ตอนที่ 18
หลังจากช้อยกลับไปไม่นาน ทองจันทร์ตัดสินใจเล่าให้เรียมฟังว่า ช้อยมาขอร้องให้ช่วยพูดกับเทิดศักดิ์เรื่องประกันตัวแช่ม เรียมแปลกใจทำไมไม่ไปขอร้องสน ทองจันทร์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย
“มัน มาพูดเรื่องที่แม่อยากรู้บางเรื่อง แต่มันพูดไม่จบ มันยักท่าเอาไว้ประมาณว่า ถ้าแม่อยากฟังให้จบ ลูกมันควรได้ประกันตัวก่อน แม่กลัวว่าถ้าลูกมันได้ประกันตัวแล้ว มันจะไม่ยอมบอกต่อน่ะสิ นางคนนี้โกหกพกลมเป็นไฟ แต่แม่ก็อยากรู้เรื่องที่มันเกริ่นมา” การที่ทองจันทร์อมพะนำเรื่องราวต่างๆไว้ ยิ่งทำให้เรียมสนใจใคร่รู้ แต่ยังไม่ทันจะว่าอะไร ขุนภักดีเดินผิวปากยิ้มระรื่นขึ้นมาบนเรือนเสียก่อน
ทองจันทร์อดเย้าไม่ได้ว่าไปกินอะไรมาถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ หรือคิดจะมีเมียน้อยอีกคนหนึ่ง
“คุณแม่หาความผม...ผม...เอ่อ...ไม่เอาล่ะไม่บอกดีกว่า รอให้แน่ใจที่สุดก่อน จึงจะมาบอกคุณแม่กับแม่เรียม...ไอ้เอก ไปตามไอ้ถมไปหาข้าที่เรือนโน้น” ขุนภักดีพูดจบเดินผิวปากลงจากเรือน ทองจันทร์อดสงสัยไม่ได้ จะหันไปถามไถ่เรื่องราวจากนายเอก แต่ไม่ทัน เขาเผ่นแนบไปแล้ว...
ครู่ต่อมา นายถมมาพบที่เรือนขุนภักดีตามสั่ง เนื่องจากเขาเป็นคนพาเนียนไปส่งที่สามชุก ขุนภักดีจึงอยากรู้ว่าเธอจะกลับมาวันไหน นายถมเองก็ไม่ทราบ แต่น่าจะกลับหลังจากเผาศพญาติของเธอเสร็จแล้ว คงอีกสามวันข้างหน้า ขุนภักดีร้อนใจ ทนรอไม่ไหว สั่งให้นายถมรอเอาจดหมายจากเขาไปส่งให้เนียน...
ในขณะที่ขุนภักดีกำลังเขียนจดหมายสำคัญถึงเนียน สนร้อนรุ่มกลุ้มใจไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องที่ช้อยเรียกร้อง ตัดสินใจถามเกริ่นๆลูกชายว่าคดีอย่างแช่มจะมีใครกล้าให้ประกันตัวบ้างไหม เทิดศักดิ์ส่ายหน้าคดีแบบนี้คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง แล้วย้อนถามแม่ว่าอยากรู้ไปทำไมหรือว่าช้อยมาขอร้องให้ช่วย
“เปล่า...นะลูก แม่แค่อยากรู้เท่านั้น เอ่อ...แล้วถ้ามีใครรับรองมันล่ะ ประกันตัวได้ไหม”
“ได้อยู่ครับ แต่จะมีใครที่มีอำนาจนอกจากคุณพ่อหรือผม...คุณแม่อยากให้ผมหรือคุณพ่อช่วยประกันตัวมันออกมาหรือครับ”
สนปฏิเสธทันทีทันควันว่าเปล่าก็แค่อยากรู้เท่านั้น เทิดศักดิ์อยากให้แช่มอยู่ในตะรางมากกว่า อยู่ข้างนอกอาจตายได้ เพราะคนร้ายที่ลอบวางยาพิษยังลอยนวลอยู่ แล้วขอตัวไปทำงานก่อน วันนี้ต้องเข้าเวร สนมองตามลูกชายที่เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต้องหาทางกำจัดช้อยก่อนจะเปิดเผยความลับของตน
ooooooo
ที่บ้านนายเนิบอาของเนียน หลังจากไม่ได้พบเจอหน้ากันเกือบเท่าอายุของแดงน้อย ในที่สุดเนียนกับแพรและโพล้งก็ได้พบกัน ต่างฝ่ายต่างทักทายกันด้วยความดีใจ
“พี่กะแล้วว่าจะต้องเจอเนียน มีเรื่องสำคัญจะบอกให้เนียนไปจัดการเสียให้จบ”
“เรื่องที่น่าที่เอ็งยกให้แดงน้อยมันน่ะ เอ็งเขียนมาว่าให้พวกข้าจัดการ ยายอ่อนแกฝากเงินมัดจำมาแล้ว แต่ว่าเอ็งต้องไปปรากฏตัวเซ็นโอนให้เป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นมันจัดการอะไรไม่ได้”
“แต่เนียนจะให้แดงน้อยรู้ตัวตอนนี้ไม่ได้นี่จ๊ะพี่โพล้ง”
“ก็ไปเซ็นโอนตามที่หลวงท่านว่าก่อนเถิด เรื่องแดงน้อยเอาไว้ว่ากันทีหลัง เสร็จงานศพนี่ไปเลยนะเนียน”
จังหวะนั้นมีเสียงเรือยนต์ดังเข้ามา ทั้งสามคนหันไปมอง เนียนจำได้ว่าเป็นนายถมร้องถามว่ามีเรื่องอะไร เขาเรียกให้เนียนขึ้นเรือทันที ท่านขุนสั่งให้มารับกลับ พรุ่งนี้ท่านมีราชการด่วนต้องเข้าบางกอกแต่เช้ามืด แล้วยื่นจดหมายของท่านให้ แพรรีบดันหลังเนียนให้ลงเรือ
“แล้วรีบกลับมาเผาศพจะได้รีบไปจัดการธุระให้เสร็จ” แพรมองส่งเนียนจนลับสายตาด้วยความห่วงใย...
