2 ปีมานี้ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ระบาดหนักอีกครั้งเมื่อเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่สภาวะถดถอย ผลตอบแทนเงินฝากต่ำติดดิน การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่จูงใจ ทั้งยังดำเนินไปในลักษณะปลาใหญ่กินปลาเล็กทำให้นักลงทุนรายย่อยตกเป็นเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟตลอดเวลา
ขณะที่หน่วยงานซึ่งกำกับดูแล พ.ร.บ.ขายตรง ปล่อยปละละเลยให้บริษัทขายตรงที่ไม่ได้มาตรฐาน มีสินค้าชิ้นเดียว ไม่ผ่านการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถแปลงร่างไปเป็นแชร์ลูกโซ่ต้มตุ๋นสมาชิกบริษัทขายตรงได้โดยฉลุยด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่า ส่วนรัฐก็หลับตาซะข้างหนึ่ง!
แม้จะมีตัวอย่างมากมายจากแชร์ชื่อดังในอดีตอย่าง “แชร์แม่ชม้อย” ของ นางชม้อย ทิพย์โส ที่หลอกผู้คนเกือบทั่วประเทศเข้าไปลงทุนในธุรกิจรถน้ำมันซึ่งเล่นกันตั้งแต่ตัวรถ ถังน้ำมัน จนถึงล้อรถเป็นเวลานานกว่า 10 ปี จนถึงมือสุดท้ายที่เงินปันผลก็ไม่เอา แต่ยังถมเงินทุนก้อนใหม่ใส่เข้าไปอีกเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด
แต่แล้วโซ่ข้อสุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อของระบบที่เอาเงินจากคนใหม่ ไปจ่ายให้คนเก่า ขณะที่ตัวเท้าแชร์เอาเงินชาวบ้านชาวช่องไปซื้อความสุขให้กับตน และครอบครัวหมดแล้ว
จาก แชร์แม่ชม้อย ซึ่งถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ และจำคุกสูงถึงแสนกว่าปี ยังมี แชร์แม่นกแก้ว แชร์ชาร์เตอร์ และแชร์อื่นๆอีกมากมาย ที่อาศัยช่วงจังหวะของเศรษฐกิจที่กำลังถูกปั่นให้เป็นฟองสบู่ เสนอผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่สูงกว่าต่างประเทศลิบลับมาหลอกคนโดยขอแบงก์การันตีในประเทศไปกู้เงินดอกต่ำ 1 - 3% นอกประเทศมาฝากเอาดอกเบี้ยสูง 12 - 18% ในประเทศ
คนพวกนี้ต้มคนมากมายให้ขายบ้าน เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว บางคนถึงกับฆ่าตัวตายเมื่อไม่มีเงินปันผลจ่ายให้ตามสัญญา เท้าแชร์บางรายก็จับได้ แต่บางรายหอบเงินพันล้านหลบหนีไปนอก ก่อนจะฟอกตัวกลับเข้าประเทศใหม่ เพราะสังคมไทยนับถือเงินเป็นพระเจ้า มากกว่าจะสนใจว่า เงินนั้นได้มาอย่างไร?!
...
แชร์ลูกโซ่เหล่านี้ ยังพัวพันไปถึง ทรัสต์ และแบงก์พาณิชย์กระทั่งทำให้เสถียรภาพสถาบันการเงินในประเทศสั่นคลอน จนรัฐบาลต้องสั่งปิดทรัสต์หลายแห่ง เข้าควบคุมแบงก์พาณิชย์ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ด้วยเหตุที่ไม่ขุดรากถอนโคนให้หมด อีกไม่กี่ปีเท่านั้น เศรษฐกิจไทยก็ต้องล่มสลาย เพราะสถาบันการเงินในประเทศไม่มีรากฐานที่ความมั่นคงแข็งแกร่ง จนเกือบจะพากันล้มเป็นโดมิโน่ไปทั้งหมด ถ้าไม่ยุติด้วยการสั่งปิด 56 ไฟแนนซ์
จากช่วงปี 2527 อันเป็นปีที่มีการสั่งจัดการเด็ดขาดกับแชร์ลูกโซ่ ทรัสต์ และแบงก์พาณิชย์ มาถึงวันนี้ แชร์ลูกโซ่เจนใหม่ของคนที่อยากรวยทางลัดกลับมาอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเก่าแก่เหมือนเชื้อชั่วไม่ยอมตาย คือ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ดอกเบี้ยดีกว่า และปันผลในอัตราที่ไม่มีกองทุนหรือสถาบันการเงินที่ไหนกล้าให้
นั่นจึงทำให้เราได้เห็นข่าวพาดหัวยักษ์ทั้งในหนังสือพิมพ์ และโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ แชร์ลูกโซ่ของซินแสโชกุน ที่ตุ๋นผู้คน 1,500 คนไปทัวร์ญี่ปุ่นแต่ตกค้างอยู่สุวรรณภูมิ เห็นแชร์ของ “หมอโกงหมอ” ที่หลอกจะไปทำทัวร์ เช่นเดียวกับที่เห็น “ครูหลอกครู” เห็น รศ.ดร.อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับการชื่นชมว่าบริหารสหกรณ์ได้ดีที่สุด กลับหลอกครูด้วยกันว่า จะเอาไปทำ “สหกรณ์ลอตเตอรี่” ซึ่งไม่เคยมีที่ใดมาก่อน
ระหว่างรอตำรวจกองปราบดำเนินคดีกับผู้ต้องหา กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) กับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำสมุดปกขาวออกมาเตือนรูปแบบแชร์ 7 ประเภทที่เข้าข่ายต้มตุ๋น คือ 1.อ้างชื่อผู้มีอิทธิพลระดมเงินทำโครงการใหญ่ 2.เล็งนักศึกษาที่อยากมีรายได้มากๆเพื่อใช้แบรนด์เนม 3.ชวนเล่นค่าเงินในสื่อออนไลน์ 4.ชวนลงทุนทำสินค้าเกษตรออนไลน์ 5.ขายฝันลงทุนในตลาดหุ้นจีน-มาเลเซีย 6.ขายยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณสุดยอด และ 7.ติดป้ายยักษ์ชวนทำบุญผ่านบัญชีธนาคาร เป็นต้น.
แสงทิพย์ ยิ้มละมัย
econ@thairath.co.th