มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเมืองไทย ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปการเมืองของ คสช. ก้าวหน้าถึงขั้นถือว่าการซื้อขาย ส.ส. เป็นเรื่องปกติ มีการเจรจาซื้อขายกันในสภาแบบเดียวกับตลาดนัดโคกระบือ นึกว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องเอาราว แต่ยังเคราะห์ดีที่ “นักร้อง” มืออาชีพ นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบ

คำร้องของเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า การซื้อขายตัว ส.ส. กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้ ไม่ต่างอะไรกับโสเภณีการเมือง ขัดมาตรา 30 และ 31 ของกฎหมายพรรคการเมือง มีคลิปเสียงเจรจาชักชวน ส.ส. จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ให้เข้าเป็นสมาชิกพรรคอื่น ต้องระวางโทษยุบพรรค จำคุก 5 ปี ตัดสิทธิเลือกตั้ง

มาตรา 30 ของกฎหมายพรรคการเมือง ห้ามพรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้บุคคลใดสมัครเป็นสมาชิก พรรคการเมืองนั้นต้องโทษให้ยุบพรรค ในฐานะ “ผู้ซื้อ” ส่วน ม.31 คือ “ผู้ขาย” มีความผิดทั้งพรรค ซึ่งเป็นผู้ซื้อ และ ส.ส.ในฐานะผู้ขาย

ม.31 ห้ามผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน หรือพูดง่ายๆว่า “ขายตัว” เพื่อเข้าเป็นสมาชิกของพรรคอื่น นอกจากทั้ง 2 มาตราจะมีโทษยุบพรรคแล้ว ยังมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ทั้งผู้ซื้อตัวและผู้ขายตัว แต่ยุคนี้ดูเหมือนจะถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเคยเป็นข่าวอื้อฉาวมาเป็นระยะ

การซื้อขายตัว ส.ส.ในตลาดการ เมือง เป็นข่าวอื้อฉาวมาเป็นระยะๆ เริ่มด้วยการเดินสาย “ดูด” อดีต ส.ส. เข้าพรรคก่อนการเลือกตั้ง ด้วยการเสนอให้เงินหรือประโยชน์อื่นๆ เช่น การช่วยเหลือด้านคดีความ หลังการเลือกตั้งก็ยังอื้อฉาวต่อมา ไม่ว่าจะเป็นขบวนการล่า ส.ส. งูเห่า หรือการแจก กล้วยให้ลิง แต่ไม่มีใครสนใจเอาความ

...

ทั้งๆที่เป็นการกระทำที่น่าละอาย ตามคำร้องของนายศรีสุวรรณ เป็นการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรงยิ่งกว่ากรณีเงินกู้หลายเท่า รวมทั้งกรณี ส.ส.ลงคะแนนด้วยการเสียบบัตรแทนกัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วว่า “ทุจริต” ละเมิดหลักการพื้นฐานของความเป็น ส.ส. หรือการกู้ยืมเงิน ก็ไม่ได้มีแค่พรรคอนาคตใหม่ แต่มีหลายสิบพรรคที่ทำแบบเดียวกัน

เรื่องอื้อฉาวต่างๆ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด เป็นการกระทำของพรรคฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นขบวนการล่างูเห่า หรือขบวนการซื้อขายตัว ส.ส. หรือแม้แต่การถือหุ้นสื่อ ก็เอาผิดเพียงรายเดียว เช่นเดียวกับกรณีเงินกู้ แบบนี้จะทำให้เชื่อได้อย่างไรว่า “กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์” ตามคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีที่ขู่นักศึกษาได้.