ทางด้านเนียนหยิบจดหมายของขุนภักดีมาเปิดอ่านในใจ
“เนียน พี่ต้องการพบเนียนด้วยมีเรื่องซักถามเนียนมากมายนัก ล้วนแต่สำคัญต่อชีวิตของเรา รีบมาพบพี่ด่วน รอพี่ที่ท่าน้ำ พูดธุระเสร็จจะให้ไอ้ถมไปส่ง เรื่องนี้ขอให้เก็บเป็นความลับไว้ก่อน”
เนียนยิ้มออกเมื่อเห็นขุนภักดีใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “พี่” แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น่าจะเป็นเรื่องดี...
ดึกมากแล้ว ขุนภักดีไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่ผุดลุกผุดนั่ง จนเรียมพลอยนอนไม่หลับไปด้วย เธออดถามไม่ได้ว่ากังวลใจเรื่องอะไร ห่วงจะไปราชการไม่ทัน หรือว่าเรื่องที่ทองจันทร์ว่าไว้จะเป็นความจริง ขุนภักดียังไม่ทันจะว่าอะไร มีเสียงระฆังโบสถ์ตีบอกเวลาสี่นาฬิกาดังขึ้นเสียก่อน
“พี่จะออกไปเดินดูรอบๆบ้าน” ขุนภักดีพูดจบ ลุกออกไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้เรียมนั่งอึ้งอยู่คนเดียว...
ฝ่ายสนนอนไม่หลับเช่นกัน มัวแต่ครุ่นคิดหาทางจะกำจัดช้อย พลันสายตาเหลือบไปเห็นเงาใครบางคนที่ท่าน้ำ สงสัยว่าอาจจะเป็นช้อยมาแอบดูลาดเลา คว้ามีดปลายแหลมใกล้มือ ลงจากเรือนด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ในใจภาวนาให้เป็นช้อยจะได้จัดการให้สิ้นซาก
สักพัก สนมาถึงศาลาท่าน้ำ เจอรองเท้าคู่หนึ่งถอดวางอยู่ มองเลยเข้าไปด้านในเห็นเนียนนั่งใจลอยอยู่ ทั้งผิดหวังทั้งโกรธที่ไม่ใช่ช้อย เตะรองเท้าของเนียนกระเด็นไปคนละทิศทางแล้วปรี่เข้าไปเอาเรื่อง
“เนียน...แกมานั่งลอยหน้ารอใครรึ” สนว่าพลางจ้องจับผิดเนียนเขม็ง...
อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก ขุนภักดีกำชับนายถมว่าห้ามบอกใครทั้งสิ้นว่าคืนนี้ไปทำอะไรมา และให้รออยู่แถวนี้ก่อน เขาคุยธุระกับเนียนเสร็จจะให้พากลับสามชุก แล้วขยับจะเดินไปท่าน้ำ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสนยืนอยู่กับเนียน ขุนภักดีกระซิบเรียกนายถมมาสั่งการบางอย่างทันที
ooooooo
ขณะที่นายถมใช้ความมืดหลบไปอีกด้านหนึ่งของศาลาท่าน้ำ สนยังคงคาดคั้นให้เนียนบอกให้ได้ว่ามาคอยใคร พอเธอไม่ยอมตอบคำถาม สนชักมีดขึ้นมาขู่ ขุนภักดีตกใจ
“สนใจร้ายแท้ๆ...เนียนช่างเชื่อฟังเราเหลือเกิน... ไม่ได้การล่ะ ปล่อยไว้สนจะไม่ใช่แค่ขู่เนียน...ทำไมไอ้ถมยังไม่รีบทำตามที่สั่ง” ขุนภักดีร้อนใจขยับจะเข้าไปช่วยเนียนเอง แต่มีเสียงนายถมตะโกนขึ้นเสียก่อน
“ไอ้เสือมา ไอ้เสือหนักมาแล้ว”
สนซึ่งกำลังจิกทึ้งผมเนียน เงื้อมีดจะแทง ได้ยินเสียงตะโกนตกใจกลัวสุดขีดถึงกับรีบปล่อยมือจากเนียนวิ่งหนีกลับเรือนตัวเอง ผ่านหน้าขุนภักดีที่แอบมองอยู่
“กลัวแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันเปล่าทำอะไรเนียนนะ ฉันแค่มาพูดคุยกับเนียน”
ขุนภักดีแปลกใจทำไมสนต้องกลัวลนลานขนาดนี้ แต่แล้วต้องอึ้งที่เห็นเนียนยืนนิ่งไม่เกรงกลัว แถมสอดสายตาราวกับจะมองหาใครบางคน ขุนภักดีเห็นไม่เข้าที รีบสาวเท้าเข้าไปหา เนียนกลัวพวกที่มาปล้นจะทำร้ายเขา โผเอาตัวบังไว้ ตะโกนลั่นว่าอย่าทำอะไรขุนภักดี ให้มาทำตนเองแทน เขาซาบซึ้งใจมากที่เธอยอมตายแทนดึงตัวมากอดไว้แนบอก แต่พอเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเนียนก็นึกสนุกแกล้งชักปืนขึ้นมา
“พี่มีปืน ลองมายิงพี่สิ พี่จะยิงมันกลับเช่นกัน”
เนียนกลัวทั้งพี่ชายทั้งคนรักจะเป็นอะไรไป พานจะเป็นลม ขุนภักดีรีบบอกว่าไม่มีเสือสางที่ไหน แค่เย้าเธอเล่น เมื่อครู่นี้เป็นเสียงนายถมทำอุบายให้สนตกใจเท่านั้น เนียนเบี่ยงตัวหลบออกจากวงแขนของเขาแล้วทรุดลงนั่งกับพื้นก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย ขุนภักดีดึงเธอให้ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้วยกัน แล้วเชยคางเธอขึ้นมา
“อย่าก้มหน้า อย่าหลบตาพี่ จงสบตาพี่แล้วมองหน้าพี่เพื่อที่เนียนจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพี่...พี่เสียใจและขอโทษ ต่อไปนี้จะไม่มีคำว่าท่านขุน มีแต่คำว่าพี่ขุนและจะไม่อนุญาตให้ใช้คำพูดกับผัวว่าเจ้าคะ...ใช้แต่คะ ขาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว คนดีของพี่” ขุนภักดีว่าแล้วดึงเนียนที่ตัวสั่นน้ำตาไหลพรากมากอดไว้แนบอก
“อย่าร้องไห้คนดีของพี่ ต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งสิ้น พี่ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหนูอี๊ด พี่ขอบคุณที่เนียนไม่โกรธตอบ ไม่อาฆาตแค้นทุกคนที่ทำร้ายเนียน ทั้งที่เจตนาและเข้าใจผิด”
“เอ่อ...ค่ะ ทุกอย่างผ่านไปแล้วค่ะ ช่างเถิดค่ะ”
“ในขณะที่เนียนช่างเถิด แต่บางคนยังเอาเรื่องเอาราวอยู่ เมื่อสักครู่พี่เห็นนะว่าสนกำลังจะทำอะไรเนียน”
เนียนเพิ่งเข้าใจว่าทำไมนายถมถึงตะโกนเช่นนั้น ขอบคุณขุนภักดีมากที่ช่วยเธอไว้ แต่อดเป็นห่วงสนไม่ได้ ป่านนี้คงตกใจกลัวแทบสิ้นสติ ขุนภักดีกลับเห็นว่าดีเสียอีกที่แม่คนนั้นตื่นกลัวบ่อยๆ จะได้ระงับจิตระงับใจเรื่องอิจฉาริษยาคนอื่นไว้บ้าง นอกจากนี้เขายังละอายใจมากที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเนียนและลงโทษเนื้อทองผิดๆ หาว่าพาทานตะวันไปแกล้งทำเรือล่ม เนียนไม่เคยถือโทษโกรธเคืองใครทั้งสิ้น...
