สมาชิก

อาญารัก

ตอนที่ 21

ทานตะวันหงุดหงิดอารมณ์เสียไม่เลิก เล่นงานคุณนายปลัดไม่พอ ยังอาละวาดใส่เหล่าคุณนายของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดสุพรรณบุรีที่มาใช้บริการร้านเสริมสวยของเธอจนแตกกระเจิง พิศมัยกับลูกจ้างในร้านก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย ต่างทนอารมณ์เจ้านายไม่ไหวขอลาออก ทานตะวันโกรธมากไล่ส่ง

“ไสหัวพวกแกออกไป ไม่ต้องลา ฉันก็จะไล่ไปทั้งฝูงอยู่แล้ว...ไปๆ...ออกจากร้านของฉันเดี๋ยวนี้” ไม่พูดเปล่า คุณหนูบ้านภักดีภูบาลคว้าของใกล้มือปาใส่ ทั้งพิศมัยและลูกจ้างเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทัน สวนกับนายเอกที่เดินไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามา ทานตะวันอารมณ์ค้างตะคอกใส่ว่าสะเออะมาทำไมที่นี่

“กระผมมิได้สะเออะขอรับ แต่ท่านขุนกับคุณนายเรียมสั่งให้กระผมมาเรียนคุณหนูอี๊ดว่าเย็นนี้ที่เรือนคุณท่านจะมีการรับประทานอาหารและเล่นดนตรีกันขอรับ ให้ผมมาเรียนว่าให้คุณหนูกลับบ้านเร็วหน่อย”

ทานตะวันนิ่วหน้าสงสัยจะสังสรรค์กันเรื่องอะไร พอรู้ว่าพ่อกับแม่จะเลี้ยงฉลองรับขวัญเนียนที่ได้ประกันตัวและกลับมาเป็นคุณนายเนียนอีกครั้ง เธอแหวลั่นว่าไม่มีวันร่วมฉลองกับลูกชาวบ้านหลานชาวนาอย่างนังนั่นเด็ดขาด ตะเพิดนายเอกไปให้พ้นหน้า ก่อนจะคว้าข้าวของปาไล่หลัง

“นี่เรากลายเป็นนางหัวเดียวกระเทียมลีบไปแล้วหรือ...เป็นเพราะนังสองแม่ลูกนั่น” ทานตะวันทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ...

ในเวลาเดียวกัน ที่ศาลากลางจังหวัด แดงน้อยมาขอคำปรึกษาขุนภักดีเรื่องเนียนยกที่นาให้ เขาไม่เข้าใจทำไมเธอถึงต้องทำอย่างนั้นแทนที่เก็บไว้ให้ลูกชายที่พลัดพรากจากกัน ขุนภักดีเอะใจ หรือว่าแดงน้อยคือลูกชายคนนั้นของเนียน ได้แต่คิดอยู่ในใจยังไม่ทันพูดออกไป เทิดศักดิ์พาเนื้อทองเข้ามาเสียก่อน

“น้องติ๋วจะมากราบขอบพระคุณคุณพ่อที่กรุณาไปประกันตัวน้าเนียนให้ครับ”

เนื้อทองวางธูปเทียนแพแล้วก้มกราบขอบพระคุณแทบเท้าขุนภักดีที่ลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู ซ้ำยังช่วยประคองให้เธอลุกขึ้น เนื้อทองตื้นตันใจมากถึงกับน้ำตาซึม ขุนภักดีอยากจะดึงเธอมากอดใจแทบขาด ทดแทนที่เข้าใจผิดว่าไม่ใช่ลูกของตัวเองมายี่สิบกว่าปีแต่ไม่กล้า ทำได้เพียงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

“อย่าร้องไห้ อีกไม่นานบ้านเราจะเหลือแต่เสียงหัวเราะ” ขุนภักดีปลอบ

แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ต่างมองหน้ากันแปลกใจที่เห็นขุนภักดีไม่มีท่าทีรังเกียจเนื้อทองแม้แต่น้อย

ooooooo

เสียงจะเข้ที่เรียมบรรเลงอย่างไพเราะภายในงานฉลองให้เนียนที่เรือนทองจันทร์ดังลอยตามลมมาถึงเรือนเล็กยิ่งทำให้สนห่อเหี่ยวใจ

“สนุกสนานกันเหลือเกิน ทำไมพี่ขุนไม่มาบอกเราด้วยตัวเอง ทำไมพี่ขุนพูดจากับเราแปลกๆ ดูห่างเหินหรือว่าพี่ขุนสิ้นรักเราแล้ว” สนตัดพ้อน้ำตาไหลพราก เทิดศักดิ์ เพิ่งกลับจากที่ทำงานเห็นแม่ร้องไห้ ถามด้วยความเป็นห่วงว่ามีอะไรหรือเปล่า เธอกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไรแค่คิดถึงเรื่องราวเก่าๆก็เลยเศร้า เขาชวนแม่ไปร่วมฉลองกันที่เรือนคุณย่าจะได้กินข้าวกินปลากันพร้อมหน้า พร้อมตา สนไม่ไป เรื่องอะไรจะต้องไปฉลองให้นังนั่น

“ถ้าแม่อยากไปแม่จะไปเอง เห่อกันเข้าไป มันฆ่าคนก็ยังช่วยกันหาว่ามันไม่ผิด”

“คุณแม่ครับ ผม แดงน้อยและคุณพ่อรู้ดีว่าน้าเนียนไม่ผิด แต่มีคนใส่ความแก น้าเนียนไม่ได้ฆ่ายัยช้อยคนที่ฆ่ายัยช้อย ฆ่านายถม นายสายและคนต้มเหล้าเถื่อนคือคนคนเดียวกัน เรายังมีพยานคือนายแช่มที่พร้อมจะเปิดปากอะไรที่มันรู้อีกหลายประการครับ”

สนชักสีหน้าไม่พอใจแบบนี้เท่ากับสรุปแล้วว่าเนียนไม่ผิด อยากรู้เหลือเกินว่าใครกันที่มาพบเนียนที่ท่าน้ำและยังช่วยโกหกจนพ้นคดีอีก เทิดศักดิ์บอกไม่ได้ เขาคนนั้นขอร้องให้ปิดเป็นความลับ  สนน้อยใจที่ลูกไม่ไว้ใจเดินหนีเข้าห้อง เทิดศักดิ์ได้แต่มองตามหนักใจ...

ขณะที่สนกำลังจมอยู่ในความทุกข์ที่ล้วนแต่เป็นฝีมือของเธอเอง บรรยากาศที่เรือนทองจันทร์กลับเต็มไปด้วยความสุข ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสโดยเฉพาะขุนภักดีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก้มลงไปกระซิบเนียนที่นั่งกับพื้นใกล้ๆ ให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้วยกัน เธอส่ายหน้า ขอนั่งที่เดิม เตือนว่าเราสองคนสัญญากันไว้แล้ว

“แปลกจริง คนเขาจะยกย่องก็ไม่ยอม”ขุนภักดีแกล้งว่า เนียนได้แต่อมยิ้ม หันไปฟังเรียมบรรเลงจะเข้ต่อ  สักพักเทิด–ศักดิ์พาแดงน้อยตามมาสมทบ นายอำเภอหนุ่มไม่เห็นสนอยู่ที่นั่นด้วยก็ถามหา

“กันเอาใจและเดาใจคุณแม่ไม่ถูกว่าคุณแม่ต้องการอะไร คุณแม่เหมือนไม่สบายใจมากๆ กันกลุ้มใจจนนอนไม่หลับ แต่ทำฝืนยิ้มไปวันๆ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกันในวันข้างหน้า” เทิดศักดิ์ว่าแล้วถอนใจ แดงน้อยเห็นใจเพื่อนรักแต่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร...

