ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 พ.ค.60 ปิด 1,564.12 ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 32,532.57 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 310.86 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย GGC ปิด 12.40 บาท บวก 0.40 บาท, SCB ปิด 155.50 บาท บวก 0.50 บาท, SCC ปิด 530 บาท บวก 2 บาท, ADVANC ปิด 177 บาท บวก 1.50 บาท และ GL ปิด 23.10 บาท ลบ 0.40 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ sideway แต่สุดท้ายกลับมาปิดที่เดิม ส่วนการประชุมของ Fed ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิม แต่สิ่งที่ตลาดกำลังจับตาคือ Fed จะเพิกเฉยต่อภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอในระยะนี้หรือไม่ เพื่อหาสัญญาณที่จะบ่งชี้ว่า Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยกี่ครั้งสำหรับปีนี้และปีหน้า
ปิดท้ายมีข่าว “รพี สุจริตกุล” เลขาธิการ ก.ล.ต.เผยว่า ได้ปรับเกณฑ์ด้านกองทุนรวมเพื่ออนุญาตให้มีการเสนอขายเฮดจ์ฟันด์ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ โดยมุ่งเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการไทย
โดยมีเกณฑ์กำกับดูแลการขายที่เคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ลงทุนเข้าใจลักษณะและความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับสูงอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ ก.ล.ต.เปิดให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนสามารถออกและเสนอขายกองทุนรวมประเภทเฮดจ์ฟันด์ซึ่งสามารถลงทุนในทรัพย์สินทางการเงินและทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกประเภท โดยไม่มีข้อจำกัดอัตราส่วนการลงทุน
เนื่องจากกองทุนรวมเฮดจ์ฟันด์จะมีความเสี่ยงและความซับซ้อนสูงในขณะที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น จึงเปิดให้เฉพาะผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนประเภทรายใหญ่พิเศษเท่านั้นที่สามารถลงทุนได้
และเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองในระดับที่เหมาะสม ก.ล.ต. จึงปรับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขายกองทุนรวมเฮดจ์ฟันด์ให้เคร่งครัดขึ้น โดยบริษัทจัดการต้องอธิบายให้ผู้ลงทุนทราบถึงลักษณะและความเสี่ยงของกองทุนรวมประเภทนี้อย่างละเอียด ให้ข้อมูลผลกระทบจากเหตุการณ์เชิงลบอย่างมากที่สุดต่อการลงทุน (worst case scenario)
...
นอกจากนี้ บริษัทจัดการจะต้องระบุข้อความ “เฮดจ์ฟันด์” หรือ “Hedge Fund” ไว้ในชื่อกองทุน และเขียนต่อท้ายชื่อกองทุนว่า “ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย” ด้วย.
อินเด็กซ์ 51