ในระหว่างที่ขุนภักดีกับเนียนกำลังปรับความเข้าใจกัน สนนอนคลุมโปงตัวสั่นหวาดกลัวเสือหนักขึ้นสมอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังลั่น เทิดศักดิ์เพิ่งกลับจากเข้าเวรเดินผ่านห้องแม่ ได้ยินเสียงร้องไห้ อดเป็นห่วงไม่ได้ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปดู เห็นแม่นอนคลุมโปงตัวสั่นงันงก เข้าไปแตะให้รู้สึกตัว สนสะดุ้งโหยงร้องเสียงหลง เทิดศักดิ์ต้องร้องบอกว่าเป็นเขาเอง สนโผกอดลูกไว้ ละล่ำละลักให้ช่วยเธอด้วยเสือหนักจะฆ่าเธอ
“คุณแม่ฝันไปหรือเปล่าครับ ผมกลับมาบ้านเราก็ปกติดี แล้วเรื่องอะไรเสือหนักจะมาปล้นบ้านเรา ในเมื่อเสือหนักกำลังหนีผม หนีแดงน้อย หนีคุณพ่อ เขาเก็บตัว ไม่มาดอก”
สนยืนยันได้ยินเสียงตะโกนว่าเสือหนักมาจริงๆ เทิดศักดิ์ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นการสวมรอยก็ได้ สนคลายกังวลลงบ้างแต่ยังไม่หายกลัว เขาอาสาจะลงไปดูให้เผื่อจะเจอสิ่งผิดปกติ แล้วขยับจะไป สนดึงมือเขาไว้ไม่ยอมให้ไปเกรงจะโดนฆ่าเอาได้ เทิดศักดิ์ไม่กลัว จับแม่ลงนอนห่มผ้าให้แล้วลุกออกไป สนยิ่งผวาหนัก
“นี่ข้าทำอะไรลงไป เกิดเทิดศักดิ์ไปเจอไอ้เสือหนักแล้วมันพูดความจริงออกมา นี่ข้ากำลังจะเป็นบ้าแล้ว” สนตีอกชกตัวราวกับคนบ้า...
ทางฝ่ายขุนภักดีปรับความเข้าใจกับเนียนเรื่องเนื้อทองเป็นเรื่องสุดท้าย แต่ยังไม่ทันจะเฉลยว่ารู้แล้วว่าแกเป็นลูกของเขา มีเสียงเทิดศักดิ์ตะโกนถามขึ้นเสียก่อนว่าใครอยู่ที่ท่าน้ำ ทั้งคู่ตกใจเพราะต้องการให้เรื่องที่มาพบกันเป็นความลับ เนียนกวาดตามองหารองเท้าของตัวเองแต่ไม่พบ ขุนภักดีเร่งให้ไปจากนี่เร็วๆก่อนที่เทิดศักดิ์ จะมาเห็น ส่วนเรื่องรองเท้าให้ไปหาซื้อคู่ใหม่เอาข้างหน้า แล้วยัดเงินใส่มือเธอ ซึ่งรีบวิ่งไปขึ้นเรือซึ่งนายถมจอดรออยู่ เทิดศักดิ์โผล่เข้ามาพร้อมกับเล็งปืนไปยังเรือเพราะคิดว่าเป็นเสือหนัก สั่งให้จอดเรือ ไม่เช่นนั้นจะยิงให้พรุน
ขณะเทิดศักดิ์กำลังจะเหนี่ยวไก ขุนภักดีคว้าแขน ไว้ไม่ให้ยิง โกหกว่านั่นไม่ใช่เรือของเสือหนัก แค่เรือของ ชาวบ้านขับผ่านมาเท่านั้น เทิดศักดิ์อดแปลกใจไม่ได้ ตีสี่กว่าแล้วพ่อมาทำอะไรอยู่ตรงนี้
“เอ่อ...คือ...พ่อมีราชการที่บางกอก ราชการสำคัญ พ่อเลยนอนไม่หลับ พ่อขอตัวก่อนจะรีบไปปลุกไอ้เอกให้ตื่นมาขับรถ” ขุนภักดีพูดจบ เดินผิวปากกลับเรือน เทิดศักดิ์มองตามงงๆ
ooooooo
สนยังคาใจเรื่องช้อยไม่หาย รีบมาหาทองจันทร์แต่เช้า เลียบๆเคียงๆถามว่าวันก่อนช้อยมาโกหกอะไรให้ฟัง เตือนว่าอย่าไปเชื่อคำโป้ปดเหล่านั้น เธอแค่ต้องการให้ทองจันทร์ประกันตัวลูกชายตัวเองออกจากตะราง
“วุ้ยแม่สนละก็ช่างพูดจาอะไรให้เข้าตัวเอง นางช้อยมันก็โกหกตลบตะแลงเหมือนแม่สนนั่นแหละ ใครหลงจับพลัดจับผลูเชื่อพวกหล่อนก็เท่ากับโง่ เชื่อหมูออกลูกเป็นลิงได้...แม่สนยะ ที่นางช้อยมันพูดออกมาเรื่องเทิดศักดิ์น่ะ ฟังแล้วคาดเดาได้ว่าเทิดศักดิ์อาจไม่ใช่ลูกพ่อเทพดอก”
สนสะดุ้งโหยง คำรามในใจด้วยความเคียดแค้น “อีแก่ แกวอนตายเสียแล้ว”
“ฉันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดที่ไหนดอกน่ะ จนกว่านางช้อยจะมาเปิดปากบอกว่าตาเทิดศักดิ์เป็นลูกใคร ไปได้แล้ว ไปคิดดูซะ เผื่อหล่อนจะนึกออกแล้วมาบอกเองว่าตาเทิดศักดิ์เป็นลูกใคร คนอะไรท้องตั้งสิบสองเดือน”
สนหน้าซีดก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงจัดด้วยความโมโห หันมองทองจันทร์อย่างเอาเรื่อง แต่เธอก้มลงบ้วน น้ำหมากจึงไม่เห็นสีหน้าของสน....
