หนังสือที่รวบรวม บันทึกเกร็ดเก่า ข่าวเก่า ชำระเรื่องเก่าในชุด หมายเหตุประเทศสยาม (เล่ม 6...959 พับลิชชิ่ง จำกัด พ.ศ.2549) เรื่องที่ 269 งานภูเขาทอง พ.ศ.2499
เอนก นาวิกมูล เขียนนำเรื่องว่า งานภูเขาทอง หรืองานวัดสระเกศ จัดเป็นประจำปี เริ่มมีตั้งแต่สมัย ร.5 ถือเป็นงานวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
ปกติจัดช่วงลอยกระทง ผู้คนนิยมไปเที่ยวซื้อของ นั่งชิงช้าสวรรค์ ดูละครลิง ดูรถไต่ถัง ดูการแสดงของประหลาด และดูการละเล่นต่างๆ
เอนก เก็บนิตยสาร ตากล้องไทย ปีที่ 3 ฉบับที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2499 หน้าปกระบำโป๊ฝรั่งเอาไว้ เปิดดูภายในเล่ม มีเรื่องฉลองภูเขาทอง พร้อมภาพบรรยากาศของงาน
คนตากล้อง เล่าว่า เดิมทีภูเขาทองต่อไว้ด้วยไหกระเทียมดอง เกาะไว้ด้วยหินปูน มีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม มีต้นลั่นทมส่งกลิ่นหอมฟุ้ง มีถ้ำเยอะแยะ ตอนเกือบจะถึงยอดมีศาลาอีแปะคนชอบขึ้นไปอาศัยผูกคอตาย
แต่หลังจากซ่อมแซม เมื่อปี 2493 แล้ว ต้นไม้หายไป ภูเขาทองดูแข็งแรงขึ้น
กรรมการวัดภูเขาทอง ถือเอาวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2499 ตรงกับวันวิสาขบูชาเป็นวันเริ่มงานเรื่องความบันเทิง เขียนไว้ในย่อหน้าสุดท้าย ขว้างหัวหมูหัวหมา หนังถ้ำมอง ซึ่งมีทั้งสุภาพ และสัปดี้สัปดน
ที่น่าสนใจงานภูเขาทองปีนั้นคนตากล้องเขียนว่า
“มีการประลองฝีมือขว้างสาวน้อยตกน้ำ ซึ่งภูเขาทองครั้งก่อนไม่มี”
ก็ปรากฏว่า คราวนี้ได้รับความสนับสนุนจากประดาคนหนุ่ม จมไปเลย
มีภาพถ่ายงานภูเขาทอง 12 ภาพ ตั้งแต่ภาพนายกฯจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภาพคนลงจากภูเขาทองมีขอทานนั่งขอเงิน ภาพคนแขนด้วนสูบบุหรี่ คนขาด้วนเป่าแคน
ภาพหนุ่มๆดูตู้ถ้ำมอง (วางคู่กับตู้ฤาษีทำนายโชคชะตา)
...
และภาพสาวน้อยตกน้ำหน้าตาสาวน้อยในชุดเสื้อผ้ารัดรูป สะสวยสมสมัย
ผมดูภาพสาวน้อยที่ยังไม่ตกน้ำแล้ว นึกถึงความหลัง หนุ่มๆแม่กลองเที่ยวงานสงกรานต์วัดบ้านแหลม...เคยเยี่ยมๆมองๆหน้าเวทีสาวน้อยตกน้ำกับเขาเหมือนกัน
จำได้ว่าค่าขว้างลูกบอลบาทเดียว ถ้าลูกบอลไปถูกเป้า กลไกก็จะทำให้สาวน้อยที่ผัดหน้าทาแป้งผ่องใสหล่นโครมลงในถังน้ำ
หนุ่มๆมีสองพวก พวกหนุ่มห้าวก็เข้าคิวซื้อลูกบอล พอสาวน้อยตกน้ำก็ฮากันครืนใหญ่
ส่วนหนุ่มอีกพวก...พวกแมลงภู่ รักดอกไม้...ได้แต่ยืนปลง สงสารสาวๆ ยิ่งตอนขึ้นจากน้ำ มาตั้งหลักรอให้หนุ่มๆขว้างเป้าใหม่... หน้าตาและเผ้าผม ยิ่งเป็นสาวผมยาว...ดูไม่ดีสักเท่าไหร่
หนุ่มพวกหลังนี้ เอาแต่ยืนจ้องดูตาสาว แต่ก็สังเกตได้ว่า สาวไม่ค่อยสนใจจ้องตอบกับหนุ่มที่รุมเฮ...ขว้างบอลให้เธอตกน้ำ
มากกว่า
นึกถึงสาวน้อยตกน้ำที่ไปยืนลุ้น สมัยหนุ่มแล้วเอามาเปรียบกับ คดีจำนำข้าวคดีใกล้ปิด...เต็มที ผู้คนต่างสีแบ่งเป็นสองฝ่าย สีหนึ่งสงสาร...เมื่อเห็นสาวน้อยร้องไห้
อีกสีสมน้ำหน้าลุ้นให้ตัดสินไวๆ
ผมชัดเจนกับจุดยืน ไม่เอาไหน ไม่มีสี มองสาวน้อยแล้วนึกว่าถ้าเป็นพี่ก็คงสงสารน้อง...บังเอิญไม่ได้เป็นพี่ที่ส่งน้องเข้าปิ้ง...ก็ลดความสงสารไปบ้าง
เหลือแค่ความเวทนา ประสาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ยังนึกไม่ออกครับ ถ้าสาวน้อยเกิดถูกขว้างเข้าเป้า...ตกน้ำ... ต้องเข้าคุกเข้าตะรางจะรู้สึกยังไง...เท่าที่นึกได้ตอนนี้ ก็เพียงปลง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม.
กิเลน ประลองเชิง