ด้วยเหตุที่ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ในบ้านเรามีแนวโน้มเติบใหญ่ขยายตัว ขณะที่ภาษีนำเข้ารถบิ๊กไบค์ค่อนข้างสูง
พร้อมกันนี้ด้วยทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยนั้นถือเป็นศูนย์กลางอาเซียน แถมยังสามารถต่อยอดเชื่อมไปยังทั้งเอเชียตะวันออกไกลและเอเชียใต้
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีความแข็งแกร่ง ได้ชื่อว่าเป็น “ดีทรอยต์ ออฟ เอเชีย”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายค่ายบิ๊กไบค์ได้ทุ่มลงทุนตั้งโรงประกอบรถบิ๊กไบค์ในไทย เพราะนอกจากจะได้แต้มต่อเรื่องราคาที่ถูกลงแล้ว ยังถือโอกาสจัดตั้งให้เป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกที่สำคัญประจำภูมิภาคอีกด้วย
ค่ายฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เจ้าของบิ๊กไบค์แห่งตำนานสายพันธุ์มะกัน ก็เช่นกัน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้แย้มมาตลอดว่ามีความสนใจที่จะเข้ามาตั้งโรงประกอบรถบิ๊กไบค์ในไทย
เพราะเห็นว่านอกจากช่วยในเรื่องตีตั๋วเด็กให้ราคาบิ๊กไบค์ถูกลง เนื่องจากอัตราภาษีรถประกอบในประเทศถูกกว่าภาษีนำเข้าอย่างมากแล้ว ยังตั้งใจใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ
ดังนั้นในช่วงหลังค่ายฮาร์เล่ย์-เดวิดสันจึงได้เข้ามาลุยบ้านเราเต็มสูบ มีการจัดตั้ง “ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ประเทศไทย” เพื่อดูแลตลาด บิ๊กไบค์ในไทยอย่างจริงจัง
พร้อมกันนี้ยังได้มีการเปิดรับดีลเลอร์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น หวังผุดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการให้กระจายทั่วไทย เพื่อเตรียมรองรับตลาดรถฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ที่จะยิ่งขยายตัวหลังมีการประกอบในบ้านเรา
อย่างเช่น กลุ่มเอเอเอสออโตเซอร์วิส หนึ่งในกลุ่มทุนยานยนต์รายใหญ่ของไทย ได้ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท ผุดโชว์รูมฮาร์เล่ย์-เดวิดสันขนาดใหญ่พร้อมศูนย์บริการมาตรฐานบนถนนวิภาวดีรังสิต (ติดซอยวิภาวดีรังสิต 66) ในนาม “เอเอเอส ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ บางกอก”
...
โดยโชว์รูมแห่งนี้ถูกมอบหมายให้เป็น “แฟลกชิพ” หรือสาขาที่เป็นสัญลักษณ์ของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะเดียวกัน ค่ายฮาร์เล่ย์-เดวิดสันยังได้จัดตั้ง “มหาวิทยาลัยฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน แปซิฟิก” บนถนนพระราม 3 กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เป็นศูนย์ฝึกดีลเลอร์ให้เพิ่มความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและธุรกิจทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย
จนกระทั่ง เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ดูเหมือนว่าแผนการลงทุนของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันที่จะลงทุนสร้างโรงประกอบรถบิ๊กไบค์ในไทยอาจต้องสะดุด เพราะ ปธน.ทรัมป์มีนโยบาย “America First” หรือ “อเมริกาต้องมาก่อน”
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา “มาร์ก ดี แม็คอลิสเตอร์” กรรมการผู้จัดการฝ่ายขายระหว่างประเทศของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน สิงคโปร์ ได้กล่าวกับ “นิวยอร์ก ไทม์ส” ว่าภายในช่วงปลายปีหน้า (2561) ฮาร์เล่ย์-เดวิดสันจะเปิดโรงประกอบรถบิ๊กไบค์ที่ประเทศไทย โรงงานตั้งอยู่ที่เขตนิคมอุตสาหกรรม จ.ระยอง
โดยนับเป็นโรงประกอบรถฮาร์เล่ย์-เดวิดสันแห่งที่ 3 ที่ตั้งอยู่นอกสหรัฐฯ (อีก 2 ที่คือบราซิลและอินเดีย)
“โรงประกอบรถฮาร์เล่ย์-เดวิดสันในไทย นอกจากช่วยขยายตลาดในไทยแล้ว ยังจะใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปทั่วอาเซียนและรวมทั้งประเทศจีน”.
อัลคาโปน
motorwars@thairath.co.th