ด้านสนทนแรงริษยาต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจมาที่เรือนทองจันทร์ เห็นแต่ละคนมีสีหน้าเบิกบาน พาลเหน็บแนมว่าช่างมีความสุขกันจริงๆ ฉลองที่เนียนรอดคุกรอดตะรางกันยกใหญ่ ทองจันทร์ไม่พอใจมากแขวะกลับ

“ย่ะ...พ่อเทพเขาชวนให้ทุกคนมีความสุขฉลองการได้ประกันตัวของเนียน แม่สนรู้ไหมยะว่าคดีนี้มีทีท่าจะโอละพ่อ ตาเทิดศักดิ์กับพ่อแดงน้อยจับคนร้ายผิดตัวย่ะ ไอ้อีคนร้ายนั่น มันลอยนวลไปได้ไม่นานดอกนะยะ”

สนถึงกับหน้าเจื่อนแต่พยายามเก็บอาการไว้ ขุนภักดีไม่อยากให้ต่อความยาวสาวความยืด รีบตัดบทชวนสนมาร่วมวงกินข้าวด้วยกัน เธอกลับยืนนิ่งเอาแต่จ้องเนียนที่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาด้วย

“ไม่ล่ะค่ะพี่ขุน สนมันก็แค่...” สนยังพูดไม่ทันจบ ทองจันทร์ชิงแดกดันเธอเสียก่อน

“...นกไร้ขน คนไร้เพื่อนเพราะดันมีคนร้ายมาฆ่านางช้อยคนสนิท มันน่ะเป็นได้ทั้งขนและเพื่อนของแม่สนแท้ๆ แม่สนจ๋า อย่าว่าคนแก่พล่ามนะยะ แม่สนยังพอมีเวลาหาเพื่อนใหม่เพื่อนแท้สักคน แม่สนมีอะไรก็ปรึกษาปรับทุกข์กับเนียนได้ เขาเรียกว่าปรึกษาปรับทุกข์หากัลยาณมิตร เนียนเขาไม่แล้งน้ำใจดอก”

“ขอบคุณมากค่ะที่หวังดี สนเจอมาเยอะแล้วไอ้อีพวกที่หวังดีประสงค์ร้ายนี่ มันจ้องทำลายสนอยู่เสมอ”

“สน...จะมากไปแล้ว” ขุนภักดีเอ็ดลั่น สนโต้ ไม่ยอมแพ้ว่าคนอย่างตนไม่เคยพอดี จะพูดอะไรก็พูดตรงๆ ไม่หน้าเนื้อใจเสือเหมือนใครบางคน แล้วเดินลงเรือนไปหน้าตาเฉย เทิดศักดิ์ถึงกับหน้าเสีย กราบขอโทษคุณย่าแทนแม่ของเขาด้วย ขุนภักดีไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ชวนทุกคนกินข้าว ไม่ต้องรอทานตะวัน สักครู่คงจะตามมาเอง เขาให้นายเอกไปรับแล้ว ทุกคนลงมือกินอาหารไม่สนใจคุณนายเรือนเล็กอีกต่อไป

ooooooo

ระหว่างทานตะวันบ่ายหน้าไปเรือนทองจันทร์เจอสนเดินสวนมาพอดี ปราดเข้าไปออดอ้อนมีเรื่อง จะปรึกษาด้วย สนเพิ่งโดนทองจันทร์แดกดันมาไม่มีอารมณ์จะพูดดีด้วย ไล่ให้ไปปรึกษาคนอื่น ตนไม่ใช่ขี้ข้าคอยตามแก้ปัญหาให้ เรียนผูกเองก็เรียนแก้เองให้เป็น ต่อจากนี้ไปให้เลิกตอแยกับตนเสียที แล้วด่าแถมว่านังเด็กบ้า

“ว้าย...อีผู้ใหญ่บ้า” ทานตะวันด่ากลับ

“ปัญญาแค่หางอึ่ง สมองเท่าไข่มด ความอดทนเกิดมาไม่เคยมี คอยดูเถิด พ่อแม่ย่าของหล่อนเขาก็เห่อไปรักนังเด็กติ๋วกันหมด แกก็แค่นังหมาหัวเน่า” สนโต้ไม่ยอมแพ้ ด่ากันไปด่ากันมาทานตะวันปากจัดสู้คุณนายเรือนเล็กไม่ได้ ร้องกรี๊ดๆใส่ สนรำคาญเดินหนี

ทุกคนบนเรือนทองจันทร์ได้ยินเสียงกรีดร้องของทานตะวันต่างตกใจ เรียมวานเทิดศักดิ์ลงไปดู ขุนภักดีสั่งห้ามใครไปดูทั้งนั้น ต้องปล่อยวางเด็กคนนี้เสียบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่รู้จักโต ทองจันทร์ตั้งข้อสังเกตว่าคงมีใครขัดใจทานตะวันถึงได้ส่งเสียงร้องเหมือนเปรตขอส่วนบุญ เรียมคิดไม่ออกว่าเป็นใครในเมื่อทุกคนอยู่ตรงนี้กันหมด

“คุณนายสนเจ้าค่ะ” กบกับแมวโพล่งขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน...

เสร็จจากมื้อค่ำ เนื้อทองตามแม่มาที่ห้องนอนหนุนตักแม่ยิ้มไม่หุบที่ขุนภักดีไม่รังเกียจเราสองคนอีกแล้วแต่อดหวั่นใจไม่ได้ว่าท่านอาจจะขุ่นเคืองใจขึ้นมาอีก เนียนยืนยันว่าขุนภักดีไม่โกรธไม่เกลียดพวกเราอีกแล้ว

“ท่านเชื่อแล้วหรือจ๊ะว่าแม่ไม่มีชู้”

“คงอย่างนั้นแหละจ้ะ หนูติ๋วจ๋าเราสองคนมัวมาคุยกัน หนูควรรีบไปดูแลคุณท่านนะจ๊ะ แม่ห่วงท่านมาก” เนียนไล่ลูกทางอ้อมด้วยไม่อยากให้ซักถามอะไรมากความ เนื้อทองรับคำแล้วกลับขึ้นเรือน พลันมีเสียงนายเอกตะโกนเรียกเนียนดังขึ้น เจ้าตัวเดินไปดูที่หน้าต่างห้อง เขาป้องปากกระซิบ กลัวใครจะได้ยิน

“พี่กำลังจะไปรับยายอ่อนมาหาคุณนายเรียม โพล้งกับพี่แพรจะมาหาเนียนด้วย เงียบๆไว้นะ” นายเอกพูดจบรีบร้อนออกไป...

หลังจากเทิดศักดิ์มาลาไปเข้าเวร สนได้ยินเสียงไม้พายกระทบน้ำดังมาจากหลังเรือน ตกใจกลัวคิดว่าเป็นเสือหนักพุ่งไปที่หน้าต่างห้องจะปิดลงกลอน กลับเห็นนายเอกพายเรือพาใครบางคนมุ่งหน้าไปยังท่าน้ำ เธอชะเง้อมองอย่างสนใจก่อนจะตามไปดู ครู่ต่อมา สนแอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ท่าน้ำ เห็นนายเอกพายายอ่อนเดินอย่างระแวดระวังไปทางเรือนด้านใน รีบสะกดรอยตาม...

ที่เรือนขุนภักดี ขณะทานตะวันตัดพ้อต่อว่าพ่อกับแม่ที่รุมตำหนิเธอเรื่องดูแคลนเนียน ซ้ำเติมที่เธอถูกพิศมัยกับลูกจ้างในร้านเสริมสวยพากันยกขบวนลาออก นายเอกโผล่หน้าขึ้นมาบนเรือนท่าทางมีพิรุธ เรียมมองอย่างรู้กัน รีบบอกขุนภักดีให้คุยกับลูกไปก่อน เธอจะขอไปคุยธุระกับนายเอกสักครู่

ooooooo

สนเห็นยายอ่อนมานั่งหลบมุมเหมือนรอใครบางคน ขยับจะเข้าไปหาแต่ต้องชะงัก ถอยกลับเข้ามุมมืดอย่างเดิมเมื่อนายเอกพาเรียมเข้ามา เรียมไม่พูดพล่ามขอร้องยายอ่อนให้ช่วยอยู่เป็นพยานให้เนียนเรื่องที่ไปบ้านแพนในวันเกิดเหตุ รวมทั้งแพรและโพล้งก็ต้องมาเป็นพยานด้วย

“ไม่ใช่แค่มาเป็นพยานเท่านั้นดอกเจ้าค่ะ อิฉันต้องมาจัดการเรื่องที่นาที่ซื้อจากเนียนด้วยเจ้าค่ะ เรื่องมันวุ่นวายขายปลาช่อนมากเจ้าค่ะ แต่ไม่อยากจะพูดอะไรมากเพราะเนียนเขาไม่อยากให้พูด”

“ยายอ่อนนี่ล่ะก็ ตัวเองมีความลับกับคุณนายเรียมกับเนียนมากมาย ดูแต่เรื่องลูกสิ”

