เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวที่น่าสนใจมากข่าวหนึ่งมีการพาดหัวไว้บนหน้าหนึ่งบ้าง หน้าในบ้าง ได้แก่ข่าว “ธรรมยาตรา 5 แผ่นดินตามรอยอริยสงฆ์ แห่งลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 2” ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้

ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารมาโดยตลอดคงจะจำได้ว่า โครงการธรรมยาตรา เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นโดย ดร.มหาผ่อง สมาเลิก ประธานศูนย์กลางพุทธศาสนาสัมพันธ์ของ สปป.ลาว เมื่อหลายปีก่อน

ท่านได้ปรารภกับกลุ่มสมาชิกของ สถาบันโพธิคยา 980 ว่าอยากเห็นชาวพุทธในประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียง เดินทางแบบ “ธรรมยาตรา” ในอดีตไปมาหาสู่กัน เพื่อใช้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นเครื่องเชื่อมสัมพันธไมตรีของพี่น้องประชาชนในภูมิภาคให้รักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งขึ้น

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และมูลนิธิวีระภุชงค์ จึงร่วมกันสืบสานคำปรารภดังกล่าว ด้วยการจัด “ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน ครั้งที่ 1” ขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2560 หรือ 2 ปีที่แล้ว

โดยจัดขบวนธรรมประกอบด้วยคณะสงฆ์และพุทธบริษัทชาวไทยคณะหนึ่งออกเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานีเข้าสู่ สปป.ลาว และไปจนครบทั้ง 5 ประเทศ CLMVT หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม รวมถึงไทยเราในที่สุด

ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากคณะสงฆ์และทางราชการ ตลอดจนพุทธบริษัทของเมืองของประเทศที่เดินทางผ่านเป็นข่าวใหญ่ติดต่อกันหลายวันหลายๆท่านคงจำได้

...

ผมเองนอกจากติดตามข่าวคราวอยู่ตลอดและเขียนถึงเป็นระยะๆแล้ว ยังมีโอกาสไปร่วมในพิธีปิดในประเทศไทย ที่ วัดสุวรรณภูมิพุทธยันตี ใกล้ๆสนามบินสุวรรณภูมิของเราด้วย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560

เกิดความรู้สึกประทับใจและปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ จากการได้เห็นพระภิกษุและฆราวาสตัวแทนจาก 5 ประเทศ ลุ่มแม่น้ำโขง ที่มาร่วมในพิธีปิดโครงการอันยิ่งใหญ่ครั้งนั้น

เมื่อได้ข่าวว่าจะมีการจัดโครงการนี้ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยยังใช้ชื่อโครงการเหมือนเดิมว่า “ธรรมยาตรา 5 แผ่นดินตามรอยอริยสงฆ์ แห่งลุ่มแม่น้ำโขง” แต่ในรายละเอียดได้เพิ่มแผ่นดินที่ 6 ลงไปด้วยก็ยิ่งมีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจเพิ่มขึ้นไปอีก

นอกจากกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทยเราแล้ว ยังจะมี “จีน” ในส่วนของเมือง เชียงรุ้ง สิบสองปันนามาเพิ่มขึ้นด้วย

ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ธรรมยาตรา ครั้งที่ 2 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ณ วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

จากนั้นในวันรุ่งขึ้น จะเดินทางไปยังเชียงตุงผ่านชายแดนด้านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก โดยจะมีการปลูกต้นศรีมหาโพธิ และพิธีทางศาสนาในวัดสำคัญๆของเชียงตุง ซึ่งจะมีพระภิกษุสงฆ์ชั้นนำและข้าราชการระดับสูงของฝ่ายเมียนมาร่วมในพิธีต่างๆ โดยตลอด

เสร็จธรรมกิจในเมียนมาแล้วก็จะไปเชียงรุ้ง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ไปเวียดนามที่จังหวัดเดียนเบียนในวันต่อๆมา

ตามมาด้วย หลวงพระบางและเวียงจันทน์ สปป.ลาว แล้วค่อยกลับเข้าไทยที่หนองคาย ก่อนมุ่งหน้าไปที่ คำชะโนด อุดรธานี

เสร็จแล้วลัดเลาะฝั่งอีสานมาเรื่อยไปเข้ากัมพูชา เพื่อไปจัดพิธีปิดอย่างยิ่งใหญ่ ที่ ปราสาทบายน จังหวัด เสียมราฐ กัมพูชา

ใช้เวลาตั้งแต่ 18 ตุลาคม-31 ตุลาคม รวม 14 วันเต็มๆ

คุณสุภชัยชี้แจงด้วยว่า ทุกประเทศ ทุกเมือง ทุกจังหวัด ที่เข้าร่วมในการรับขบวนธรรมยาตราครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศทั้งสิ้น

ของกัมพูชานั้นจะมี สมเด็จพระอัครมหา สังฆราชาฯ เทพวงศ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ สมเด็จพิชัยเสนา พลเอกเตียบันนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ผมขอร่วมอนุโมทนากับสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และมูลนิธิวีระภุชงค์ ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัด “ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน ลุ่มน้ำโขง” ครั้งนี้ และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดดลบันดาลให้โครงการอันทรงคุณค่านี้ประสบความสำเร็จสมดังที่ทุกๆฝ่ายตั้งความ มุ่งหมายไว้ จงทุกประการ.

“ซูม”