย่างคั่งแค้น พยาบาท

“ใครวะ ใครจะกล้าออกมาสู้กับฉันซึ่งๆหน้า จ่าครุยแค่ใช้ความเป็นตำรวจเก่ากับสัญชาตญาณอย่างที่แกว่า...ฉันจะใช้สัญชาตญาณโจรสู้กับมัน”

ooooooo

หลังจากส่งมอบความสุขและเงินทองให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วสองผู้ใจดีก็พากันมุ่งหน้ากลับฐานที่มั่นอันซอมซ่อของสัปเหร่อโข่ง

แต่ไม่ทันถึงที่หมาย ระหว่างทางเจอสมุนของยันต์ ยมราช ดักถล่มแทบเอาชีวิตไม่รอด ต้องกระโดดหนีลงแม่น้ำแล้วลัดเลาะป่าละเมาะเพื่อไปให้ถึงป่าช้า ส่วนสมุนของยันต์ซึ่งนำโดยไอ้ยงตัดใจไม่ติดตาม แต่กลับไปบอกเจ้านายเพื่อวางแผนพาคนไปถล่มแนวร่วมทุกคนของครุยในคราวเดียวกัน เผาให้ราบเป็นหน้ากลองอย่าให้เหลือรอดไปได้แม้แต่คนเดียว

เมื่อรู้เรื่องราวจากมไหศวรรย์และสาลิกา กลุ่มของสัปเหร่อโข่งเร่งเตรียมการรับมือพวกศัตรูด้วยปืนและระเบิดที่ล้วนประดิษฐ์ขึ้นมาเอง พร้อมกันนี้มะตูมก็ได้รับการแจ้งข่าวทางไลน์จากผู้หวังดีว่าจะเกิดไฟไหม้ มะตูมจึงเรียกรถดับเพลิงมาทันท่วงที

ยันต์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่สมุนจัดการแนวร่วมของครุยไม่ได้ และความสงสัยว่าใครคือหนอนบ่อนไส้ก็ยิ่งเพิ่มพูน สั่งให้เช็กกล้องวงจรปิดในบ้านตามที่ยงแนะนำแต่ขาลบอกว่ากล้องเสียมาสองสามวันแล้วตนเรียกช่างไปที่บริษัทฯ เขาจะส่งช่างมาซ่อมวันนี้

ยันต์หงุดหงิดไม่สบอารมณ์แต่ไม่เฉลียวใจว่าหนอนบ่อนไส้คือขาล มีเพียงยงเท่านั้นที่รู้สึกผิดสังเกตและคอยเพ่งเล็งขาลเรื่อยมาแต่ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขาสักที

ครุยเดินหน้าทำลายธุรกิจของยันต์ที่มีอีกหลายอย่าง คราวนี้เป็นคิวของโรงโม่หิน แรงระเบิดที่ครุยกดรีโมตอยู่ภายนอกทำให้ทุกสิ่งอย่างข้างในมอดไหม้แทบเป็นจุณ แขมแขกับบุญท้วมรู้ข่าวนี้ต่างพากันสะใจและเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือครุย

ยันต์มาดูโรงโม่หินของตนด้วยความรู้สึกเจ็บลึกระคนโกรธแค้น

“โรงโม่หินมูลค่าหลายสิบล้านของฉันพัง เครื่องจักรโดนระเบิด เสียเวลาทำงาน เสียเงิน ซ้ำยังเสียหน้าเพราะมีคนมือบอนไปตั้งคำถามเรื่องสัมปทาน ผู้ใหญ่ที่เซ็นอนุมัติสัมปทานโม่หินให้ฉันโดนเพ่งเล็ง มันกระเทือนมาถึงชื่อเสียงของฉันด้วย”

สมุนทุกคนก้มหน้านิ่งด้วยความเห็นใจเจ้านาย ยกเว้นขาลที่แอบสะใจอยู่ลึกๆ

“ขาล...แกไปสืบมาให้ได้ว่าใครเป็นต้นเรื่องที่โพสต์เรื่องนี้ลงไปในเน็ตจนกลายเป็นกระแส จ่าครุย

มันลงมือเร็วเสียจนฉันตั้งตัวไม่ทัน ส่วนยง...แกรีบจัดคนไประวังธุรกิจของฉันที่ยังไม่โดนป่วน อย่าให้พวกของจ่าครุยเข้ามาก่อกวนอีก ตอนนี้ฉันยังไม่สะดวกที่จะออกหน้า เพราะแขมแขจ้องฉันอยู่ แขมแขกำลังจะทำตัวเป็นคู่แข่งของฉัน ฉันสงสัยว่าแขมแขจะเล่นการเมืองท้องถิ่น”

