การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม แทน จุมพิตา จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องลาออกเพราะประสบอุบัติเหตุได้เริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ กกต.จังหวัดนครปฐม เปิดรับสมัครเป็นวันแรก ช่วงเช้ามีผู้ไปสมัคร 6 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต ส.ส. เจ้าถิ่น พรรคชาติไทยพัฒนา จับได้หมายเลข 1 น.ส.สิริขวัญ แย้มมูล พรรคพลังสังคม ได้หมายเลข 2 นายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ (ผู้สมัครคนเดิมที่แพ้อนาคตใหม่) ได้หมายเลข 3 นางลาวัลย์ สิงห์สถิต พรรคเสรีรวมไทย ได้หมายเลข 4 น.ส.ปริมปรางค์ แสงสว่าง พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้หมายเลข 5 นายไพรัฏฐ์โชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ ได้หมายเลข 6

การรับสมัครจะมีไปจนถึงวันพรุ่งนี้ 4 ตุลาคม กำหนดวันเลือกตั้ง 23 ตุลาคม เดือนนี้

การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นการแข่งขันกันระหว่าง พรรคฝ่ายค้านเบอร์สอง กับ พรรคร่วมรัฐบาล แม้การแพ้ชนะจะไม่มีผลต่อจำนวน ส.ส.สองฝ่าย เพราะมีเพียงหนึ่งเสียง แต่ คะแนนเสียงรวมที่ได้รับ เมื่อรวมกับ การเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นอีก 3 เขต จะมีหลายแสนคะแนนเลยทีเดียว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาจจะเปลี่ยนไปจากเดิมได้ ถ้าคะแนนเทไปข้างใดข้างหนึ่ง

การสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม วันแรก เป็นกระจกส่องรัฐบาลผสมได้เป็นอย่างดี พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เป็นเอกภาพ เมื่อ คุณวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ส่ง คุณเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต ส.ส. เจ้าของพื้นที่ลงชนกับ คุณสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาล ที่แพ้ คุณจุมพิตา จันทรขจร ในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม อย่างหลุดลุ่ยด้วยคะแนนเสียง 34,164 คะแนน ต่อ 18,970 คะแนน

...

การเลือกตั้งซ่อมเป็นรายเขต รัฐบาลจะใช้อำนาจรัฐช่วยผู้สมัครได้ยากขึ้น มีคนจับจ้องจำนวนมาก ยิ่งผลงานของรัฐบาลผสมในช่วงสองเดือนเศษที่ผ่านมา ไม่เป็นที่ประทับใจของประชาชน การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยก็ล่าช้า ภาวะเศรษฐกิจก็แย่ลงกว่าเดิม อาจทำให้คะแนนพลิกผันได้มากทีเดียว ถ้าประชาชนออกไปใช้สิทธิกันมากชนิดถล่มทลายทุกเขต สถานการณ์การเมืองอาจพลิกผันก็เป็นไปได้

ผลสำรวจของ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ก็น่าสนใจไม่น้อย เป็นการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทยเดือนกันยายน 2562” จากประชาชนทั่วประเทศ โดยใช้ตัวชี้วัด 25 ตัว ผลปรากฏว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สอบตกถึง 23 ข้อ ได้คะแนนรวมเพียง 4.12 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ลดลงจากเดือนสิงหาคมที่ได้เพียง 4.51 คะแนน สอบตกเหมือนกัน

ตัวชี้วัดที่ 13 เรื่อง ผลงานของนายกรัฐมนตรี คะแนนเต็ม 10 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เพียง 3.92 คะแนน ตัวชี้วัดที่ 14 เรื่อง ผลงานของรัฐบาล กลับแย่กว่า ได้ 3.90 คะแนน ตัวชี้วัดที่ 21 เรื่อง สภาพเศรษฐกิจโดยรวม ยิ่งแย่หนัก ได้เพียง 3.64 คะแนน ตัวชี้วัดที่ 22 เรื่อง การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน แย่ยิ่งกว่าเศรษฐกิจ ได้เพียง 3.62 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10

เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจของ สวนดุสิตโพล ที่อาจคลาดเคลื่อนบ้างแต่คงไม่มาก บวกกับ วิสัยทัศน์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่เข้าใจคนไทยในบ้านเมือง กล่าวตำหนิประชาชนว่าไม่รู้จักเปิดกูเกิล โดยยกตัวอย่างตัวเองว่า อยากรู้เรื่องอะไรก็เปิดกูเกิล “พวกเราเป็นนักบริหาร จะเปิดกันส่วนใหญ่ ประชาชนไม่ค่อยเปิด นั่นแหละ ทำให้ปัญหาเกิดขึ้นเพราะไม่เรียนรู้ไง” แต่ความจริง คนไทยใช้กูเกิล 99.33% เปิดกูเกิลเดือนละเกือบ 500 ล้านครั้ง เฉลี่ยวันละ 16.5 ล้านครั้ง แต่นายกฯกลับไม่รู้เรื่อง สงสัยจะเพิ่งหัดใช้กูเกิล

การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม จึงเป็น “ตัวชี้วัด” ที่น่าสนใจ รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อมอีก 3 เขต ผลจะโยงไปถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ต้นปีหน้า ผมเชื่อว่า “คนรุ่นใหม่” จะไปเลือกตั้งกันมากขึ้น ปรากฏการณ์ การชุมนุมมาราธอนของคนรุ่นใหม่ฮ่องกงสู้กับรัฐบาลจีน เป็นปรากฏการณ์ที่กระตุ้นคนรุ่นใหม่ไม่น้อยเลย.

“ลม เปลี่ยนทิศ”