หลังจากไปงานศพอาเนิบแล้ว เนียน แพร และโพล้งลงเรือที่นายถมขับตรงไปบ้านแพนเพื่อจัดการเรื่องโอนที่นาให้ยายอ่อน เนียนสอบถามจากนายเอกแล้วว่าเซ็นเอกสารมอบอำนาจไปก็ได้ ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง ยายอ่อนอดสงสัยไม่ได้ ทำไมเนียนถึงไม่อยากไปที่ที่ทำการที่ดิน เธอไม่อยากแสดงตัวให้ใครรู้ว่าเป็นเจ้าของที่นา...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน สนเดินหน้าเครียดมาแถวท่าน้ำบ้านภักดีภูบาล สะดุดเข้ากับรองเท้าของเนียนที่ตัวเองเตะทิ้งเมื่อคืน แค้นใจมาก กระทืบซ้ำๆระบายอารมณ์ แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ ถ้าช้อยตายแล้วใส่ความว่าเนียนฆ่าเท่ากับยิงกระสุนนัดเดียวได้สองตัว สนคว้ารองเท้าของเนียนขึ้นมาถือไว้ มีเสียงฝีเท้าคนเข้ามาทางด้านหลัง
สนหันขวับไปมองเห็นช้อยยืนอยู่ถึงกับยิ้มออก แกล้งพูดลวงให้ตายใจว่ามีทางช่วยแช่มออกมาจากตะรางได้แล้ว ช้อยดีใจไม่ทันระวังตัว สนชักมีดจ้วงแทงที่อกฐานปากโป้งไปเปิดเผยความลับให้ทองจันทร์รู้แม้จะโดนเข้าไปเต็มๆแต่ช้อยยังฮึดสู้ เข้าแย่งมีด แต่อาการบาดเจ็บทำให้เรี่ยวแรงถดถอยจึงโดนแทงซ้ำ คราวนี้ถึงกับทรุด
“กูเปิดโปงมึงแล้ว กูบอกอีแก่ทองจันทร์ไปแล้วว่า ไอ้เทิดศักดิ์เป็นลูกไอ้เสือหนัก” ช้อยไม่วายโกหก
สนโกรธมาก ขึ้นคร่อมช้อยไว้ “อีช้อย กูจะเฉือน ปากมึงให้ขาดกระจุยโทษฐานที่มึงทำกูพินาศย่อยยับ”
“อีสน ความตายของกูวันนี้ไม่ตายฟรีดอก มึงต้อง โดนจับ กูสั่งลูกเอาไว้ให้เปิดโปงมึงให้หมด ลูกกูจะได้ลดโทษ เพราะเป็นพยานกล่าวโทษความผิดของมึง กูกับมึงก็เลวพอกัน ดังนั้นกูตาย มึงก็ตาย”
คุณนายเรือนเล็กโกรธเลือดขึ้นหน้าเงื้อมีดหมายจะกรีดปากช้อย แต่ชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงแมวกับกบซึ่งกำลังตามหาช้อยแว่วเข้ามา ก่อนจะกระหน่ำแทงบ่าวเคยสนิทจมกองเลือดตายตาเบิกโพลง สนพยายามปิดตาแต่ไม่สำเร็จ รีบเอาเศษกิ่งไม้ใบหญ้ามาคลุมร่างช้อยไว้ แล้วเตะรองเท้าของเนียนเข้าไปใกล้ๆ
“รองเท้านังเนียนนี่แหละหลักฐานสำคัญ” สนสร้างหลักฐานเท็จเสร็จหลบออกไป แต่โชคไม่เข้าข้างเจอกบ กับแมวใกล้เรือนตัวเอง ทั้งคู่แปลกใจที่เห็นเธอในสภาพหัวหูยุ่งเหยิงมีคราบเลือดเปรอะซิ่น แถมเดินกะเผลกๆคิดว่าไปโดนหมาที่ไหนกัด จะเข้าไปช่วยประคองกลับโดน สนเอ็ดตะโรใส่จนถอยออกมาแทบไม่ทัน...