“ถ้ายังงั้นคุณยันต์คงจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวเสียแล้วล่ะครับ”

“ผู้หญิง...จะมีอะไร”

“อย่าประมาทผู้หญิงนะครับคุณยันต์ ผู้หญิงมักจะทำสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ยิ่งตอนนี้คุณแขมแขยิ่งต้องออกตัวแรงเพราะมีคดีค้างคาอยู่กับคุณยันต์”

“ใครจะกล้าทำคดีนี้ ฉันถามหน่อยว่าใครจะกล้าแตะต้องฉัน องค์กรกุศลทุกแห่ง วัดทุกวัดฉันเป็นเจ้าภาพกฐินทุกปี ใจบุญออกยังงี้ไม่ไปสวรรค์แล้วฉันจะไปไหน เสี่ยไพบูลย์คิดจะแปรพักตร์ไปเป็นพยานปรักปรำฉันเรื่องไม้พะยูง แล้วเสี่ยจะรู้ว่าลูกปืนน่ะมันเข้าใครแล้วมันไม่ออก” ยันต์หยิ่งทะนง แววตาแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้...

วันเดียวกัน เสี่ยไพบูลย์ซึ่งหลบไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยได้ติดต่อมายังแขมแขว่าต้องการกลับโคราช แต่แขมแขไม่เห็นด้วย ให้เหตุผลจนพ่อคล้อยตามว่าเวลานี้สถานการณ์ตึงเครียด ยันต์กำลังจะกลายเป็นเสือลำบาก แต่เสือตัวนี้ไม่สิ้นลายง่ายๆ พ่ออยู่ที่นั่นปลอดภัยกว่า ไม่ต้องห่วงตน ตนระวังตัวและกำลังให้ทนายหาตัวพยานที่เคยเบิกความใส่ร้ายจ่าครุยเพื่อพลิกคดีของเขาขึ้นมาใหม่ เขาจะได้กลับมาเป็นตำรวจแล้วกวาดล้างอิทธิพลของยันต์ ยมราช ให้หมดเมือง

ooooooo

เพราะทระนงในอิทธิพลของตนเอง ยันต์ส่งสมุนไปเก็บค่าคุ้มครองจากพวกวินรถสองแถว แต่คราวนี้ไม่มีใครยอมจ่ายแถมยังลุกฮือขึ้นกระทืบพวกมันจนจุกเสียดมึนงงแทบลากสังขารกลับไปไม่ไหว

มะตูมฉวยโอกาสจากเหตุการณ์นี้ปลุกปั่นชาวบ้านร้านตลาดให้เกลียดชังยันต์ ยมราช ยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการก่อม็อบถือป้ายข้อความด่าทอยันต์ เมื่อเจ้าตัวรู้จากสมุนก็โมโห ขณะที่ขาลแอบระอาพฤติกรรมเด็กๆของมะตูม

“นังมะตูมนี่มันชักจะบ้าระห่ำใหญ่แล้ว ไม่รู้เด็กรู้ผู้ใหญ่ นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไปจับตัวมา”

ขาลได้ฟังคำสั่งของยันต์ก็คัดค้านอ้างเหตุผลชวนเชื่อว่ามีเรื่องกับเด็กจะเสียเปรียบ เด็กนั่นบ้าๆบ๊องๆ ถ้าไม่บ้าไม่บ๊องคงไม่กล้าทำอย่างนี้ ยันต์รับฟังแต่ไม่เชื่อ สั่งสมุนไปเอาตัวมะตูมมาพิสูจน์ความจริง

แต่แล้วสมุนไม่เอาไหนของยันต์ก็ทำงานไม่สำเร็จอีกตามเคย แถมโดนพวกมะตูมกับชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์กลางตลาดจนสะบักสะบอม กลับมาแล้วโดนยันต์ด่ากราดเรียงตัว

“นังมะตูมมันเหมือนนกรู้ มันใช้กำแพงคนกั้นตัวมันจากพวกแก แกมันโง่กว่าเด็ก ถึงได้เสียท่าตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมพวกมัน”

“ผมทำอะไรไม่ได้เต็มที่เพราะว่า...”

