บทดอกสร้อย ที่เด็กนักเรียนรุ่นพ่อรุ่นแม่ผมท่อง บทหนึ่ง

“โอเอ๋ย โอละเห่ คิดถ่ายเทตื่นนอนแต่ก่อนไก่ ทำขนมแซงมาหากำไร เกิดขัดใจกันในครัวทั้งผัวเมีย”

ผู้รู้บอกว่า สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงประพันธ์

(คอลัมน์บอกเล่า เก้าสิบ บุญมี พิบูลย์สมบัติ นสพ.เพชรภูมิ ฉบับ 16 พ.ย.2552)

ขนมแซงมา...ชื่อนี้ผมแว่วๆอยู่ในใจว่าเคยได้ยิน ไม่แน่ว่าเคยได้กิน แต่ตอนนี้หายไปไหน?

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน...เล่ม พ.ศ.2554 ไม่มีคำแซงมา แต่มีแต่คำ “ม้าแซง” รวมในกลุ่มเรือแซง ช้างแซง แต่พจนานุกรมราชบัณฑิต พ.ศ.2525 มีคำอธิบายสั้นๆ เป็นชื่อขนมชนิดหนึ่ง

พจนานุกรมฉบับมติชน มีคำอธิบายที่ชัดเจนกว่า

แซงมา เป็นชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำจากข้าวเหนียวใส่น้ำตาล แซงม้า ก็เรียก เช่น “จึงวางองค์ลงบนเปลแล้วเห่ช้า ทำขนมแซงม้าเวลาค่ำ” (พระอภัยมณี)

อาจารย์บุญมี ท่านยังไม่ได้เฉลยว่า ขนมแซงมา หรือ “แซงม้า” คือขนมอะไร ท่านเล่าถึงขนมโบราณที่มักจะทำกินพร้อมกันสองอย่าง

อย่างหนึ่งเนื้อขนมจะออกสีน้ำตาล เพราะใช้น้ำตาลโตนดเป็นส่วนผสมกับน้ำกะทิ

ส่วนอีกอย่างเนื้อขนมออกสีขาว เพราะใส่น้ำตาลทราย แต่ใส่ไม่มาก

แป้งทำขนมคงใช้แป้งข้าวเจ้าอย่างเดียวกัน อาจผสมแป้งน้ำเท้ายายม่อม หรือแป้งมันเล็กน้อย ครั้งก่อน ขนมที่เป็นสีน้ำตาล ตัวขนมจะแข็งกว่าขนมที่เป็นสีขาวซึ่งตัวขนมจะนิ่ม

ถึงตอนนี้ ก็น่าจะเป็นคำเฉลย ขนมที่เป็นสีน้ำตาล เรียกกันว่า ขนมปลากริม

ส่วนเนื้อขนมที่เป็นสีขาว เพราะแป้งและน้ำกะทิที่ผสมน้ำตาลทรายจึงเป็นสีขาว มีรสหวานไม่มาก แป้งต้องปั้นให้เป็นตัวๆ คล้ายลอดช่อง เมื่อปรุงสุกแล้วเหยาะเกลือเล็กน้อย

ชอบถั่วทองคั่วจะโรยหน้าด้วย จะมีกลิ่นหอมชวนกิน ก็จะเรียก ขนมไข่เต่า

...

เวลากิน จะตักทั้งไข่เต่าปลากริมผสมเข้าด้วยกันก็ได้ หรือจะแยกกินก็ได้ตามอัธยาศัย

เป็นอันว่า ขนมแซงมา หรือขนมแซงม้า ที่ทำกินกันในสมัยสุนทรภู่ ไม่ได้หายไปไหน ถึงวันนี้ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่เรียกชื่อกันว่า ขนมปลากริมไข่เต่า

ใครๆก็เคยกิน ผมเองเคยกินฝีมือแม่ผมทำ ผมยังเชื่อว่าอร่อยกว่าใครๆ

ในสำนวน “น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย” อาจารย์กาญจ–นาคพันธุ์ อธิบายว่า

น้ำร้อนปลาเป็น คือ ปลาที่แหวกว่ายไปตามแม่น้ำลำคลอง มีเภทภัยบ้าง แต่อยู่ได้

น้ำเย็นปลาตาย คือ น้ำใต้ถุนแพผักบุ้ง ชาวบ้านทำไว้หน้าบ้าน ปลามักเข้าไปอาศัยคิดว่าอยู่เย็นเป็นสุข แต่ถึงเวลาก็หาอวนมาล้อมจับเอาไปกินได้ง่ายๆ

มีคำอธิบายอีกชุด เป็นความรู้ใหม่ที่อาจารย์รุ่นเก่าท่านหนึ่งเขียนจดหมายมาอธิบาย

เวลาปั้นแป้งไม่ว่าจะทำขนมปลากริมหรือไข่เต่า ต้องใช้น้ำร้อนจริงๆ จึงจะปั้นขนมเป็นตัว น้ำไม่ร้อนก็ใช้ไม่ได้

อาจารย์ยืนยัน สำนวนน้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย เป็นคำสอนจากการปั้นขนมปลากริมไข่เต่า นี่เอง

ความหมายของสำนวนการเลือกทำสิ่งที่พอเหมาะพอดี ความหมายนี้ ใครก็เอาไปใช้ได้ รัฐบาลที่กำลังตั้งท่าปั้นรัฐบาลผสม กระทั่งสองพรรคใหญ่ ไม่ว่าเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์

ผมอยากให้คนประชาธิปัตย์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องตีฝีปาก ไปหาขนมปลากริมไข่เต่ากิน แล้วตั้งสติคิดกลยุทธ์สู้

ตอนนี้อย่าไปใช้สำนวนจิกด่าทหารเขามากนัก อารมณ์เบื่อของชาวบ้านที่มีกับพรรคการเมือง เพิ่งเริ่มเจือจาง ยังไม่หมดไปทันที

ตอนนี้ผมว่านะ ทหารเขายังมีเรื่องดีๆทำ มากกว่าเรื่องที่ไม่ดี.

กิเลน ประลองเชิง