ในเวลาต่อมา กบกับแมวนำเรื่องที่เจอสนในสภาพสะบักสะบอมไปรายงานทองจันทร์ซึ่งไม่ค่อยจะสนใจนัก อยากรู้เรื่องช้อยที่ให้ทั้งคู่ไปตามหามากกว่าได้ความอย่างไรบ้าง กบกับแมวไม่เห็นแม้แต่เงา ทองจันทร์สีหน้าผิดหวัง พาลคิดไปว่าช้อยอาจจะปั้นน้ำเป็นตัวอย่างที่สนกล่าวหาก็ได้ แค่มาหยั่งเชิงเพื่อให้ตนช่วยลูกชาย จึง ละความสนใจ แต่พอคิดถึงเรื่องที่สนตั้งท้องสิบสองเดือนขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ให้คาใจทุกครั้ง
ooooooo
ทันทีที่กลับถึงเรือนเล็ก สนรีบทำความสะอาด เนื้อตัว เอาเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไปซุกไว้ในตะกร้า ยิ้ม พอใจที่กำจัดช้อยพ้นทาง เหลือแต่นังแก่ทองจันทร์ที่ยังเป็นขวากหนามชิ้นใหญ่ ขณะสนกำลังคิดแผนการกำจัดนังแก่อย่างตั้งอกตั้งใจ ทานตะวันโผล่พรวดเข้ามาในห้อง เธอชักสีหน้าไม่พอใจ เอ็ดลั่นว่าทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียง
“แหม...ก็หนูคิดถึงแม่สน อยากให้แปลกใจนี่คะ ไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้วนะคะ หนูอยากคุยเรื่อง เอ่อ...น้า...เอ๊ยยัยเนียน”
สนไม่ให้ความใส่ใจนัก ถามอย่างเสียไม่ได้ว่าเนียนไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีกหรือ ทานตะวันนิ่วหน้าแปลกใจที่สนไม่รู้เรื่องที่เนียนช่วยชีวิตเธอไว้จากโดนฟ้าผ่า ไม่อย่างนั้น เธอคงตายไปแล้ว และด้วยเหตุนี้จึงอยากมาปรึกษาสนว่าเธอจะทำตัวอย่างไรกับเนียนดี ควรจะไปขอโทษแล้วค่อยขอบคุณดีไหม
“อยากจะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับขี้ข้าก็ตามใจเถิดค่ะ แม่สนคนหนึ่งล่ะไม่ทำดอก มันเป็นคนใช้ เรามีสิทธิ์ที่จะทำอย่างไรก็ได้ไม่เห็นต้องขอโทษมันหรือขอบคุณมัน”
“เอ๊ะ แม่สนขา ยัยช้อยมันมาหาแม่สนแล้วมันหายไปไหนคะ ไม่เห็นมาเสนอหน้าเหมือนแต่ก่อน”
สนปฏิเสธทันทีว่าช้อยไม่ได้มาหา ทานตะวันเจอเธอแถวร้านเสริมสวยของตน เห็นว่าจะมาหาสน นัดกันไว้แล้ว สนส่ายหน้าไม่เคยนัดอะไรด้วย ทานตะวันไม่ติดใจ
สงสัยอะไรขอตัวกลับก่อน สนหวาดกลัวเรื่องช้อยขึ้นมา ขอตามไปด้วย ทานตะวันไม่ขัดช่วยประคองเธอลงจากเรือน เจอกบกับแมวยืนมองสนสีหน้ายิ้มเยาะอยู่ใต้ถุนเรือน สนไม่พอใจมากยังไม่ทันจะอ้าปากด่า มีเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังมาจากแถวท่าน้ำเสียก่อน
ทานตะวันหูผึ่งรีบชวนสนตามไปดู เธอไม่ยอมไปกลัวจะเจอศพช้อย แต่สุดท้ายทานตะวันลากแขนสนไปจนได้ ขณะที่แมวกับกบวิ่งปรู๊ดนำหน้าไปก่อนแล้ว...
ครู่ต่อมา สองบ่าวคู่หูแมวและกบเห็นเนื้อทองซึ่งตามมาเก็บร่มตัวเองที่ปลิวเพราะแรงลม ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ปลายเท้าใครบางคนซึ่งนอนแน่นิ่งเลือดท่วมตัวอยู่ใต้กองกิ่งไม้ กบตกใจร้องลั่น
“ช่วยด้วยๆ...มีคนโดนฆ่าตาย”
สนซึ่งจำใจมากับทานตะวันได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกถึงกับหน้าเสียชวนทานตะวันกลับอย่าไปดูศพให้เป็นที่อุจาดตา เธอไม่ยอมทำตาม อยากไปดูให้เห็นกับตาเผื่อฆาตกรทิ้งหลักฐานอะไรไว้ สนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ในเมื่อทุกคนต้องเจอรองเท้านังเนียนใกล้ที่เกิดเหตุ ทำไมข้าต้องกลัวด้วย” คิดในใจได้ดังนั้น สนคว้ามือทานตะวันจ้ำพรวดไปยังต้นเสียงทันที...