คำพูดของนายเอกทำให้สนหูผึ่ง สงสัยว่ามีความลับอะไรกัน ในที่สุดเธอก็ได้ล่วงรู้ความลับที่ถูกปิดบังมากว่ายี่สิบปีว่าลูกแท้ๆ ของเรียมตายตั้งแต่เพิ่งคลอด เนียนยกลูกฝาแฝดคนโตให้เรียมไปเลี้ยงทดแทนลูกที่ตาย ส่วนแฝดคนน้องนั้นเธอเลี้ยงไว้เอง สนหมดข้อสงสัยทำไมเรียมถึงเอาอกเอาใจนังสองแม่ลูกนั่นมากมายนัก แถมยังรู้อีกด้วยว่าที่นาที่วุ่นวายตามคำบอกเล่าของยายอ่อนก็เพราะเนียนยกให้แดงน้อย

“นายอำเภอแดงน้อยน่ะลูกของเนียนกับผัวคนแรกที่ชื่อแดง มันถูกรถชนตายไปเมื่อวันที่นายอำเภอเกิด

นั่นแหละ” ยายอ่อนร่ายยาวเป็นฉากๆ เรียม นายเอกรวมทั้งสนซึ่งแอบฟังอยู่ต่างพากันตกตะลึง...

ขณะที่ยายอ่อนค่อยๆ เปิดเผยความลับที่ถูกเก็บงำ โพล้งและแพรแสดงความยินดีกับเนียนด้วยที่หลุดจากบ่วงกรรมของนังคุณนายเรือนเล็กมาได้ ถึงเวลาแล้วที่นังนั่น

จะโดนเล่นงานคืนบ้าง เนียนไม่อยากจองเวรใครและที่สำคัญยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือใครอย่าเที่ยวไปโยนบาปให้สน

“เอาอีกแล้วเนียน แกจะดีไปถึงไหน” แพรส่ายหน้า เหนื่อยใจ...

ด้านสนยังคงเงี่ยหูฟังยายอ่อนพล่ามอย่างตั้งอกตั้งใจว่าเงินส่วนหนึ่งที่ตนได้จากการเก็บความลับให้เรียมรวมกับเงินที่ได้เป็นค่าปิดปากจากสนทำให้แกสามารถมีเงินมาซื้อที่นาของเนียนได้ เรียมซักทันทีว่าค่าปิดปากเรื่องอะไร ยายอ่อนยังไม่ทันจะบอกเรื่องเทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกของขุนภักดี สนรู้แกว โยนก้อนหินใส่กลางวง

“ท่าจะไม่ดีแล้ว มีคนเห็นเรามาแอบคุยกันแน่ๆ” เรียมเหลียวมองเลิ่กลั่ก

“ใช่ขอรับ ทำท่าจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว คุณนายเรียมขอรับ กระผมจะรีบพากลับเรือนก่อนนะขอรับ ยายอ่อนรออยู่นี่นะ เดี๋ยวจะไปส่ง”

“ไม่ต้องดอกพ่อเอก ก็เห็นว่ายายมากับนางแพรกับนายโพล้งมัน นัดเจอกันที่คุ้งน้ำใกล้ๆ นี่แหละ ป่านนี้มันคงมารอแล้ว ยายไปเองได้พ่อคุณ”

เรียมขอบใจยายอ่อนมาก รับรองว่าเรื่องที่ได้ยินในวันนี้จะไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ แกเองก็จะไม่พูดเช่นกัน แล้วบ่นเสียดายที่ยังเปิดเผยความลับไม่หมด สนมองตามยายอ่อนที่กลับไปยังท่าน้ำสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“เดี๋ยวมึงได้ไปเล่าต่อจนจบในนรกแน่...อีแก่ปากลำโพง”

ooooooo

ขุนภักดีอบรมสั่งสอนทานตะวันอยู่นานสองนานแต่ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา นอกจากจะไม่รับฟังยังหาเถียงข้างๆ คูๆ จนเขาอ่อนใจ เรียมกลับขึ้นเรือนเห็นสองพ่อลูกยังคุยกันไม่จบก็ร้องทัก ทานตะวันได้ที

“จบแล้วค่ะ หนูจะไปนอนท่องคำดุว่าของทั้งคุณพ่อคุณแม่ให้มันชอกช้ำใจให้มากๆ ค่ะ” ประชดประชันจบทานตะวันเดินหน้างอเข้าห้องปิดประตูลงกลอนตามหลัง ขุนภักดีกับเรียมได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา...

ทางฝ่ายยายอ่อนพายเรือยังไม่ทันพ้นคุ้งน้ำ สนเอาเรือลอบตามจนทันแล้วผลักเรือของแกคว่ำ ยายอ่อนตกน้ำร้องลั่น พยายามตะเกียกตะกายมาเกาะเรือที่คว่ำ ปากก็ร้องขอให้สนช่วย ตนว่ายน้ำไม่เป็น

“ช่วยให้มึงตายอยู่แล้ว มึงทรยศกูกูให้เงินมึงแล้วมึงยังคิดจะเอาความลับของกูมาเปิดเผย” สนคำรามอย่างเคียดแค้น ก่อนจะถีบเรือที่คว่ำออกไม่ให้ยายอ่อนเกาะ แล้วเอาเท้าเหยียบหัวแกให้จมน้ำอย่างโหดเหี้ยม...

ขณะที่ยายอ่อนเริ่มหมดเรี่ยวแรงจะหนีให้พ้นเงื้อมมือสน เรียมอดใจไม่ไหวเล่าให้ขุนภักดีฟังเรื่องราว แปลกประหลาดเกี่ยวกับที่นาของเนียนที่ได้ฟังจากยายอ่อน

ว่ายกให้แดงน้อยตั้งแต่เขาอายุเพิ่งสี่ขวบ หนำซ้ำยังปิดๆ บังๆ ไม่ยอมบอกใคร ซึ่งความจริงปรากฏภายหลังว่าสองคนนั่นเป็นแม่ลูกกันแต่แดงน้อยยังไม่รู้เรื่องนี้ ขุนภักดีถึงกับตบเข่า เขาเองก็เอะใจตั้งแต่ตอนบ่ายที่แดงน้อยมาปรึกษาเรื่องนี้แล้ว แต่ไม่กล้าพูด

“ยายอ่อนแกว่าพ่อของแดงน้อยตายในวันที่แดงน้อยเกิดนั่นแหละค่ะ พอดีกับที่เกิดเรื่องที่นา ตาน้อมเลยพาเนียนมาขัดดอก คนสนิทกันชื่อนายโพล้งกับนางแพรช่วยดูแลแดงน้อยให้”

ขุนภักดีอดสงสัยไม่ได้ว่าดูแลด้วยเงินค่าเช่านาจากยายอ่อนไม่น่าจะพอส่งแดงน้อยให้เข้าโรงเรียนดีๆแพงๆ อย่างนั้นได้ แถมยังเปิดร้านกาแฟใหญ่โต ส่วนแดงน้อยก็มีรถคันโก้ขับ แล้วทำไมเนียนถึงต้องมาขัดดอกไม่เข้าใจพวกนั้นไปเอาเงินจากไหนมากมาย แดงน้อยจึงใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับเทิดศักดิ์

“ได้ยินว่ามีลุงน่ะค่ะ หรือว่าลุงคนนี้จะปันให้แดงน้อย”

“อืม...อาจจะใช่”ขุนภักดีไม่ปักใจเชื่อเรียมยังหวั่นใจว่าถ้าทานตะวันรู้เรื่องเนื้อทองเป็นลูกของเขาเช่นกันไม่รู้ว่าจะยอมรับได้หรือเปล่า ขุนภักดีเองก็เป็นห่วง เพราะทานตะวันนิสัยแย่มากๆ โทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่ให้ท้ายลูก ซ้ำยังไม่ห้ามปรามเวลาที่สนคอยเสี้ยมจังหวะนั้น เขาเหลือบมองไปนอกหน้าต่างเห็นเงาใครบางคนไกลๆ คิดว่าเป็นคนร้าย รีบคว้าปืนออกไปดู เรียมตามไปติดๆ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของขุนภักดี...

