ในขณะที่รัฐบาลพยายามดึงบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เช่น อาลีบาบา หัวเหว่ย แอร์บัส โรลส์รอยซ์ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะใน เขตอีอีซีระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก เอาใจถึงขนาด ยกเว้นภาษีเงินได้ให้ 15 ปี ให้เช่าที่ดินได้ 99 ปี แต่ คนไทยกลับไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ยอดคงค้าง ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ 94,372 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท

ส่วนหนึ่งเป็นการขยายกิจการไปต่างประเทศ เช่น ประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวี ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะมีต้นทุนถูกกว่าประเทศไทย และมีตลาดส่งออกพิเศษมากกว่า

แต่อีกส่วนหนึ่งไปลงทุนใน หมู่เกาะเคย์แมน มอริเชียส ที่เป็น Tax Heaven แดนสวรรค์การเลี่ยงภาษี คนในวงการเงินเล่าว่า นักธุรกิจไทยที่นำเงินไปลงทุนใน Tax Heaven ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก กฎหมายภาษีมรดก เลยเอาเงินไปตั้งบริษัทที่นั่น แล้วเข้ามาลงทุนในไทยอีกทอด กลายเป็น “ฝรั่งหัวดำ” เป็น นักลงทุนต่างชาติ ที่รัฐบาลไทยเอาอกเอาใจ ไม่ต้องไปคิดเรื่อง ภาษีมรดก ให้ปวดหัว นี่คือ “ผลร้าย” จาก กฎหมายภาษีมรดก ที่ผมเคยเตือนแล้ว ภาษีก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็หาย

ข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ยอดคงค้าง TDI (Thailand’s Outward Direct Investment) หรือ การลงทุนโดยตรงของนักลงทุนไทยในต่างประเทศในปี 2559 มีมูลค่ารวมสูงถึง 94,372 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.3 ล้านล้านบาท (35 บาทต่อดอลลาร์) เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึง 18,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 644,000 ล้านบาท

ขณะที่ คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง บ่นอุบว่า เอกชนไทยไม่ยอมลงทุน

...

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เปิดเผยข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของนักลงทุนไทย เพิ่มขึ้นทุกปี และสูงกว่าการลงทุนในประเทศไทย ในปี 2559 เอกชนไทยไปลงทุนในต่างประเทศสูงถึง 2.92 ล้านล้านบาท แต่ลงทุนในประเทศเพียง 2.55 ล้านล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน กลุ่มอาเซียน 31% และพบว่า มีการลงทุนตั้ง “บริษัทโฮลดิ้ง” ในประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือ Tax Heaven มากขึ้น เช่น หมู่เกาะเคย์แมน, บริติช เวอร์จิน 15% ฮ่องกง 10% มอริเชียส 8% ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ มีสัดส่วนการลงทุนแห่งละ 4%

ทีมสถิติการลงทุนระหว่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มจัดทำข้อมูลการไปลงทุนในต่างประเทศของคนไทยในปี 2558 เป็นปีแรก และพบว่า ณ สิ้นปี 2558 คนไทยมีสินทรัพย์ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ 759,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 26.56 ล้านล้านบาท มีทั้ง การย้ายฐานการผลิต การซื้อกิจการ ประเทศที่คนไทยไปลงทุนมากที่สุดก็คือ กลุ่มอาเซียน 28.2% รองลงมาคือ หมู่เกาะเคย์แมน ฮ่องกง และ มอริเชียส และในปี 2559 ยังมีเงินทุนไทยไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง

ผมเอาข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ มาเทียบให้ดูจะเห็นชัดเจนว่า ข้อมูลสองแห่งตรงกัน โดยเฉพาะการไปลงทุนใน หมู่เกาะเคย์แมน บริติช เวอร์จิน และ มอริเชียส ที่ถูกจัดเป็น Tax Heaven สวรรค์ของนักเลี่ยงภาษี จากข้อมูลสองแห่งนี้จะเห็นว่า นักลงทุนไทย ลงทุนใน กลุ่มอาเซียน เพียง 28.2-31% แต่อีก 70% ไม่รู้ไปลงทุนที่ไหน รู้แต่ว่าการลงทุนในหมู่เกาะเลี่ยงภาษี มากเป็น อันดับสอง แสดงว่ามีคนไทยนำเงินไปพักที่แดนสวรรค์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก

ทำไมนักลงทุนไทยจึงนิยมไปลงทุนในต่างประเทศ แต่ไม่ยอมลงทุนในประเทศ คงเป็นคำตอบที่รัฐบาลต้องไปเสาะหาเอาเอง

หมู่เกาะ เคย์แมน, บริติช เวอร์จิน, มอริเชียส ที่คนไทยนิยมไปลงทุน มีความสะดวกสบายทุกอย่าง มีวาณิชธนกิจชื่อดัง เช่น โกลด์แมนแซคส์, เจพี มอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนเลย์, ซิตี้กรุ๊ป ไปคอยให้บริการ ไม่มีภาษีการค้า ไม่มีภาษีมรดก ถ้ายังเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจไทยก็น่าเป็นห่วงนะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”