การลาออกอย่างกะทันหันของ คุณปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีคลัง หลังการประชุม ครม. วันอังคารที่ 1 กันยายน ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาลผสม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน จากนี้ไปคงหาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีคลังได้ยากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่สามารถปกป้องนโยบายของรัฐมนตรีคลังสายตรงได้ แม้แต่การโยกย้ายข้าราชการในกระทรวง

คุณปรีดี ถือเป็น รัฐมนตรีคลังคนที่สอง ที่ต้องลาออกเพราะแรงกดดันทางการเมือง

การลาออกของ คุณปรีดี รัฐมนตรีคลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปทาบทามด้วยตัวเอง ทั้งที่ทำงานไม่ถึงเดือน ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลในภาพรวม แม้ พรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาลของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะออกมายืนยันว่าป่วยจริงไม่มีการเมือง แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดว่า นักลงทุนต่างชาติจะชะลอการลงทุนในไทยอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อรอดูความชัดเจนเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล จนกว่าจะหารัฐมนตรีคลังคนใหม่ได้ ซึ่งจะส่งผลให้จีดีพีไตรมาส 3 ติดลบหนักอีกไตรมาส

เหตุผลที่ทำให้ คุณปรีดี ลาออก นอกจาก เรื่องสุขภาพที่เกิดจากความเครียดในการทำงานที่ไม่ราบรื่นแล้ว เรื่องสำคัญที่เป็นข่าวก็คือ การขัดแย้งกับรัฐมนตรีช่วยคลัง เรื่องการแต่งตั้ง อธิบดีกรมสรรพสามิต ซึ่งเป็นกรมที่มีผลประโยชน์สูง ตั้งแต่การประชุม ครม.สัญจรที่ระยองแล้ว ข่าวบอกว่า คุณปรีดี เสนอชื่อ นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็น อธิบดีกรมสรรพสามิต แต่ คุณสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง เสนอชื่อ นายประภาส คงเอียด ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เมื่อเสนอชื่อไม่ตรงกัน แทนที่นายกฯจะสนับสนุนรัฐมนตรีว่าการ นายกฯกลับให้ถอนเรื่องไปพิจารณาใหม่

...

แม้การประชุม ครม.วันที่ 1 กันยายน ครม.จะเห็นชอบตามที่ รัฐมนตรีปรีดี เสนอตั้ง นายลวรณ แสงสนิท เป็น อธิบดีกรมสรรพสามิต และ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็น อธิบดีกรมศุลกากร แต่สื่อรายงานพร้อมภาพข่าวว่า หลังประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้หารือหน้าเครียดกับ คุณสันติ รัฐมนตรีช่วยคลัง ก่อนจะขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล

เรื่องแปลกก็คือ มีการลง ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง นายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากรัฐมนตรีคลัง ในหนังสือ ราชกิจจานุเบกษา อย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 1 กันยายน หลังจากที่ นายปรีดี ยื่นหนังสือลาออกกับนายกฯ ทั้งที่การลาออกมีผลวันที่ 2 กันยายน

ก่อนหน้านี้ นิตยสาร นิกเกอิ เอเชียน รีวิว ของญี่ปุ่น ได้วิเคราะห์การลาออกของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯสมัย คุณทักษิณ ชินวัตร และสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่า ดร.สมคิด เป็นกูรูการตลาดที่ฉลาดมาก เป็นผู้คิดนโยบายใหม่ๆให้กับรัฐบาล เช่น กองทุนหมู่บ้าน หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป เลียนแบบจังหวัดโออิตะของญี่ปุ่น เรื่อง ดีทรอยต์แห่งเอเชีย เพื่อส่งออกรถยนต์ และ ครัวของโลก เพื่อส่งออกอาหาร รวมทั้ง ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก EEC ในสมัย พล.อ.ประยุทธ์

นิกเกอิ วิเคราะห์ว่า คุณทักษิณ มาจากนักธุรกิจเอกชน จึงเข้าใจนโยบายเศรษฐกิจในเชิงลึก จึงให้การสนับสนุนยุทธศาสตร์ของ ดร.สมคิด เต็มที่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ มาจากทหารทำให้การเดินหน้ายุทธศาสตร์ของ
ดร.สมคิด เป็นไปอย่างยากลำบาก

วันนี้นักธุรกิจกำลังจับตาดู พล.อ.ประยุทธ์ จะหาใครมาเป็น รัฐมนตรีคลังคนใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เห็นกองเชียร์ไม่รู้ของใคร เชียร์ให้บิ๊กตู่ควบคลัง บิ๊กป้อมควบกลาโหม เข้าทาง บิ๊กป้อม ถ้านายกฯไปไม่ไหวจริงๆยุบสภาเลือกตั้งใหม่ดีกว่า และ เดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าวันนี้ การเมืองแย่ เศรษฐกิจก็แย่ ครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”