ทางด้านเนียนเล่าให้แพรกับโพล้งฟังด้วยความดีใจว่าขุนภักดียอมรับแล้วว่าเนื้อทองเป็นลูกของเขา แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆ บอกแกยังไม่ได้ แพรอยากรู้ว่าเนียนจะทำอย่างไรกับเรื่องแดงน้อย

“โอกาสยังไม่อำนวย แต่ก็คงไม่นานดอก เพราะต้องขายที่นาให้ยายอ่อนในเร็ววัน แต่สำหรับหนูอี๊ด ฉันจนปัญญาจ้ะ แกรังเกียจฉันกับหนูติ๋วมาก” เนียนถอนใจ หนักใจ โพล้งอดเป็นกังวลแทนเธอไม่ได้ ถ้าเกิดทานตะวันรู้ว่าขุนภักดียอมรับเนื้อทองเป็นลูกคงอาละวาดบ้านแตกแน่ เนียนรู้แก่ใจดี จึงขอร้องขุนภักดีให้ค่อยเป็นค่อยไป รักษาน้ำใจทานตะวันเอาไว้ก่อน แพรสงสัยและเห็นใจเนียนมาก...

ฝ่ายสนกดหัวยายอ่อนจนแน่ใจว่าตายสนิทจึงถอนเท้าออกแล้วพายเรือจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

ครู่ต่อมา ขุนภักดีกับเรียมค่อยๆ ย่องมาถึงมุมลับตาคน ได้ยินเสียงใครหลายคนกำลังคุยกัน พอเข้าไปใกล้จำได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นเสียงของเนียน ขุนภักดีชะงักฝีเท้า สงสัยว่าเธอมาทำอะไรค่ำๆ มืดๆ อีกแล้ว

“มาพบนายโพล้งกับนางแพรค่ะ ยายอ่อนแกบอกว่าสองคนนั่นมาหาเนียน มาพร้อมกับนายเอกนี่แหละค่ะ เนียนกับสองคนนั่นคงมาคุยกันตามประสาคนไม่พบหน้ากันนาน ไปเถิดค่ะพี่เทพ ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว”

แต่พี่อยากฟังว่าพวกนั้นคุยอะไรกันไม่มาจับผิดดอก บางทีเราอาจได้รู้อะไรที่เนียนไม่ได้บอกพี่กับเรียมอีกก็ได้ พี่มีความรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะมาพูดกันถึงเรื่องสำคัญที่อาจเกี่ยวพันกับครอบครัวเรา มิใช่มาดักจับผิดเรื่องนั้นไม่มีอีกแล้วจ้ะ” ขุนภักดีชวนเรียมขยับเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อจะให้ได้ยินถนัดๆ

ooooooo

ระหว่างที่เนียนยังคุยกับแพรและโพล้งอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านภักดีภูบาล รู้สึกเป็นห่วงยายอ่อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกวานนายเอกไปอยู่เป็นเพื่อนแกก่อน ถ้าเกิดใครรู้ว่าแกอยู่คนเดียวอาจจะเคราะห์ร้ายได้

“ขอรับ คุณนายเนียน”

“พี่เอกเอาอีกแล้ว พ่อเราเป็นเพื่อนกันนะอย่าเรียกเนียนแบบนี้”

“เรียกเป็นทางการขอรับหาไม่มันจะกลายเป็นเยี่ยงอย่างให้กบกับแมวมันลามปามคุณนายเนียนเอาได้”

เนียนพยักหน้ารับรู้เร่งให้นายเอกรีบไป โพล้งบ่นด้วยความสงสารว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเนียนแท้ๆ ที่ต้องมาถูกแดงน้อยจับเข้าตะรางโดยไม่รู้ว่าเป็นแม่ตัวเอง เนียนมองสายตาเขาออกว่าเสียใจที่ต้องใส่กุญแจมือเธอ

“นี่ขนาดพ่อแดงน้อยยังไม่รู้นะว่าเนียนเป็นแม่ มันยังรักห่วงใยขนาดนี้ นี่ถ้ามันรู้...”

“เขาน่ารักเสมอ ตั้งแต่ที่พบกันวันแรก เนียนสงสัยว่ามันจะมีสัมพันธ์พิเศษระหว่างเราจ้ะ”

“แล้วกับเด็กอี๊ดเล่า เขาเรียกว่าสายอะไรรึ” โพล้งเหน็บแนม ขุนภักดีที่แอบฟังอยู่ รู้สึกแปลกๆ ชอบกลหันไปถามเรียมรู้ไหมว่าหมายความว่าอย่างไร เธอถึงกับอึ้งไม่กล้าตอบ ย้อนถามกลบเกลื่อนว่าตั้งแต่กลับจากบางกอก ทำไมเขาถึงเฉยเมยกับสนนัก ขุนภักดีรู้เช่นเห็นชาติแล้วว่าเธอเป็นคนแบบไหน

“วันที่พี่ให้เนียนมาพบ เนียนมารอพี่แต่กลับเจอสนก่อน สนกำลังจะแทงเนียน ให้บอกว่ามาทำไม เนียนไม่บอก สนตั้งท่าจะทำร้ายเนียนพี่จึงออกอุบายให้ไอ้ถมมันตะโกนว่าเสือหนักมา สนเลยละมือจากเนียน”

เรียมคิดไม่ถึงว่าสนจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ถ้าขุนภักดีไม่ทำเช่นนั้น ป่านนี้เนียนคงถูกแทงตายไปแล้ว เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก ชวนเธอฟังทั้งสามคนคุยกันต่อไป ได้ยินเสียงโพล้งสาปแช่งสนขอให้เวรกรรมตามทัน ฆ่าได้แม้กระทั่งช้อยซึ่งจงรักภักดี และขอให้ลูกชายของเธอเป็นคนจับเธอเข้าตะรางด้วยตัวเอง

“พี่โพล้งเอาอีกแล้ว บอกตามตรงเนียนไม่เชื่อว่าคุณสนจะฆ่าช้อยได้ พวกเธอสนิทกัน ตายแทนกันได้”

“ก็นี่แหละมันให้นางช้อยตายแทนมัน ก่อนที่จะเปิดปากเปิดโปงความชั่วของมัน”

แพรกับเนียนงง ถามเป็นเสียงเดียวกันว่าเปิดโปงเรื่องอะไร โพล้งคุยโม้ว่าที่รู้เรื่องนี้ดีเพราะเป็นถึงผัวของช้อย แล้วเล่าเป็นฉากๆ ว่า ก่อนที่ขุนภักดีจะยกย่องเนียนเป็นเมียอีกคนหนึ่ง สนอิจฉาเนียนมากคิดจะทำลายให้ป่นปี้ จึงวางแผนหลอกล่อให้เธอไปวัดด้วยกัน

พอถึงที่ปลอดคนสนอ้างว่าจะต้องไปทุ่งเพราะท้องเสีย แต่ความจริงแล้ว ต้องการจะทิ้งเนียนเพื่อให้นายเหิมผัวชั่วคราวของเธอมาดักฉุดเนียนไปขืนใจ ขุนภักดีกับเรียมซึ่งแอบซุ่มอยู่ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก

“เอ...แต่เนียนไม่ได้ถูกนายเหิมทำร้ายนี่นา” เนียนจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้

“ก็เพราะว่าไอ้เหิมมันมาจ้างพี่หนักให้ไปข่มขืนเนียนแทนมัน เพราะมันระย่อบารมีท่านขุน ข้าก็มากับพี่หนักตามที่ไอ้เหิมมันบอก พี่หนักตั้งใจว่าจะได้เงินค่าจ้างไปให้นางแพรให้ไปรักษาไอ้แดงน้อย ไอ้เหิมมันหารู้ไม่ว่าจุดไต้ตำตอเข้าให้จังเบ้อเริ่ม พี่หนักน่ะพี่เนียนดันเซ่อซ่ามาจ้างให้ไปข่มขืนน้องเขาเสียอย่างนั้น”

ขุนภักดีกับเรียมตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างที่โพล้งว่า พี่หนักกับเสือหนักคือคนคนเดียวกัน และผู้ชายที่ลอบมาหาเนียนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนคือเสือหนักนั่นเอง

ooooooo

โพล้งหยุดพักอึดใจก่อนจะเล่าต่อไปอีกว่าพี่หนักและเขามาเจอเนียนนั่งหน้าซื่อรอสนกับช้อยเพียงลำพัง พี่หนักรู้ทันทีว่าที่แท้ถูกจ้างให้มาฉุดคร่าน้องสาวตัวเอง จึงย้อนเกล็ดฉุดสนกับช้อยไปแทนที่

