เมียนมาวันนี้มีแต่เรื่องยุ่งยาก อย่างแรกคือ นโยบายสันติภาพซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางซูจี ที่เคยใช้หาเสียงมาตลอด ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ได้ผลแล้ว ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มสูญเสียความมั่นใจ บางคนเริ่มคิดว่าซูจีทำงานใกล้ชิดกับทหารมากเกินไป ความมุ่งหวังตั้งใจก่อนหน้านี้ก็คือ จะมีการหยุดยิงและประเทศจะสงบ แต่ผู้อ่านท่านครับ ความหวังนี้เริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ มีเลือกตั้งซ่อมที่เมียนมา ผู้สมัครของพรรคสันนิบาตฯ ของนางซูจี ก็แพ้หลุดลุ่ย
การเจรจาสันติภาพมีรอบที่ 1 และรอบที่ 2 จากการที่ตามการเจรจาทั้ง 2 รอบ ผมขอทำนายทายทักว่าไม่น่าจะมีกลุ่มติดอาวุธที่ตั้งใจจะหยุดยิงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ใหญ่ที่สุดและเป็น 1 ในผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดของโลก กองทัพนี้มีกำลังทหารมากกว่า 2.5 หมื่นนาย รวมทั้งกองทัพกะฉิ่นอิสระ (KIA) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) และกองทัพอาระกัน (AA)
ที่น่าสนใจก็คือ คำพูดของพลเอกอาวุโสมิน ออง หล่าย ที่ออกมาเตือนว่า กลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มเริ่มคิดอะไรนอกกรอบระบบสหพันธรัฐ และดิ้นรนปกครองตนเองมากเกินไป ขณะที่คนเมียนมาและประชาชนผู้คนบนโลกที่สนใจความเป็นไปของเมียนมามีความหวังกับการประชุม สันติภาพ และอยากให้สงครามกลางเมืองสงบจบลงซะที ก็มีคลิปวีดิโอแพร่ขยายกระจายไปในโซเชียลมีเดีย เป็นคลิปทหารเมียนมากำลังทำร้ายชนกลุ่มน้อยที่ถูกใส่กุญแจมือ แถมใช้หมวกเกราะฟาดไปบนใบหน้าของ 1 ใน 3 ชนกลุ่มน้อยที่ถูกจับมาด้วย
เมื่อคลิปนี้แพร่ขยายกระจายออกไป ไม่มีกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มใดจะอดรนทนได้ดอกครับ สงครามกลางเมืองของเมียนมาจึงจะต้องดำเนินต่อไป นโยบายนางซูจีก็แห้งคาพื้นต่อไป ในอนาคต ผมว่าบารมีของนางซูจีอาจจะเหมือนกับของเจ้านโรดม รณฤทธิ์ พระโอรสของเจ้านโรดมสีหนุ ซึ่งตอนที่มีสงครามกลางเมืองเขมร 3 ฝ่าย เขมร 4 ฝ่ายในกัมพูชา เจ้ารณฤทธิ์ได้รับความนิยมมาก ในการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อ 23-28 พฤษภาคม 2536 ได้คะแนนถึง 1.8 ล้าน ได้ ส.ส. มาตั้ง 58 คน และได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ของรัฐบาลผสม ตอนเป็นนายกฯทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ถูกฮุน เซน นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 แย่งเอางานไปทำหมด พอถึง การเลือกตั้งครั้งที่ 2 เมื่อ 26 กรกฎาคม 2541 คนกัมพูชาเทคะแนนให้ฮุน เซน 2 ล้าน ส่วนเจ้ารณฤทธิ์ได้เพียง 1.5 ล้าน และความ นิยมก็เสื่อมไปเรื่อยๆ กระทั่งการเลือกตั้งครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุด พรรคฟุนซินเปคของเจ้ารณฤทธิ์ไม่ได้ ส.ส.เลยสักคน
...
กลับมาที่การเมืองการปกครองของเมียนมาครับ คราวนี้ก็เหมือนกัน แม้ว่าจะได้คะแนนท่วมท้นและตัวแทนพรรคสันนิบาตแห่งชาติฯได้เป็นประธานาธิบดี แต่ก็ไม่ได้ดูกระทรวงกลาโหมและมหาดไทย วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป ผมว่าคะแนนของซูจีจะค่อยๆไหลไปเทที่ทหาร หรือการเมืองกลุ่มอื่น อีกไม่นานเกินรอ ก็เป็นไปได้ที่นางซูจีจะมีคะแนนน้อยลงอย่างเจ้ารณฤทธิ์ของกัมพูชา
ยิ่งขณะนี้มีการขยายตัวของขบวนการชาวพุทธชาตินิยมหัวรุนแรงของเมียนมาที่มีชื่อว่ามะบะธา แม้ว่ามหาเถรสมาคมจะออกคำสั่งไม่ให้ใช้ชื่อมะบะธา และให้ยุติกิจกรรมที่สร้างความเกลียดชังระหว่างพุทธศาสนิกชนเมียนมาและอิสลามิกชนแล้วก็ตาม
มะบะธาเป็นคำย่อภาษาเมียนมามาจากสมาคมเพื่อการปกป้อง คุ้มครองเชื้อชาติและศาสนา ที่ตอนนี้ออกเทศนาและจัดชุมนุมประท้วง โดยสร้างความกลัวให้กับชาวเมียนมาพุทธว่าศาสนาพุทธกำลังถูกศาสนาอิสลามคุกคาม
ประเด็นนี้ทำให้นางซูจีเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง ผู้คนภายนอกมองว่าซูจีไม่แก้ไขปัญหาให้ชาวโรฮีนจาซึ่งเป็นมนุษย์เช่นกัน คนเมียนมาพุทธก็มองว่าซูจีไม่มีความจริงใจในการรักษาพระพุทธศาสนาให้เข้มแข็ง
ในเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียภาษาเมียนมาก็มีแต่คำพูดที่แสดงความเกลียดชัง การข่มขู่คุกคามอย่างรุนแรง ข้อมูลเท็จที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
สถานการณ์ในเมียนมายุ่งเหยิงมากขึ้นทุกวัน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย