ปรับทัพ...พร้อมลุยเลือกตั้ง
เวลานี้นักการเมืองแต่ละพรรคต่างเตรียมพร้อม เพื่อการ เลือกตั้งกันบ้างแล้ว อย่างน้อยจุดอ่อนที่เป็นปัญหาของรัฐบาลอำนาจพิเศษก็เป็นประเด็นหนึ่งที่นักการเมืองได้โอกาสถล่มกันเต็มที่
“เรือดำน้ำ” ที่แม้ว่าจะมีการชี้แจงอย่างไรก็ตาม แต่ก็สามารถนำมาเป็นประเด็นการเมืองเพื่อชี้ให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจ
ถึงขั้นเอาไปเปรียบเทียบกับเรื่องจำนำข้าวทำนองว่า ชาวบ้านได้ประโยชน์ผิดกับเรือดำน้ำชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไร
ปะทะโวหารที่ทำให้ชาวบ้านฟังไปหัวเราะกันไปเป็นตลกการเมืองไม่ต่างกับสาวไส้ให้กากินด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
สรุปแล้วก็บาดเจ็บกันไปทั้งคู่
เอาเป็นว่าเป็นเรื่องของการเมืองที่ฝ่ายหนึ่งกำลังลงจากเวที แต่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังจะขึ้นเวทีมันก็ต้องเปิดหน้ากันอย่างนี้แหละ...
เว้นแต่หลังการเลือกตั้ง คสช.ยังต่อท่ออำนาจต่อไปได้ นั่นแหละคงจะได้เห็นอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้
ยังเป็นคำถามแบบเชยๆของบรรดานักการเมืองทั้งหลายที่ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่และจะเลือกกันเมื่อไร
นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯอีกหรือไม่?
อย่าว่าแต่ประชาชนคนธรรมดาแม้แต่ตัวนายกฯเองก็คงจะยังตอบอะไรไม่ได้ พูดได้แต่ว่าเป็นไปตามโรดแม็ปเท่านั้น
ที่ว่าอย่างนี้เพราะสถานการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ ยังไม่มีความแน่นอนทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุและปัจจัยที่มิอาจคาดเดาได้
นักวิเคราะห์การเมืองที่ว่าแน่ๆ ก็ยังมิกล้า “ฟันธง” ได้เลย
เอาเป็นว่าพรรคการเมือง นักการเมืองต่างก็เตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้งกันไว้ก่อนอะไรที่คิดว่าควรทำแล้วไม่ผิดกติกาก็ทำไป ...ด้วยเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งต้องมีแน่เพียงแต่วันเวลาใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
...
อย่างหนึ่งที่พึงระวังและควรศึกษาให้ถ่องแท้นั่นคือรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้งที่จะต้องแม่นและชัดเจน
เพราะว่ากันโดยรวมแล้วกฎกติกาใหม่นั้นค่อนข้างจะรุนแรง และมีผลต่อพรรคการเมืองและนักการเมืองหากทำผิดแล้วล่ะก็อย่าได้ไปโทษใครเชียว
เนื่องจากต่างก็รับรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร จะชอบหรือไม่ชอบก็มิอาจปฏิเสธได้เพียงแต่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น
นักการเมืองนั้นไม่ค่อยกลัวกฎหมายเท่าใด เพราะสามารถที่จะพลิกบทบาทให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้เท่านั้นก็พอ
แต่ที่ต้องคิดกันหนักก็คือความพร้อมในการเลือกตั้งเริ่มตั้งแต่ภายในพรรคใครจะเป็นหัวหน้าพรรค จะหาเงินมาสู้อย่างไร จะใช้นโยบายอะไรเพื่อหวังผลต่อชัยชนะ
จะต้องเป็นรัฐบาลมากกว่าสู้เพื่อเป็นฝ่ายค้าน
การเลือกตั้งที่ผ่านมาคงเห็นได้ชัดอย่างพรรคการเมืองพรรค ใหญ่ 2 พรรค พรรคหนึ่งทำทุกทางเพื่อเอาชนะและก็สามารถเป็นรัฐบาลได้ อีกพรรคก็พยายามเหมือนกันแต่สู้ไปแล้วก็เป็นได้แค่พรรคฝ่ายค้านเท่านั้น
เป็นเพียงการยกตัวอย่างทางการเมืองที่เกิดขึ้น และก็เป็นเครื่องบ่งชี้อีกอย่างหนึ่งว่า พรรคการเมืองนั้นอยู่นิ่งไม่ได้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อเข้าสู่ความเป็นจริง
หากหยุดนิ่งไม่กล้าเปลี่ยนแปลงก็เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านได้เลย.
“สายล่อฟ้า”