“พี่หนักแค้นนังคุณนายสนจนสุดทน ถึงปล้ำเพราะแค้นทั้งๆที่พี่หนักไม่ใช่คนเช่นนั้น”

เรียมกับขุนภักดีหมดข้อสงสัยทำไมสนถึงทั้งเกลียดทั้งกลัวเสือหนักมากมายนัก แถมความเกลียดยังแผ่ไปถึงเนียนด้วย เพราะรู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน โพล้งทำเสียงตื่นเต้นเมื่อเล่ามาถึงตอนสำคัญที่ว่าสนเกิดตั้งท้องขึ้นมา เนียนขัดทันทีว่าไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับการฆ่าปิดปากช้อยตรงไหน

“เกี่ยวที่สุด ก็ไอ้แช่มลูกนางช้อยมันก็ลูกไอ้เหิม ไอ้แช่มมันถูกหมวดเทิดศักดิ์จับ นางช้อยมันมาอ้อนวอนให้คุณนายสนช่วยบอกหมวดเทิดศักดิ์กับท่านขุนให้ประกันตัวลูกมัน แต่คุณนายสนไม่ยอมช่วย นางช้อยขู่จะเปิดโปงเรื่องคุณนายสนท้อง คนอะไรท้องสิบสองเดือน ที่ยายอ่อนแกเล่ามามันน่าสงสัยไหมล่ะ คนนะไม่ใช่ช้างม้าวัวควาย จะได้ตั้งท้องกันยาวๆ” โพล้งตั้งข้อสังเกต

ขุนภักดีซึ่งแอบอยู่ในพุ่มไม้ไม่ได้เอะใจเรื่องนี้เพราะมัวแต่ตื่นเต้นดีใจที่จะได้ลูก เรียมเองก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกันแต่ไม่กล้าไปตั้งข้อสงสัยอะไร แพรชักรำคาญที่โพล้งท่ามากสั่งให้เล่าต่อไป

“ก็ในเมื่อท่านขุนไม่ได้มาหาคุณนายสนตั้งสองสามเดือนตั้งแต่เนียนเข้าบ้านท่าน”

“เร็วๆเข้า นางช้อยมันจะเปิดโปงว่ากระไร” แพรเร่งอีกครั้ง

“นางช้อยมันก็จะเปิดโปงว่าคุณนายสนท้องกับเสือหนักไม่ใช่ท่านขุน”

“คุณเทิดศักดิ์เป็นลูกพี่หนัก เป็นหลานของเนียน” เนียนตะลึงคาดไม่ถึง

ขุนภักดีใจกระตุกวูบถึงกับซวนเซ เรียมต้องช่วยประคองไว้ พลางเตือนให้ตั้งสติให้ดีอย่าเพิ่งวู่วามแล้วชวนกลับเรือน แต่เสียงโพล้งที่ยังเจื้อยแจ้วทำให้ขุนภักดียังไม่ยอมขยับไปไหน ขออยู่ฟังเรื่องราวต่อไป

“ทีนี้ยายอ่อนแกก็ยังบอกพวกเราสองคนต่อเรื่องลูกของเนียน...” โพล้งพูดได้แค่นั้น มีเสียงนายเอกตะโกนโหวกเหวกว่ายายอ่อนจมน้ำตาย ทุกคนพากันตกใจ รวมทั้งขุนภักดีและเรียมด้วย โดยเฉพาะเรียมสลดใจมากเพราะเพิ่งคุยกับยายอ่อนเมื่อหัวค่ำนี่เอง

“มีคนฆ่าปิดปากยายอ่อนอีกแล้ว เรียม...พี่จะพาเรียมไปบ้าน อย่ากระโตกกระตากให้ใครรู้ว่าเราได้รู้ได้เห็นอะไรคืนนี้” ขุนภักดีพูดจบพาเรียมเดินลัดเลาะหายไปในความมืด...

ทางด้านแพรกับโพล้งมั่นใจว่าการตายของยายอ่อนต้องเป็นฝีมือของสน นายเอกเห็นท่าไม่ดี บอกทั้งคู่ให้รีบกลับที่พักไปก่อน เขาจะพาเนียนกลับเรือนเอง แล้วจะรีบไปแจ้งข่าวร้ายต่อท่านขุน คุณเทิดศักดิ์ และนายอำเภอแดงน้อย กำชับแพรกับโพล้งว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องมาพบกับเนียนให้ใครรู้เด็ดขาด...

ขณะที่ยายอ่อนถูกพบเป็นศพอยู่ในลำน้ำ สนนั่งซุกตัวอยู่บนเรือนสีหน้าหวาดระแวง เหลียวซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก ปากก็พร่ำบอกว่าไม่ได้อยากจะฆ่ายายอ่อน ไม่ได้อยากจะฆ่าใครทั้งสิ้น แต่พวกนั้นวอนหาเรื่องเอง พลันมีเสียงนายเอกดังเอะอะมาจากใต้ถุนเรือน

“ทางนี้ครับ หมู่เติม คุณเทิดศักดิ์ นายอำเภอ”

“เทิดศักดิ์กับแดงน้อยมาหาหลักฐานเอาเราเข้าตะราง ทำอย่างไรดี...โธ่ๆ...ไม่ได้การล่ะ ถ้าเราทำหลบๆ ซ่อนๆจะกลายเป็นพิรุธ” สนปรับสีหน้าเป็นปกติ จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ แล้วรีบลงไปดูเหตุการณ์

ooooooo

เรียมและขุนภักดีรีบกลับเรือนตัวเองทำทีมานั่งเล่นที่ห้องโถง แต่ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยิน ทั้งคู่รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมเนียนถึงไม่ยอมบอกว่าคนที่มาพบคืนนั้นเป็นใครเพราะกลัวเสือหนักพี่ชายของเธอจะโดนจับ

“นี่กระมังที่ทำให้สนจงเกลียดจงชังเนียนมากขึ้นเพราะสนกลัวว่าพี่และทุกคนจะรู้ว่าท้องกับเสือหนัก กลัวใครจะรู้ว่าเทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกของพี่ เรื่องนี้คงจะมีคนรู้ความ จริงหลายคน เช่น ช้อย ยายอ่อน นายเหิมรวมทั้งไอ้พวกที่ตายๆกันไปนั่น”

“ค่ะ...เอ่อ พี่เทพขา เรียมขอร้องอย่ารังเกียจเทิดศักดิ์นะคะ”

ขุนภักดีไม่มีวันรู้สึกเช่นนั้น เขาเลี้ยงดูเทิดศักดิ์มากับมือ ภาคภูมิใจในตัวแกตั้งแต่เกิด แม้ไม่ใช่สายเลือดแต่ก็รักและเห็นแกเป็นลูกของเขาเสมอไม่เคยเห็นเป็น อื่น เทิดศักดิ์เป็นเด็กดีตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้เขาแม้แต่ครั้งเดียว เรียมเองก็ชื่นชม

เทิดศักดิ์มาตลอดเช่นกัน นิสัยใจคอของเขาดีงามเหมือน เนียน แดงน้อย และเนื้อทองซึ่งผิดจากแม่ของเขาเองลิบลับราวขาวกับดำ

“เทิดศักดิ์จะเสียใจมากแค่ไหนที่แกไม่ใช่ลูกของพี่แต่กลายเป็นลูกของไอ้เสือร้ายที่แกกำลังตามล่า เวรกรรมของแกแท้ๆที่ต้องตามล่าพ่อตัวเอง”

“แดงน้อยกำลังตามล่าลุงตัวเอง ทำไมหนอชีวิตของ พวกเขาถึงน่าสงสารอย่างนี้” เรียมถึงกับน้ำตาซึม

จังหวะนั้น ขุนภักดีเหลือบเห็นกบกับแมว มายืนลับๆล่อๆร้องถามว่ามาแอบฟังอะไร ทั้งคู่ปฏิเสธว่าไม่ได้มาแอบฟัง นายเอกให้มาเรียนท่านขุนว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นอีกแล้ว ยายอ่อนหมอตำแยที่ทำคลอดคุณหนูอี๊ดถูกฆ่าตาย เรียมกับขุนภักดีไม่ได้ตกอกตกใจอะไรเพราะรู้เรื่องนี้แล้ว ได้แต่พยักหน้ารับ...

ทางด้านเนื้อทองได้ยินเสียงเอะอะ รีบลุกไปดูที่หน้าต่างห้องเห็นพวกบ่าวไพร่วิ่งกันวุ่นวาย รู้ดีว่าต้อง เกิดเรื่องขึ้นอีก นึกเป็นห่วงแม่ขึ้นมา ค่อยๆย่องออกจากห้องเกรงทองจันทร์ซึ่งยังคงหลับสนิทจะตื่น สักพัก เนื้อทองมาถึงห้องของแม่เห็นท่านนั่งพนมมือน้ำตาคลอเบ้า ร้องถามว่าเป็นอะไร สวดมนต์ให้ใคร

“ยายอ่อนจ้ะ ยายอ่อนหมอตำแยที่ทำคลอดหนู แกจมน้ำตายเมื่อสักครู่ แม่ก็เลยมาสวดมนต์ให้แกไปดี แม่ตั้งใจว่าจะพาหนูไปรู้จักไปไหว้แกสักครั้งในฐานะที่แกทำคลอดหนู หมดโอกาสเสียแล้ว” เนียนเกิดเป็นห่วงทองจันทร์ขึ้นมา เพราะระยะหลังบ้านภักดีภูบาลเกิดเหตุร้ายๆบ่อยครั้ง บอกลูกให้กลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านห้ามทิ้งออกมานานๆ เนื้อทองแปลกใจทำไมพักนี้แม่เป็นห่วงทองจันทร์นัก

“แม่สังหรณ์ใจไม่สบายใจ ตราบใดที่คนร้ายยังไม่ปรากฏตัว ตราบนั้นทุกคนมีสิทธิ์ตกอยู่ในอันตราย ถึงหนูเองก็เถิด จะไปไหนมาไหนอย่าได้ไปที่ลับที่เปลี่ยวเพียงลำพัง” เนียนพูดจบดันลูกออกจากห้อง ก่อนจะปิดประตูตามหลังแล้วกลับมานั่งพนมมืออธิษฐานต่อ

“ขออย่าให้เกิดเหตุร้ายกับผู้ใดอีกเลย ขอให้คนคนนั้นกลับใจอย่าได้คิดเข่นฆ่าใครอีกต่อไปด้วยเถิด” เนียน ก้มกราบ ในใจรู้ดีว่าคนร้ายคือสนเพียงแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อ

ooooooo

เสียงจิ้งจกร้องทักดังลั่นห้อง ทองจันทร์ถึงกับสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นมานั่งสีหน้าไม่สบายใจ เป็นจังหวะเดียวกับเนื้อทองกลับมาพอดี เธอเล่าเสียงสั่นว่าจิ้งจกร้องทักดังมากจนทำให้ตื่น เหมือนเป็นลางไม่ดีอีกแล้ว

“คุณย่าอย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ ถ้าคุณย่านอนไม่หลับ หนูอ่านอิเหนาให้ฟังนะเจ้าคะ” เนื้อทองปลอบ

“ก็ดี...เอ๊ะ...นั่นหนูออกไปไหนมารึ”

เนื้อทองอึกอักไม่กล้าบอกเรื่องยายอ่อนเกรงทองจันทร์จะตกใจ บอกเพียงว่าออกไปหาแม่ พลันมีเสียงเอะอะดังมาจากใต้ถุนเรือน ทองจันทร์รู้ทันทีว่าต้องมีเหตุร้าย คาดคั้นให้เนื้อทองบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นไม่เช่นนั้นเธอจะออกไปถามด้วยตัวเอง เด็กสาวจำต้องเล่าความจริงว่ายายอ่อนจมน้ำตาย

“โธ่เอ๊ยเวรกรรม เชื่อสิว่ามันไม่ได้จมน้ำตาย แต่มีคนไปทำให้มันจมน้ำตาย มันจะฆ่าให้ตายหมดเมืองสุพรรณรึนั่น” ทองจันทร์ถอนใจ หนักใจ เนื้อทองไม่อยากให้ท่านวิตกกังวลรีบหยิบหนังสือมาอ่านให้ฟัง...

ขณะที่ขุนภักดี เทิดศักดิ์ แดงน้อยและเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจศพยายอ่อนและสถานที่เกิดเหตุ โดยมีนายเอก โพล้งกับแพรยืนดูอยู่ด้วย สนทำทีวิ่งกระหืด กระหอบเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินพวกบ่าวในบ้านว่ามีคนจมน้ำตาย เทิดศักดิ์แจ้งว่าคนตายคือยายอ่อนหมอตำแยซึ่งเข้าเมืองมาเพื่อเป็นพยานให้เนียนว่าไปหาแกที่บ้านแพนและจะมาจัดการเรื่องซื้อที่นาจากเนียนไปในตัว โพล้งได้ทีแกล้งแหย่

“หรือว่าแกไปกำความลับของใครเอาไว้ แกทำคลอดคนมาแยะก็กำความลับเรื่องท้องๆ ไส้ๆ ที่ไม่ชอบมาพากลของคนเอาไว้เยอะ”

ขุนภักดีซักถามสนว่ายายอ่อนแวะมาหาหรือเปล่า เธอส่ายหน้าอ้างเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าแกมา แสร้งตีหน้าเศร้าสงสารที่แกต้องมาจมน้ำตาย ขุนภักดีตรวจศพคร่าวๆ แล้วนี่ไม่ใช่การจมน้ำตายแต่ถูกฆาตกรรมเพราะไปรู้ความลับของใครบางคนเข้า แล้วสั่งเทิดศักดิ์ แดงน้อยและหมู่เติมให้เอาศพไปจัดการตามขั้นตอนของกฎหมาย

“สนนี่ก็ช่างไม่เกรงกลัวเลยนะ ลงมาดูทำไมกันรีบกลับขึ้นเรือน พี่จะไปส่ง พี่มีเรื่องจะคุยกับสนอยู่เหมือนกัน” ขุนภักดีว่าแล้วดึงแขนสนออกมา ขณะเดินผ่านนายเอก เขากระซิบว่ามีเรื่องจะซักถามโพล้งกับแพรให้พาทั้งคู่ไปรอที่ต้นมะขามใหญ่...

ฝ่ายสนใจคอไม่ดีไม่รู้ขุนภักดีจะมาคุยเรื่องอะไร ทำทีหาวง่วงนอนขอให้เขาค่อยมาคุยกันวันหลัง ขุนภักดีแค่อยากจะถามว่าสนิทสนมกับยายอ่อนมากไหม เพราะได้ยินคนอื่นพูดกันว่าสนให้เงินแกไปตั้งตัว ทำไมถึงใจดีนัก เธอถึงกับหน้าเสียปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่สนิทสนมอะไรด้วย แค่เรียกยายอ่อนมาช่วยตรวจตอนท้องเทิดศักดิ์ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีก ส่วนเรื่องเงินทองก็ไม่เคยให้

“ถึงให้ก็ช่างเถิด พี่คิดว่าแกอาจมาขอเงินสน ไม่มีอะไรแล้ว พี่กลับเรือนก่อน อ้อ...มีอีกเรื่อง พี่อยากจะแนะนำสน คนเราหมั่นสะสมศัตรูไม่ยอมสะสมมิตร ชีวิตมันจะหายนะ” ขุนภักดีพูดจบผละจากไป

“ไปเฉยๆ แบบนี้เองรึ ไม่มีห่วงหาอาทร นี่พี่ขุนเริ่มระแวงกูแล้วรึ...ไอ้เอก อีเรียม มันไปฟ้องพี่ขุนแน่ๆ โชคดีที่เราไม่ปล่อยให้นังอ่อนพูดเรื่องเทิดศักดิ์จนจบ ทำไมพวกมึงวอนให้กูจนตรอกกันไม่สิ้นสุดเสียที มึงจะช่วยกันต้อนกูไปถึงไหน” สนเคียดแค้นทุกคนไปหมด...