ข่าวการพบฆ่ากันตาย ทำให้พวกบ่าวไพร่ในบ้านภักดีภูบาลต่างมารุมล้อมดูร่างไร้วิญญาณใต้กองกิ่งไม้สุมหัวซุบซิบกันไปต่างๆนานา เนื้อทองบอกให้ใครก็ได้ช่วยไปตามเทิดศักดิ์กับแดงน้อยมาจัดการเรื่องนี้ ทานตะวันคิดพิเรนทร์ต้องการจะดูหน้าคนตายก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง เนื้อทองทักท้วงว่าไม่ควรไปยุ่งกับศพเพราะอาจทำให้หลักฐานเสียหายได้ และจะทำให้จับคนร้ายลำบากมากขึ้น สนได้ทีว่าประชด
“อ้อ นึกว่าไปเรียนครูมา ที่นั่นเขาสอนวิชาตำรวจด้วยรึ...พวกแกได้ยินคุณหนูอี๊ดสั่งไหม เปิดหน้ามันออกมาดูเดี๋ยวนี้” สิ้นเสียงสน บ่าวคนหนึ่งเดินตรงไปยังศพ เนื้อทองไม่อยากมีส่วนด้วยหนีกลับเรือน เมื่อเศษกิ่งไม้ใบหญ้าถูกยกออก ทุกคนต่างตกตะลึงที่เห็นช้อยนอนตายตาเบิกโพลง สนแสร้งตีหน้าเศร้า
“โถ นังช้อยเวรกรรมของเอ็งแท้ๆ ที่ผ่านมาเอ็งทำบ้าๆกับข้าไว้แยะ ข้าอโหสิกรรมให้เอ็งทั้งหมดนะช้อยนะ...คนที่ฆ่ามันต้องเลินเล่อเผลอทิ้งหลักฐานไว้แน่ๆ”
ทานตะวันภาวนาขอให้คนร้ายโดนจับตัวในเร็ววัน ส่วนกบกับแมวอธิษฐานขออย่าให้เป็นเรื่องป้ายสีคนบริสุทธิ์ก็แล้วกัน สนอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น ชวนทานตะวันไปร้านเสริมสวย แล้วดึงมือออกไปเลย กบกับแมวมองสบตากัน อดสงสัยในพฤติกรรมของคุณนายเรือนเล็กไม่ได้
ooooooo
เรียมกับทองจันทร์ตกใจมากเมื่อรู้ข่าวการตายของช้อยจากสองบ่าวคู่หู และไม่ชอบใจที่สนกับทานตะวันไปยุ่งกับศพก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาตรวจ เท่ากับเป็นการทำลายหลักฐาน กบเล่าเพิ่มเติมอีกว่าเนื้อทองห้ามแล้ว แต่สนอ้างว่าคนร้ายอาจเผลอทิ้งหลักฐานอย่างอื่นเอาไว้
“แม่สนนี่ช่างฉลาดล้ำ แม่สนไม่ตกใจดอกรึที่อดีตคนสนิทของเธอตายอนาถขนาดนั้น”
“เธอเฉยๆเจ้าค่ะคุณท่าน ตอนนี้ไปทำผมที่ร้านเสริมสวยกับคุณหนูอี๊ดแล้วเจ้าค่ะ”
“เรียมไม่สบายใจเลยค่ะคุณแม่ ถึงจะไม่ชอบการกระทำของช้อย แต่ก็ไม่อยากให้ตายน่าสมเพชแบบนี้”
“ก็นังช้อยมันกำความลับ ความเลวร้ายของใครบางคนเอาไว้น่ะสิ...เฮ้อ...เวรกรรมของคนชั่วทั้งหลาย มันไม่เคยตายดีสักราย” ทองจันทร์ถอนใจอย่างปลงๆ...
ไม่นานนัก แดงน้อย เทิดศักดิ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายมาถึงที่เกิดเหตุ พวกบ่าวไพร่ยังคงจับกลุ่มดูการทำงานของตำรวจอยู่ห่างๆ เทิดศักดิ์บ่นอุบมัวแต่ไประแวดระวังแช่มจะโดนฆ่าปิดปาก แต่กลับเป็นช้อยที่โดนเสียเอง แดงน้อยประหลาดใจมากใครกันที่กล้าหาญฆ่าคนในบ้านภักดีภูบาลได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้
“ใช่แล้ว ใครคนนั้นน่าจะเป็นคนในบ้านนี้ คนอื่นที่ไหนจะเข้ามาฆ่าคนที่นี่ได้” เทิดศักดิ์ตั้งข้อสังเกต
แดงน้อยสั่งการให้หมู่เติมนำศพช้อยกลับไปก่อน แล้วชวนเทิดศักดิ์ช่วยกันตรวจค้นรอบๆสถานที่เผื่อคนร้ายใจโหดจะเผลอทิ้งหลักฐานไว้...
ในเวลาเดียวกัน เนียนเสร็จธุระที่บ้านแพนเตรียมตัวจะกลับโดยไม่ลืมขอร้องแพรกับโพล้งช่วยเก็บความลับ เรื่องที่แดงน้อยเป็นลูกของเธอเอาไว้ก่อน เธอไม่อยากให้ลูกรู้ว่ามีแม่ถูกตราหน้าว่ามีชู้
“อุบ๊ะ ก็อีตอนกลับมานี่ ไอ้คนเรือมันเรียกคุณเนียนขอรับ กระผมอย่างโน้นอย่างนี้ ก็แปลว่าท่านขุนไม่ถือสาหาความเรื่องเก่าแล้ว”
“จุ๊ๆๆ อย่าเอ็ดอึงไปพี่แพร ท่านให้ปิดเป็นความลับ เรื่องที่ให้เนียนกลับไปหา”
“มีแต่ความลับนับไม่ถ้วน เอาเถิดขอให้โชคดีนะเนียน” แพรเดินตามมาส่งเนียนลงเรือที่นายถมจอดรออยู่ก่อนจะหันไปยิ้มกับโพล้ง ดีใจที่เรื่องราวของเนียนเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี...
คำอวยพรของแพรดูจะไม่เป็นผล เทิดศักดิ์เจอรองเท้าแตะของเนียนที่สนสร้างหลักฐานเท็จทิ้งไว้ เขามั่นใจว่านี่ต้องเป็นของฆาตกรหญิงและอยู่ในบ้านหลังนี้ จึงสั่งให้บ่าวทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานหน้าเรือนทองจันทร์ ขาดเนียนคนเดียวเท่านั้นที่ไปงานศพญาติที่สามชุก แดงน้อยชูรองเท้าผู้หญิงที่เก็บได้ใกล้ที่เกิดเหตุให้ทุกคนดู เผื่อมีใครจำได้บ้างว่าเป็นของผู้ใด กบจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นเนื้อทองเพิ่งซื้อมา
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยไม่รอช้า หิ้วรองเท้าหลักฐานขึ้นไปบนเรือนคุณย่าเพื่อสอบถามความจริงจากเนื้อทอง ได้ความว่าเป็นของเธอจริง แต่ให้แม่เนียนใส่ไปงานศพ แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ต่างตกใจไม่แพ้กัน...
ทางฝ่ายสนกลับจากร้านเสริมสวยมากับทานตะวัน ตรงรี่ไปถามพวกบ่าวรับใช้ที่กำลังสุมหัววิพากษ์วิจารณ์ถึงการตายของช้อยว่าแดงน้อยกับเทิดศักดิ์สืบสวนได้ความคืบหน้าอย่างไรบ้าง แม่ครัวรีบรายงานว่าตำรวจพบรองเท้าแตะตกอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ สนหัวเราะด้วยความดีใจสุดขีด
“ฮ่าๆๆๆในที่สุด นางคนร้ายก็ไม่อาจลอยนวล”
กบกับแมวแปลกใจ สนรู้ได้อย่างไรว่าคนร้ายเป็นผู้หญิงทำราวกับเห็นแล้วว่ารองเท้าแตะเป็นของใครทั้งๆที่เพิ่ง มาถึง สนตวาดลั่นว่าอย่ามายอกย้อน แล้วชวนทานตะวันไปเรือนทองจันทร์ฟังเรื่องราวของฆาตกร...
หลักฐานที่แดงน้อยกับเทิดศักดิ์พบบ่งชี้ว่าเนียนต้องกลับมาที่บ้านภักดีภูบาล แล้วรีบร้อนจากไปจนต้องทิ้งรองเท้าคู่นี้ไว้ เนื้อทองตกใจมาก พูดแบบนี้เท่ากับกล่าวหาว่าแม่ของเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของช้อย ทองจันทร์โวยลั่นว่าบ้าบอไปกันใหญ่ เนียนไม่มีวันฆ่าใครได้ เรียมคิดเช่นเดียวกับทองจันทร์ว่าเนียนไม่ใช่ฆาตกร
“แม้แต่ยุงกัดแม่แม่ยังไม่ยอมตบ ทำไมแม่ต้องไปฆ่าน้าช้อยด้วย” เนื้อทองพูดไปร้องไห้ไปด้วย
“นี่แปลว่าจะพากันเอาเนียนมันไปเข้าตะรางรึพ่อเทิดศักดิ์” ทองจันทร์จ้องหลานชายอย่างเอาเรื่อง
ทั้งเทิดศักดิ์และแดงน้อยอ้างว่าต้องทำตามหน้าที่ ในเมื่อหลักฐานชี้ไปที่เนียน เราสองคนจำเป็นต้องจับเรียมเข้าข้างเนียนสุดฤทธิ์ ในเมื่อไม่มีใครยืนยันได้ว่าเจอเนียนอยู่ในบ้านแล้วจะกล่าวหาได้อย่างไรว่าฆ่าช้อย
“นี่แหละครับประเด็นสำคัญ ถ้าไม่มีใครพบเห็น
น้าเนียนก็แล้วไป เรื่องรองเท้ายังไม่พอเป็นหลักฐานทั้งหมด แต่ถ้าเกิดมีใครพบน้าเนียน ก็คงแก้ตัวไม่ได้”
“ก็เนียนมันไปงานศพถึงสามชุกจะลนลานกลับ มาฆ่าคนแล้วหนีไปรึ โอ๊ยไม่มี...ไม่มีใครเห็นมันแน่ๆ” ทองจันทร์ค้าน สนเดินยิ้มขึ้นมากับทานตะวัน ยืนยันว่าเห็นเนียนเมื่อตอนใกล้สว่างนี่เอง ทุกคนพากันตกตะลึง
ooooooo










