ผมเป็นคนชอบอ่านเกร็ดประวัติศาสตร์และจำได้ว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงตัดสินพระทัยที่จะย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี ข้ามฟากมายังฝั่งตรงข้ามเพื่อสร้างราชธานีขึ้นใหม่นั้น

มีพระบรมราชโองการให้ พระยาธรรมาธิกรณ์ กับ พระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ ไปวัดกะที่ดินเพื่อสร้างพระนครใหม่ เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2325 จากนั้นทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.เดียวกัน เวลา 06.54 น. ก่อกำเนิดเป็น กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ นับตั้งแต่นั้น

ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงเปลี่ยนจาก บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์ จวบจนถึงปัจจุบัน

เมื่อวันขึ้นปีใหม่ปีนี้ผ่านไปแล้ว 1 วัน คือ 2 มกราคม 2561 ผมมีโอกาสนั่งรถตระเวนไปรอบๆ กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์อยู่หลายชั่วโมง และก็ไปได้เกือบทั่ว เพราะรถราไม่ติดเลย

ระหว่างอยู่บนทางด่วนสายต่างๆ ผมมองไปรอบๆเห็นตึกสูงระฟ้าตั้งตระหง่านไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เรียกว่ามองไปยังมุมไหน ทิศไหน ก็เจอแต่ตึกสูงระฟ้า ไม่มีที่สิ้นสุด

เห็นแล้วผมก็อดนึกถึงท่านแม่กองทั้ง 2 ท่าน ที่คุมช่างและไพร่ไปวัดกะที่ดิน เพื่อสร้างราชธานีแห่งนี้ ตามพระราชบัญชาของในหลวงรัชกาลที่ 1 เสียมิได้

หากวิญญาณของท่านทั้ง 2 คือ พระยาธรรมาธิกรณ์ กับ พระยาวิจิตรนาวี มีโอกาสเดินทางจากสรวงสวรรค์กลับมายังราชธานีที่ท่านวัดกะที่ดินไว้ ท่านจะกลับบ้านของท่านถูกไหมหนอ?

เพราะกรุงรัตนโกสินทร์วันนี้กับวันโน้น 236 ปีผ่านไป ได้กลายเป็นคนละกรุงโดยสิ้นเชิงแล้ว

จากอาณาบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์หย่อมเดียว ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทุกทิศ และก็ไปจนถึงเมืองนครปฐม เมืองสมุทรสาคร เมืองสมุทรปราการ เมืองฉะเชิงเทรา เมืองปทุมธานี เมืองนนทบุรี ฯลฯ กลายเป็นมหานครและปริมณฑลผืนใหญ่ติดกันทั้งผืน

...

แถมยังแปรสภาพจากเรือนโบราณมีนอกชานและเสาสูง หรือที่อยู่ริมน้ำริมคลองก็เป็นเรือนแพ หรือสำหรับไพร่และคนยากจนหน่อยก็ปลูกกระต๊อบ ฯลฯ กลายเป็นตึกสูงๆกันไปหมด

ผมว่าวิญญาณของทั้ง 2 พระยาคงจะตกตะลึงกลับบ้านไม่ถูกแน่นอน ที่เห็นสภาพของกรุงรัตนโกสินทร์ใน พ.ศ.นี้

สำหรับตัวผมเองนั้น นอกจากจะตื่นตาตื่นใจที่เห็นตึกสูงๆเต็มกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อมองจากทางด่วนดังได้บรรยายไว้แล้ว

ครั้นผมลงจากทางด่วนนั่งรถไปตามถนนสายต่างๆ ผมก็เกิดความตื่นตาตื่นใจระคนประหลาดใจขึ้นอีกเป็นกำลังสอง เมื่อพบว่าตึกสูงที่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด 2 ฟากถนนส่วนหนึ่งก็คือ คอนโดมิเนียม หรือห้องชุดที่อยู่อาศัยนั่นเอง

ไม่ว่าทางฝั่งกรุงรัตนโกสินทร์ราชธานีใหม่ หรือทางฝั่งธนบุรีราชธานีเก่า ล้วนเต็มไปด้วย คอนโดมิเนียม ทั้งสิ้น ทั้งที่โผล่ขึ้นมาแล้ว และที่ขึ้นป้ายว่าจะโผล่ขึ้นมาอีกหลายสิบหลายร้อยโครงการ

ยิ่งที่ใดมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าไปถึง คอนโดฯก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

แม้แต่บางถนนรถไฟฟ้ายังไม่มาเลย แต่มีโครงการว่าจะมา (เช่นถนนลาดพร้าวที่ผมใช้เป็นประจำเป็นต้น) ปรากฏว่าคอนโดฯ ผุดขึ้นมารอซะแล้ว ไม่รู้กี่สิบแห่งขณะนี้

ผมเป็นคนวิสัยทัศน์สั้น มองไม่ค่อยออกว่าอนาคตข้างหน้า กรุงเทพ มหานครอมรรัตนโกสินทร์ ซึ่งรวมกับกรุงธนบุรีราชธานีเก่าเป็น “กทม.” แล้วนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป

รู้อยู่อย่างเดียวว่า วันนี้ไม่ว่าไปไหนมาไหนก็เจอแต่คอนโดฯ คอนโดฯ

ก็เลยต้องขออนุญาตแปลงเนื้อร้องท่อนแรกของเพลง “กรุงเทพราตรี” ที่ครู เอื้อสุนทรสนาน ร้องคู่กับ ชวลี ช่วงวิทย์ ไว้ตั้งแต่ผมยังเป็นหนุ่มๆว่า “โอ้กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหาธานี”

มาเป็น “โอ้กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหาคอนโดฯ” ไปพลางๆก่อน

เพราะเชื่อได้เลยว่า อีก 10 ปีข้างหน้า กรุงเทพฯจะเป็นมหานครแห่งคอนโดฯอย่างไม่ต้องสงสัย...ไปไหนมาไหนจะเจอแต่คอนโดฯยั้วเยี้ยไปหมด หากยังสร้างกันไม่หยุดหย่อนดังเช่นทุกวันนี้.


“ซูม”