“แกไม่ต้องแก้ตัว ฉันเองยังทำอะไรไม่ได้เต็มที่เลย เดี๋ยวนี้อะไรๆมันเปลี่ยนไป ตอนนี้มีคนกล้าเกลียดยันต์ ยมราช จนไปออกอาการกับสื่อ ฉันออกไปโวยวายก็ไม่ได้ ฉันถึงต้องนิ่ง”

“ดีครับ เรื่องบางเรื่องนิ่งไว้ดีกว่า ไม่อย่างงั้นอาจจะโดนสาวไส้”

“แต่ฉันจะไม่หยุดนิ่งอยู่เฉยๆ ฉันมีวิธีที่จะย้อนรอยไอ้จ่าครุย”

วิธีนั้นก็คือต้องจับตัวสามเณรสีหมอกมาให้ได้ ยันต์กำชับไอ้ยงให้สั่งคนเรือของเราตามชายฝั่งจับตาดูพระกับเณรไว้ ถ้าเห็นพระกับสามเณรสีหมอกข้ามฝั่งมาเมื่อไหร่ให้รายงานตนทันที ขาลตกใจท้วงขึ้นว่า

“คุณยันต์ พระนะครับ ไม่เห็นแก่เณรก็น่าจะเห็นแก่พระ ผมเห็นคุณรับเป็นเจ้าภาพกฐินทุกวัด”

“ฉันต้องรับกฐิน ทอดผ้าป่า แจกน้ำ มอบสมุดดินสอให้กับนักเรียน เพราะนั่นเป็นหน้าตาของฉัน แต่เรื่องฉันกับจ่าครุยนี่ ถ้าจำเป็นต้องมีพระกับเณรเข้ามาเกี่ยวด้วย ฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะทำบาป”

ขาลสะอึกอึ้งกับความโหดเหี้ยมของยันต์...แล้วหลังจากนี้อีกไม่กี่วัน คนของยันต์ก็เห็นพระกับเณรสีหมอกข้ามฝั่งโขงมาที่หนองคาย เณรไม่สบายอาการน่าเป็นห่วง หลวงตาจึงไม่ไปธุดงค์ต่อ แต่จะพาเณรกลับมารักษาตัว

สมุนของยันต์สี่คนนำโดยยงใช้รถกระบะมุ่งหน้าไปหนองคายโดยไม่รู้ว่ามไหศวรรย์แอบซ่อนตัวใต้ผ้าใบท้ายรถมาด้วย...

ทางด้านครุยที่ยังไม่รู้ว่าลูกชายป่วยไข้ วันนี้เขาไปพบแขมแขและได้รับความเอาใจใส่จากเธอด้วยการโกนหนวดเคราและหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขาเปลี่ยน สองคนไม่เขินอายที่จะแสดงความรักที่นับวันเพิ่มพูน เช่นเดียวกับกลอยใจและอินทร์ ในความลำบากทุกข์ยากสองคนกลับมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ชิด เป็นกำลังใจให้กันและกัน

แต่คนที่ชอกช้ำคงหนีไม่พ้นมะตูมเพราะยังปักใจรักครุย เมื่อเห็นเขากลับมาในสภาพเสื้อผ้าชุดใหม่ไร้หนวดเครารุงรัง มะตูมรู้ว่าฝีมือแขมแขแต่ก็ไม่วายถามจนเกิดดราม่าน้ำตาแตก จนสาลิกาต้องเข้ามาลูบหลังไหล่ปลอบใจ

ที่หนองคาย หลวงตาพาเณรมาอาศัยวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดแม่น้ำโขง

“สามเณรน้อยยังมีอาการไข้ ยังไม่มีเรี่ยวแรงจะออกเดินธุดงค์กลับโคราช ก็จะขออาศัยวัดนอนหลบน้ำค้าง อาการของสามเณรดีขึ้นแล้วก็จะไปกันต่อ”

“ท่านพักเสียที่นี่จนกว่าสามเณรจะหายดีก่อนไม่ดีหรือครับ นานปีทีครั้งพระคุณเจ้าจะธุดงค์ผ่านมา ญาติโยมก็จะได้ฟังธรรมเรียนปฏิบัติภาวนากับท่าน ผมขอนิมนต์ สามเณรน้อยยังเด็กนัก ไปถึงเทือกเขาภูควายได้นี่อัศจรรย์จริงๆ”

“ก็มีความจำเป็นต้องพาสามเณรไปธุดงค์ด้วยเพื่อหลบภัยจากมาร หรือจะหลบไม่พ้นเสียก็ไม่รู้” หลวงพ่อเปรยด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น ซ่อนความกังวลไว้ภายใน

ooooooo

ขาลพยายามโน้มน้าวยันต์ไม่ให้ใช้วิธีรุนแรงจับเณรสีหมอกแต่เปลี่ยนเป็นนิมนต์มาทั้งพระและเณรเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของยันต์เอง

