น่าแปลกใจ ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล เช่น ซูเปอร์โพลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างถึง 78.6% ไม่เชื่อมั่นว่าพรรคจะทำตามนโยบายหาเสียง และคนส่วนใหญ่มองว่าไม่ได้ประโยชน์จากการแถลงนโยบายรัฐ

ผลการสำรวจความเห็นกลุ่มตัวอย่าง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ชื่นชอบสมาชิกรัฐสภาผู้ใด ส่วนนิด้าโพลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่า การตอบโต้ซึ่งกันและกันของนักการเมืองผ่านทางโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย ขณะที่กรุงเทพโพลล์สำรวจพบว่า ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลประยุทธ์ ด้วยคะแนนเฉลี่ยแค่ 4.52%

เหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองจะทำตามนโยบายที่หาเสียง ไม่ต้องดูอื่นไกล แค่นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาลหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ไม่มีใครพูดถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นวันละ 400 ถึง 420 บาทอีกต่อไป รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานก็เป็นคนจากพรรคอื่น และยังไม่มีนโยบายใด

คนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลประยุทธ์ 2 สืบทอดอำนาจและนโยบายมาจากรัฐบาลประยุทธ์ 1 ซึ่งมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาค่าครองชีพ ของแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ถึงวันนี้มีข้อเรียกร้องใหม่เพิ่มขึ้นมา คือการแก้ปัญหาภัยแล้ง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่งจะงัวเงีย ประกาศทุ่มงบ 4 หมื่นล้าน

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศเดินหน้าแผนแม่บทน้ำ 20 ปี จะเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 3.17 ล้านไร่ แต่ไม่บอกว่า 5 ปีที่ผ่านมาทำอะไรกันบ้าง และปี 2562 นี้ องค์กรระดับโลกก็เตือนล่วงหน้าเป็นเวลาแรมปี จะมีฝนน้อย เพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ แต่กว่าคนไทยจะรู้ว่าภัยแล้งมาแล้ว เขื่อนใหญ่ๆของประเทศก็วิกฤติแล้ว

...

“รวยกระจุก จนกระจาย” คือเสียงวิจารณ์การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.ที่ผ่านมา ถึงวันนี้ผลการศึกษาของธนาคารออมสิน ยืนยันว่า ไทยมีปัญหาการเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่เพิ่มขึ้น กลุ่มผู้มีรายได้สูง 10% มีรายได้เฉลี่ยคนละ 33,933 บาทต่อเดือน กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำสุด 40% มีรายได้ 3,408 บาท เพราะมือใครยาวสาวได้สาวเอาใช่หรือไม่

ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ประเทศ ไทยมี “คนจน” ที่จนจริงๆมากน้อยแค่ไหน แต่มีคนได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน เรียกว่า “บัตรคนจน” และมีรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า คนไทยมีหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 78.7% ของจีดีพี มีหนี้ต่อคนเฉลี่ย 7 หมื่นบาทในปี 2553 พุ่งเป็น 170,000 บาท ยังไม่รวมหนี้นอกระบบและหนี้ กยศ.