มีจดหมายชาวชุมชนแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี
เขียนขอระบายความในใจถึง “โครงการบ้านสีขาว” ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการป้องกันปราบปราม และแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด
เขายอมรับว่า เป็นโครงการความร่วมมือกันทุกฝ่ายที่ดีมีประโยชน์กับประชาชน หากทำแล้วได้ผลยินดีสนับสนุน
แต่ชุมชนที่เขาอาศัยอยู่กลับตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
“พอมีโครงการบ้านสีขาวออกมา ท่าน ผกก.นำคณะตำรวจประมาณ 10 ท่าน เดินรณรงค์ติดป้ายบ้านสีขาวทันที ติดไปถ่ายภาพไป ท่ามกลางข้อข้องใจของชาวบ้าน เลยอยากถามท่าน ผกก.ที่เอาป้ายบ้านสีขาวมาติดได้คัดกรองแล้วหรือว่า ขาวจริง”
ติดได้ไม่ถึง 10 หลังท่าน ผกก.ก็ยกขบวนกลับ ประมาณอีก 2 วันต่อมา ก็มีลูกน้องท่าน ผกก.2 คนนำ “ป้ายบ้านสีขาว” มาติดจนทั่วซอยด้วยความรวดเร็ว
ปราศจากการคัดกรองเหมือนเดิม
ชุมชนแห่งนี้ชาวบ้านรู้ดีว่า มีทั้งบ่อน คนขายยาเสพติด เสพยาบ้า และหวยเถื่อน แม้แต่เด็กอายุ 7-8 ขวบยังรู้ แต่ทำไม ตำรวจท้องที่ไม่รู้
“ชุมชนแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 30 ปีแล้ว ไม่เคยมีหน่วยงานไหน ทั้งตำรวจ ทหาร กรมการปกครอง เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยเลย นอกจากหน่วยอาสาสมัครเท่านั้น เยาวชนส่วนใหญ่จะเรียนจบแค่ ป.6 พ่อแม่มักไม่ให้เรียนต่อจึงเกิดการมั่วสุมกันในชุมชน อาศัยเดินยาและพากันเข้าบ่อน”
ขณะเดียวกัน กรรมการชุมชนที่ไม่พูดความจริงให้ความร่วมมือตำรวจแบบผิดๆ ไม่ต่าง ผักชีโรยหน้า จัดอบรมสัมมนาเกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติดก็เอา “บ้านประธานชุมชน” เป็นสถานที่อบรม หาพวกดูดีมานั่งรับการอบรม ไม่มีตำรวจลงพื้นที่จริงจัง
ชาวบ้านดีๆอยู่ยาก ต้องทำตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอด ไม่ไปยุ่ง ไม่อย่างนั้นจะถูก “นักเลงขี้ยาคุมบ่อน” อาละวาดท้าตี ท้าต่อย ปาขวดใส่หน้าบ้าน แถมท้าให้แจ้งตำรวจ เพราะพวกมันไม่กลัวตำรวจ
เปลี่ยน ผกก.ไปหลายคน แจ้งไปหลายหน่วยงานสุดท้ายเรื่องยังเงียบ.