ยันต์กำลังจะเล่นการเมืองจึงคล้อยตามคำแนะนำของขาลด้วยการรีบแจ้งยงให้นิมนต์พระและเณรมาด้วยวิธีละมุนละม่อม แต่เพราะหลวงตาหวาดระแวงอยู่เป็นทุนจึงปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลว่าเณรกำลังป่วยรออีกสองสามวันอาการดีขึ้นค่อยมานิมนต์ใหม่ มไหศวรรย์แอบติดตามพวกยงมาโล่งใจแล้วซุกตัวใต้ผ้าใบรถของยงกลับเมืองโคราชอย่างปลอดภัย

กลับถึงป่าช้าในบ่ายนั้นมไหศวรรย์พบเพียงอินทร์เฝ้าโยงอยู่คนเดียวโดยไม่รู้ว่าก๊วนของสัปเหร่อโข่งหายไปไหน ครุยมาถึงไล่เลี่ยกันหลังจากเขาไปเตือนแขมแขที่จะลงสมัครเลือกตั้งนักการเมืองท้องถิ่นแข่งกับยันต์ แต่เธอยืนกรานไม่เปลี่ยนใจ พร้อมสู้กับอิทธิพลของยันต์ด้วยความดี

ครุยกับมไหศวรรย์คิดทบทวนอยู่ไปมาก่อนนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันเปิดอาบอบนวดของยันต์หลังจากปิดปรับปรุงซ่อมแซมมาระยะหนึ่งเพราะฝีมือพวกสัปเหร่อโข่งที่บุกมาก่อกวน

ยันต์ไม่สะทกสะเทือนสักนิดกับข่าวแขมแขลงสมัครการเมืองท้องถิ่นเป็นคู่แข่ง แถมยังพูดจาดูแคลนเธอให้ขาลฟังอย่างมันปาก แล้วตบท้ายว่าเขาจะทำให้แขมแขเจ็บและอายเรื่องเสี่ยไพบูลย์ไม่ใช่คนขาวสะอาด

พวกสัปเหร่อโข่งยกพลไปอาบอบนวดของยันต์จริงๆ ทุกคนมาในคราบหญิงสาวเช่นเดียวกับมะตูมและสาลิกา แต่งองค์ทรงเครื่องจนจำหน้าเดิมไม่ได้แล้วแกล้งทะเลาะกันแย่งแขกจนเกิดความวุ่นวาย ก่อนที่พวก

ไอ้ยงจะเผ่นเข้ามาจัดการตามคำสั่งของยันต์ที่ให้คอยสอดส่องป้องกัน

สองฝ่ายปะทะกันไม่นานสัปเหร่อโข่งก็สั่งคนของตนถอยออกไปด้วยความสะใจ สถานที่เสียหายไม่น้อยและลูกค้าขวัญหนีดีฝ่อคงไม่มาเที่ยวกันอีกนาน

ยันต์เจ็บปวด อับอาย และคั่งแค้น แผดเสียงคำรามด้วยความโกรธสุดขีดหลังจากโดนแก๊งเดิมซ้ำเติมความเสียหาย

“ปิดปรับปรุง โธ่โว้ย! คราวที่แล้วก็ปิดซ่อมเพราะพวกไอ้จ่าครุยมันไปถล่ม คราวนี้ขนาดจัดกำลังไปรอมันแล้วเชียว มันยังเข้ามาถล่มถึงข้างใน กระจกแตกบรรลัยหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ทีนี้ก็ต้อง...”

“ถ้าคุณยันต์ไม่ต้องการปิดปรับปรุง ก็เลิกกิจการสิครับ”

“ไม่ได้ ฉันเลิกกิจการไม่ได้ เพราะมันทำเงินให้ฉันอย่างมหาศาล ธุรกิจกลางคืนพวกนี้มันเป็นแหล่งเงินสำคัญ แต่ฉันไม่เข้าใจเลย...แกก็รู้ว่ามันต้องเข้าไปป่วน แล้วทำไมแกถึงได้ปล่อยมันเข้าไปถึงข้างใน”

ยงอึกอักหาเหตุผล แต่ไม่ทันใจยันต์ที่กำลังเดือดดาล

“แกไม่ต้องมาแก้ตัว แกรู้มั้ยว่าฉันเสียหน้าจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ฉันจะหาทางแก้แค้นพวก ไอ้จ่าครุย ไอ้สัปเหร่อโข่งตัวแสบ เอาตัวมันมาให้ฉัน ฉันจะกระทืบมัน!”