ทางด้านเรียมเฝ้าแต่ครุ่นคิดกังวลถึงเรื่องราวที่แอบได้ยินเมื่อครู่ ถ้านายเอกไม่ได้พบศพยายอ่อนเสียก่อน ขุนภักดีต้องรู้ความจริงว่าทานตะวันเป็นลูกของเนียนและเป็นฝาแฝดกับเนื้อทอง เธอคงถูกเขาตราหน้าว่าเป็นคนโกหกหลอกลวง เรียมจะปล่อยให้ขุนภักดีรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่นไม่ได้ รีบผลุนผลันลงจากเรือน

ooooooo

ที่โคนต้นมะขามภายในบ้านภักดีภูบาล นายเอก แพร และโพล้ง ตกใจมากเมื่อรู้ว่าขุนภักดีแอบได้ยินพวกตนกับเนียนคุยกัน เขายังขอให้เล่าเรื่องลูกของ เนียนที่พูดค้างไว้เมื่อครู่ให้จบ ทั้งสามคนบอกแค่ว่าเนื้อทองไม่ใช่ลูกชู้ แต่เป็นลูกของขุนภักดี ส่วนแดงน้อยเป็นลูกของเนียนกับผัวคนแรก ขุนภักดีไม่พอใจคาดคั้นให้เล่าความจริง

“ถ้านายอำเภอแดงน้อยเป็นลูกของคุณนายเนียน หนูติ๋วก็เป็นลูกของคุณนายเนียน หมายความว่า ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันขอรับ”

“ไอ้เอก ไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เอ็งถูกเตะจนตายแน่” ขุนภักดีพูดจบไล่เตะนายเอก...

ไม่นานนัก เรียมมาหาเนียนที่ห้อง บอกด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า ทนเก็บความลับคับอกเรื่องทานตะวันต่อไปไม่ไหว ชวนเนียนไปบอกความจริงกับขุนภักดี ก่อนที่จะรู้จากปากคนอื่น เนียนเองก็วิตกเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ใจหนึ่งอยากจะบอกขุนภักดีเสียเอง แต่ตราบใดที่เรียมไม่ต้องการให้เปิดเผย เธอจะปริปากพูดเรื่องนี้ไม่ได้

“งั้นรีบไปกันเถิด ฉันเห็นพี่เทพกำลังไล่ะเตะนายเอกอยู่ที่ต้นมะขาม เขากำลังถามเรื่องนี้อยู่แน่ๆ” เรียมว่าแล้วดึงแขนเนียนออกไปทันที...

ขณะที่เรียมและเนียนตัดสินใจจะสารภาพความจริง ทานตะวันนอนไม่หลับนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่อยู่ๆพ่อของเธอกลับไปยกย่องเนียนให้เป็นคุณนายอีกครั้งหนึ่ง แถมแม่ของเธอยังคอยปกป้องนังนั่นกับเนื้อทองตลอดเวลา เธอมีอะไรเนื้อทองก็ต้องมีต้องได้เช่นกัน และอาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำทั้งที่เนื้อทองเป็นลูกชู้...

ทั้งแพร โพล้ง และนายเอกต่างเกรงกลัวบารมีของขุนภักดีจนไม่สามารถปิดปากเงียบต่อไปได้ ขณะกำลังจะสารภาพความจริงที่ยังค้างคา เนียนกับเรียมเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน สั่งให้แพร โพล้ง และนายเอกไปจากที่นี่ปล่อยให้เธอสองคนจัดการเรื่องนี้เอง

จากนั้น ความลับเรื่องทานตะวันก็พรั่งพรูออกจากปากเนียนและเรียมทั้งน้ำตา เริ่มตั้งแต่ตอนที่ลูกของเรียมตายทั้งที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน เธอกลัวขุนภักดีจะ ขอเลิก นายเอกกับยายอ่อนจึงออกอุบายตบตาเขาด้วยการไปขอลูกฝาแฝดคนโต คือทานตะวันจากเนียนมาให้ แล้วปดว่าเป็นลูกของเรียมกับขุนภักดี

“เรียมผิดมากจริงๆค่ะ เรียมก่อปัญหามายี่สิบกว่าปี” เรียมถึงกับปล่อยโฮ ขุนภักดีดึงทั้งคู่มากอดไว้

“พี่เข้าใจหมดแล้ว ทั้งสองคนไม่ต้องเสียใจ พี่ขอบใจทั้งเนียนและเรียมที่พยายามทำทุกอย่างให้พี่สบายใจ ผิดเพราะรักและหวังดีไม่ใช่เรื่องเสียหายให้อภัยกันได้ แต่ทำผิดเพราะริษยาอาฆาตนี่สิ พี่ไม่ให้อภัยดอก พี่ดีใจมากที่วันนี้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งหมดแล้ว...เนียนพี่จะถือว่าแดงน้อยคือลูกบุญธรรมของพี่ ส่วนเทิดศักดิ์ พี่ก็ถือว่าเขาคือลูกของพี่เช่นเดิม” ขุนภักดียิ้มมีความสุขพลอยทำให้เนียนและเรียมสุขใจไปด้วย

ทั้งสามคนไม่ล่วงรู้เลยว่าสนแอบมองมาจากเรือนเล็กด้วยความริษยาที่ตัวเองไร้คนเหลียวแล

ooooooo

ในเวลาต่อมา ขุนภักดี เรียมและเนียนมานั่งปรึกษาเรื่องลูกๆกันต่อไปบนเรือน วันพรุ่งนี้ขุนภักดีจะบอกให้แดงน้อยรู้ตัวและจะพามากราบเนียน ไม่อยากให้รอถึงตอนที่เนียนขายที่นาให้ลูกของยายอ่อน เพราะอาจทำให้แดงน้อยขายหน้าได้ว่าแม่ปิดบังไม่ให้รู้ว่าเป็นลูก เรียมเป็นกังวล แล้วทานตะวันกับเนื้อทองจะจัดการอย่างไร

“พี่จะบอกแกเอง หนูติ๋วแกพูดง่าย แต่คนที่พูดยากก็หนูอี๊ดนี่แหละ” ขุนภักดีว่าแล้วถอนใจหนักใจ

“แกคงยอมรับไม่ได้ว่าเนียนเป็นแม่แก เนียนว่าปล่อยเลยตามเลยเถิดค่ะพี่ขุน”

“ปล่อยไม่ได้อีกต่อไป นี่ก็เพราะเราทำผิดมายี่สิบกว่าปี เราจะทำผิดต่อไปไม่ได้” เรียมค้าน

ขุนภักดีเห็นด้วยกับเรียม คนเราต้องยอมรับชาติกำเนิดและพ่อแม่พี่น้องของตนเองให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นได้แค่อมนุษย์เท่านั้น เขารู้ตัวดีว่าใจเย็นไม่พอ คงต้องยกเรื่องทานตะวันให้เรียมจัดการแทน พูดยังไม่ทันขาดคำ คนที่ถูกพูดถึงก็เดินเข้ามาทักพ่อกับแม่ทำไม

ยังไม่ยอมหลับยอมนอน แต่พอหันมาเจอเนียนอยู่ด้วยทานตะวันของขึ้นทันทีอาละวาดใส่ ด่าว่าเธอต่างๆนานา ขุนภักดีทนไม่ไหวเงื้อมือจะตบสั่งสอน
เนียนรีบเอาตัวบังทานตะวันไว้ เธอกลับผลักเนียนกระเด็น สั่งห้ามมาแตะต้องตัวเธอเด็ดขาด เธอทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงเนียน ขุนภักดีสั่งให้ทานตะวันกราบขอโทษผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ยอมทำตาม เขาเหลืออดประกาศลั่นว่าเนียนคือแม่บังเกิดเกล้าของทานตะวันที่ถึงกับตะลึง กรีดร้องลั่นว่าไม่เป็นความจริง เธอไม่มีวันมีแม่เป็นลูกชาวนา แล้ววิ่งหนีเข้าห้องตัวเอง ขุนภักดีหันไปคว้าแส้ม้าจะตามไปเอาเรื่อง เนียนก้มกราบแทบเท้าเขา

“ฆ่าเนียนให้ตายดีกว่าไปเฆี่ยนคุณหนู เกิดมาไม่เคยขอสิ่งใดจากพี่ขุน แต่ครั้งนี้ขอสักครั้งเถิดค่ะ”

“นะคะพี่เทพ ไม่ใช้ความรุนแรงนะคะ” เรียมช่วยขอร้องอีกแรงหนึ่งแล้วดึงแส้ม้าไปจากมือเขา...

ฝ่ายทานตะวันร้องไห้โฮ ทั้งเสียใจทั้งตกใจปนกัน รับความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกของคนที่ตัวเองรังเกียจ...

ขุนภักดียังโมโหลูกไม่หาย จะต้องบังคับให้มากราบขอโทษเนียนให้ได้ ต่อให้เนียนไม่ใช่แม่ แต่ก็เคยช่วยชีวิตแกให้รอดพ้นจากโดนฟ้าผ่า ไม่นึกถึงบุญคุณยังมาก้าวร้าวใส่ ต้องสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้าง เนียนขอร้องเขาให้ใจเย็นๆ ให้เวลาทานตะวันอีกสักระยะหนึ่ง ตอนนี้แกคงตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว ทานตะวันนั่งร้องไห้อยู่ในห้องได้ยินเสียงพ่อแม่และเนียนคุยกันโดยตลอด เรียมเสริมทันที

“ใช่ว่าเรื่องฟ้าผ่าคือครั้งแรกที่เนียนช่วยเด็กคนนั้น ยังมีเรื่องที่โดนนายแช่มปล้ำ คนที่ไปปกป้องไว้ได้ก็ล้วนเป็นเนียน” คำพูดตอกย้ำว่าเนียนมีบุญคุณกับทานตะวัน ทำให้เด็กสาวเริ่มใจอ่อน ความโกรธเกรี้ยวลดลงยิ่งได้ยินว่าเนียนไม่เคยปริปากบ่นหรือไม่พอใจยามที่ถูกเธอต่อว่ายิ่งทำให้เธอรับรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อดทนกับตนมากขนาดไหน แต่แล้วทานตะวันต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อได้ยินเรียมว่าเธอเป็นฝาแฝดกับเนื้อทอง

“ฝาแฝด!...เราเป็นฝาแฝดกับเด็กติ๋ว โอ๊ยมิน่า

มันถึงเกิดวันเดียวกับเราหน้าตาเหมือนเรา นี่...มันบ้าอะไรกัน เราต้องกลายเป็นฝาแฝดกับศัตรู” ทานตะวันบ่นเสร็จ เงี่ยหูฟังพ่อแม่กับเนียนต่อไป

เนียนขอร้องขุนภักดีกับเรียมอย่าเพิ่งบีบบังคับทานตะวันให้ยอมรับเธอเป็นแม่ แล้วขอตัวกลับไปดูแลอาหารการกินให้ทองจันทร์ก่อน ใกล้เช้าแล้ว เสียงคุยด้านนอกพลอยเงียบไปด้วย

ทานตะวันพึมพำน้ำตาคลอ “คุณแม่รู้มาตลอดว่าเรากับเด็กติ๋วเป็นพี่น้องกันถึงได้ทำดีกับมัน นี่เราจะหันหน้าไปหาใครดี ยัยสนบ้าก็เหมือนดั่งคนเสียสติ มันไม่ยอมลงให้เราอีกต่อไปแล้ว ไม่มีเพื่อน ไม่มีแม้แต่ลูกน้อง”

ขุนภักดีกับเรียมแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องของทานตะวันรู้ดีว่าลูกได้ยินสิ่งที่พวกตนคุยกัน ได้แต่หวังว่า คำพูดน่าสงสารของเนียนจะเสียดแทงความรู้สึกของลูกบ้างไม่มากก็น้อย

ooooooo

ภายในห้องนอนของสนซึ่งเต็มไปด้วยสายสิญจน์และเครื่องรางของขลัง สนนั่งหลับพิงผนังห้อง ฝันร้าย เห็นช้อยเดินถือมีดนำเหล่าเหยื่อโหดของเธอเข้ามารุมทำร้าย สนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

เสียงร้องดังไปถึงท่าน้ำซึ่งทองจันทร์ เนียน เนื้อทองโดยมีกบกับแมวถือถาดใส่ข้าวของสำหรับใส่บาตรกำลังรอพระพายเรือมารับบิณฑบาต ทองจันทร์หันไปทางเรือนเล็ก ก่อนจะแดกดันว่าผีเปรตเข้าสิงสนหรือถึงได้ร้องโหยหวนขนาดนั้น กบรายงานว่าคุณนายเรือนเล็กร้องแบบนี้เป็นประจำจนพวกตนชินชาแล้ว

เนียนรีบเบี่ยงเบนความสนใจของทองจันทร์ “พระพายเรือมาแล้วค่ะ คุณ...เอ่อ...”

“คุณแม่ จำเอาไว้ว่าฉันคือคุณแม่ แล้วตัวแกน่ะ คุณนายเนียน ลูกแกก็คุณหนู...” ทองจันทร์พูดยัง ไม่ทันจบประโยค เนียนกลัวลูกจะรู้ความจริงก่อนเวลาอันควร ชิงพูดเสียก่อนว่าพระมาถึงแล้ว รีบพยุงทองจันทร์ไปใส่ บาตร เนื้อทองมองตามงงๆแต่ไม่กล้าถามอะไร...

ทางด้านเทิดศักดิ์ได้ยินเสียงแม่กรีดร้องรีบเข้ามาดู สนดีใจโผกอดลูกไว้แน่น ตัดพ้อต่อว่าว่าทำไมไม่กลับบ้านหายไปไหนมาทั้งคืน เทิดศักดิ์กลับมาไม่ได้ เพราะต้องจัดการเรื่องศพยายอ่อน นี่ก็แค่กลับมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วต้องรีบกลับไปทำงานอีกครั้ง คนตายบ่อย มากล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับบ้านของเราทั้งสิ้น ถ้าเขาสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างไม่ได้ อาจไม่ได้รับความเชื่อถือจากเจ้านาย สนถามหยั่งเชิงว่าสงสัยใครเป็นพิเศษหรือเปล่า

“กำลังหาหลักฐานเพิ่มครับ ต้องสอบปากคำคนที่พบเห็นยายอ่อนกับช้อยก่อนตายให้หมดว่าไปหาใครพบใครและพูดอะไร” เทิดศักดิ์เห็นสีหน้าตื่นๆของสนปลอบว่า “คุณแม่อย่ากังวลไปเลยครับ ผมไปก่อนนะครับ”

สนมองตามลูกชายที่ออกจากห้อง ก่อนจะเดินไป รับลมที่หน้าต่างเห็นทองจันทร์เดินนำเนียน เนื้อทอง กบและแมวกลับเรือนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขอย่างอาฆาตแค้น คิดจะจัดการเธอให้สิ้นซากก่อนจะวางมือ...

ขณะที่ทองจันทร์ยังไม่ล่วงรู้ว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว ทานตะวันเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมากินอะไร เรียมต้องยกถาดใส่อาหารไปวางไว้หน้าห้องให้ หวังว่าความหิวจะช่วยลดทิฐิของลูกลงได้...

สายวันเดียวกัน เรียมและเนียนพาขุนภักดีกับทองจันทร์ไปเยี่ยมหลุมฝังศพลูกของเรียม ขุนภักดีจุดธูปอธิษฐานขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาเป็นลูกเป็นพ่อกันอีกและอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขจนตายจากกัน ทองจันทร์ก็อธิษฐานขอให้แกเกิดมาเป็นหลานของตนอีกเช่นกัน...

หลังจากแวะเยี่ยมหลุมฝังศพลูกที่ตายตั้งแต่ยังแบเบาะ ขุนภักดีตรงไปหาแดงน้อยที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อแจ้งว่าเรื่องระหว่างตนกับเนียนและเนื้อทองดำเนินไปด้วยดีเพราะเขาชี้ทางสว่างให้ และเพื่อเป็นการตอบแทน ขุนภักดีจึงบอกความจริงว่าเนียนคือแม่ที่พลัดพรากจากกันของเขา นายอำเภอหนุ่มถึงกับตะลึง...

ขุนภักดีอยากให้เนียนกับแดงน้อยได้พูดคุยกันตามลำพัง จึงออกอุบายชวนทองจันทร์มาที่เรือนตัวเอง อ้างจะพามาดูเด็กพยศ ทองจันทร์เห็นเรียมกับขุนภักดียิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยอดทักไม่ได้

“เอ...พ่อเทพกับแม่เรียมดูมีเลศนัยกันอย่างไรพิกลนะ จู่ๆก็อยากพาแม่มาเรือนนี้ แม่กำลังดูเนียนร้อยพวงมาลัยเพลินๆทีเดียว เลยต้องทิ้งเนียนไว้ลำพังเดี๋ยวมันก็โดนใครบุกขึ้นมาฆ่าเอาดอก”

“ทิ้งไว้ลำพังน่ะดีแล้วค่ะคุณแม่” เรียมว่าแล้วมองสบตาขุนภักดี ก่อนจะกระซิบบางอย่างกับทองจันทร์ซึ่งฉีกยิ้มด้วยความดีใจ

อาญารัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด