พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เอ่ยปากเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่ไปอวยพรปีใหม่ก่อนวันส่งท้ายปีเก่าที่บ้านสี่เสาอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดี ที่มีต่อประชาชนชาวไทย กองหนุนก็จะมาเอง เพราะฉะนั้น ขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้”

คำเตือนของ ป๋าเปรม มีความหมายลึกซึ้งมาก ผมเชื่อว่า นายกฯตู่ คงรู้ดีว่า ป๋าเปรม หมายถึงอะไร ก็อยู่ที่ นายกฯตู่ จะฟังคำเตือนของ ป๋าเปรม มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น

เข้าสู่ปีที่ 4 ของ คสช. นายกฯตู่ ไม่เพียง สะดุดขาเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมปฏิวัติกันมา ซึ่งส่งผลต่อกองหนุนหลายกลุ่ม รวมทั้ง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นาฬิกาหรู แหวนเพชร ของพี่ใหญ่อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่ง ป.ป.ช.จะมีการแถลงความคืบหน้า (ที่อาจจะไม่คืบหน้าก็ได้) ในเช้าวันนี้ แต่ในโซเชียลมีเดียมีการเปิดเผยนาฬิกาเรือนใหม่อีก 10 กว่าเรือน มีการทำปฏิทินนาฬิกาหรูส่งกันอย่างแพร่หลาย ไปจนถึงเรื่อง การจัดซื้อเครื่องจับความเร็วราคาแพงของกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกทักท้วงจนเงียบไป

ขณะเดียวกัน นายกฯตู่เอง ก็สะดุดขาตัวเองเหมือนกัน ทั้งเรื่องใหญ่อย่าง การขู่เลื่อนการเลือกตั้ง ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ ไปจนถึงเรื่องเล็กอย่าง การไปเล่นกอล์ฟสนามนิกันติ และถ่ายรูปกับพี่น้องตระกูลสะสมทรัพย์ ล่าสุดเรื่อง สุนัขพันธุ์บางแก้ว ราคา 25,000 บาท ที่ นายกฯตู่ บอกต่อหน้าสื่อจะซื้อให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งมีมูลค่าเกิน 3,000 บาท จนถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ว่า ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ต้องออกมาปฏิเสธกันวุ่นวายว่ายังไม่ได้ให้ ยังไม่ได้รับ

...

เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ นายกฯตู่ ต้องระมัดระวัง

ผมคิดว่า นายกฯตู่ ควรจะฟังคำเตือนของ ป๋าเปรม ว่า “ถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทย กองหนุนก็จะมาเอง” ความปรารถนาดีที่ชัดเจนก็คือ การประกาศเดินหน้าเลือกตั้งตามโรดแม็ปปลายปีนี้อย่างมั่นคง นำประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย ไม่ควรให้แม่น้ำสายต่างๆในเครือออกมาส่งซิกให้สับสนว่า อาจจะเลื่อนการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้น

เพราะวันนี้ไม่เพียง นายกฯตู่ ที่ขู่ว่า อาจจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งถ้าบ้านเมืองไม่สงบ ทั้งที่บ้านเมืองก็สงบดี คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานร่างรัฐธรรมนูญ ก็ออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ปีนี้จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ตอบยาก ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ ขณะนี้ประกาศใช้แล้ว 2 ฉบับ ดูแล้วท่าจะไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะว่ามีการเปลี่ยน กกต. (แต่ ป.ป.ช.กลับให้อยู่ยาว) กระบวนการสรรหายังไม่จบ ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะจบ จึงบอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้ หากการเลือกตั้งช้าลง ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบกับการปฏิรูปประเทศด้านอื่น

ที่น่าแปลกก็คือ กฎหมายลูก 10 ฉบับ ที่นำไปสู่การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติผ่านไปแล้ว 8 ฉบับ เหลือกล่องดวงใจที่สำคัญที่สุด คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ การได้มาซึ่ง ส.ว. เพียง 2 ฉบับ ที่ สนช.ยังไม่ยอมให้ผ่านออกมา ถ้าผ่านออกมาเมื่อไหร่ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วันทันที ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ผมก็ไม่รู้ว่า คสช.จะกลัวการเลือกตั้งไปทำไม เพราะไม่ว่า การเลือกตั้ง จะมีขึ้นในเดือน พฤศจิกายน 2561 หรือ ไปเลือกตั้งเอาต้นปี 2562 ผมเชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาเหมือนกันคือ ได้นายกรัฐมนตรีคนนอกอย่างที่ตั้งใจไว้แน่นอน แต่ที่ดึงเกมให้ยืดเยื้อออกไป น่าจะเป็นเหตุผลอื่นมากกว่า ใครอยากรู้ก็ต้องไปสืบดูเอาเอง.

“ลม เปลี่ยนทิศ”