ยันต์เกรี้ยวกราดหนักจนยงเร่งวางแผนเอาตัวสัปเหร่อโข่งมาให้ได้ด้วยการส่งข่าวเท็จว่าแม่ของสัปเหร่อโข่งกำลังป่วยหนักให้รีบไปเยี่ยม แต่กลายเป็นคนที่โดนถล่มแทบเดี้ยงคือพวกยงเอง เพราะแม่สัปเหร่อโข่ง

ตายนานแล้ว เขาทำทีเหมือนหลงกลแต่แอบตลบหลังพวกมันจนหนำใจ

ooooooo

แขมแขเริ่มหาเสียงตามตลาดและบ้านเรือน โดยใช้วิธีเคาะประตูบ้านแจกแจงนโยบาย บุญท้วมช่วยได้เยอะเพราะรู้จักมักคุ้นชาวบ้านร้านตลาดเป็นอย่างดี ยันต์รู้เรื่องนี้แต่ไม่มีท่าทีขลาดกลัว เขายิ้มร่าต้อนรับแขมแขที่กล้าหาญมาเคาะประตูบ้านเพื่อหาเสียง

แน่นอนว่าแขมแขคิดรอบคอบแล้วในการมาครั้งนี้ เธอกับบุญท้วมมาพร้อมนักข่าวหลายสำนัก มีการถ่ายทอดสดจนยันต์ไม่กล้าลงมืออะไรกับเธอได้ เมื่อครุยรู้เรื่องก็ดอดมาชื่นชมแขมแขถึงที่พักในตอนกลางคืนด้วยความรักและพร้อมให้กำลังใจเธออย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะยันต์ ยมราช
คืนเดียวกันมะตูมนอนไม่หลับออกไปเดินตบยุงรอการกลับมาของครุยแถวเมรุ จู่ๆขาลปรากฏตัวจน

หญิงสาวสะดุ้งโหยง เงื้อหมัดขึ้นเตรียมซัด

“อย่า! ผมเอง”

“มาทำไมที่นี่ ดึกดื่นป่านนี้”

“น่าจะถามตัวเองนะ ว่ามืดค่ำดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่นอน ออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่หน้าเมรุเผาศพนี่ ใครผ่านไปผ่านมาเขาจะคิดว่าเป็นพวกสัมภเวสีผีไม่มีญาติ”

“นี่...ปากดีนัก เดี๋ยวเจ็บ”

“เรื่องถล่มอาบอบนวดของยันต์รอบสองนี่ฝีมือสัปเหร่อโข่งใช่ไหม”

“ฝีมือของคนทุกคนที่เกลียดยันต์ ยมราช”

“ยันต์มีคำสั่งให้จับตัวสัปเหร่อโข่งให้ได้ ผมก็เลยรีบมาเตือนมะตูมไว้ ตอนนี้ยันต์กำลังลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่น ถึงจะต้องรักษาภาพลักษณ์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เอาคืน”

“สงสัยอีกแล้ว...ว่าน้าเป็นพวกของใครกันแน่”

“ที่เตือนก็เพราะห่วง อย่าประมาทเป็นอันขาด ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นพวกของใคร ให้คิดว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเห็นใครต้องมาตายก่อนวัยอันควร”

“น้าขาล...ถ้าน้ายังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ว่าเป็นพวกของใคร ก็ไม่มีใครเชื่อใจน้าหรอก อาครุยเองก็เหมือนกัน เขาก็ไม่เชื่อใคร เขาเจ็บเพราะเชื่อใจจ่าโง่นมาแล้ว”

“เอาเป็นว่าให้สัปเหร่อโข่งระวังตัวไว้”

“เดี๋ยวก่อนน้า อย่าเพิ่งไป”

“มีอะไร”

“เรื่องที่ส่งสัญญาณรูปไฟมาให้ทางไลน์น่ะ ขอบใจน้ามากนะ นี่ถ้าคิดไม่ออกโทร.เรียกดับเพลิงไม่ทันล่ะก็มีหวังถูกย่างสดทั้งผีทั้งคนเลย”

ขาลยิ้มในหน้าแล้วผละไป มะตูมมองตามด้วยรอยยิ้ม รู้สึกดีกับผู้ชายมาดเข้มคนนี้เข้าให้แล้ว

ooooooo

ข้ามาคนเดียว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด