ไม่น่าเชื่อแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว กลุ่มสามมิตร ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายอนุชา นาคาศัย นำ ส.ส.ในกลุ่ม 30 คน เข้าไปแถลงข่าวใน พรรคพลังประชารัฐ เพื่อแสดงจุดยืน ไม่พอใจการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประกาศจุดยืน 5 ข้อ หลังประกาศชื่อ ครม. นายสุริยะ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีพลังงาน นายอนุชาไม่ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง ตามความเห็นของกลุ่ม ทางกลุ่มจะหารือเพื่อแสดงจุดยืนอีกครั้ง ถือเป็นการลูบคม พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. ของ นักการเมือง เป็นครั้งแรกอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ขณะเดียวกัน สมาชิกกลุ่มสามมิตร ก็ขับไล่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ให้พ้นจาก เลขาธิการพรรค จน นายสนธิรัตน์ ต้องประกาศ ไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน

ก็ไม่รู้ว่าคืนวันที่ 1 กรกฎาคม หลังประกาศจุดยืน เกิดอะไรขึ้น เช้าวันที่ 2 กรกฎาคม หลังประกาศจุดยืนไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็ออกมาแถลงเปลี่ยนจุดยืน 360 องศาว่า ทางกลุ่มสามมิตรได้พูดคุยกันล่าสุด จะไม่ขอตั้งเงื่อนไขสร้างปัญหาใดๆกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดยขอให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใครจะเป็นผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใด

แล้ว นายสุริยะ กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ออกมานั่งแถลงข่าวร่วมกับ ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีกันทั้ง 3 คน ว่า กลุ่มสามมิตรจะไม่สร้างปัญหาให้กับท่านนายกฯ ท่านนายกฯตัดสินใจอย่างไร ก็จะไม่มีการทบทวนท่าที

การออกมาท้าชน พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ของ กลุ่มสามมิตร เพื่อจองเก้าอี้ รัฐมนตรีพลังงาน ในครั้งนี้ เป็นเกมการเมืองที่แรงมาก เหมือนเห็น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในกำมือ กลุ่มสามมิตรมี ส.ส. 30 เสียง ในพรรคพลังประชารัฐ ถ้าไม่ยกมือให้ในสภา พล.อ.ประยุทธ์ มีสิทธิตกกระป๋องทันที

...

เป็นครั้งแรกที่ นักการเมือง กล้ายื่นเงื่อนไขท้าชนกับ หัวหน้า คสช.

ก็ต้องรอดู รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่จะออกมากลางเดือนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยอมศิโรราบตามข้อเรียกร้องของ กลุ่มสามมิตร หรือไม่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมตั้ง กลุ่มสามมิตร ตามแรงกดดัน ปัญหาที่ตามมา พล.อ.ประยุทธ์ จะปกครอง คณะรัฐมนตรี ที่เป็น รัฐบาลผสมหลายพรรค ให้ราบรื่นได้อย่างไร แล้วจะมีรัฐมนตรีคนไหนเชื่อฟังนายกฯ กลายเป็นกระทรวงใครกระทรวงมัน พรรคใครพรรคมัน กลุ่มใครกลุ่มมัน แล้วจะบริหารประเทศกันอย่างไร ใครจะเชื่อถือนายกรัฐมนตรี แล้วอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร มีคำถามตามมาอีกมากมาย

เป็น ปัญหาใหญ่ของประเทศ ที่ คนไทยผู้เสียภาษีทุกคน ต้องไปคิดเป็นการบ้าน

ไปดู กระทรวงพลังงาน กันเสียหน่อยครับ ทำไมนักการเมืองจึงหมายปองกระทรวงนี้กันนักหนา จนถึงกับกล้าท้าชนกับนายกรัฐมนตรีหัวหน้า คสช.

โครงสร้างส่วนราชการของ กระทรวงพลังงาน เล็กนิดเดียว มี 3 สำนักงาน 3 กรม แต่ที่น่าสนใจก็คือ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน มีอำนาจคุมตรง 4 หน่วยงานหลักสำคัญ คือ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 2 รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

กฟผ. มีสินทรัพย์กว่า 1 ล้านล้านบาท มีกำไรสะสมกว่า 284,000 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ปตท.มีสินทรัพย์ 2.52 ล้านล้านบาท มีกำไรสะสมกว่า 867,000 ล้านบาท เป็นรัฐวิสาหกิจที่รวยที่สุด มีบริษัทใหญ่ในเครืออีก 30 กว่าแห่ง ทั้ง สำรวจ ผลิต จัดหา จัดจำหน่าย ก๊าซ น้ำมัน ปิโตรเคมี ค้าปลีก ครบวงจร แค่เคาะซื้อขายก๊าซและน้ำมันดิบต่างช่วงต่างเวลาในวันเดียวกัน ก็ฟันกำไรส่วนต่างไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้านบาทแล้ว แถมยังเป็นเงินยูเอสดอลลาร์ล้วนๆ เป็น ขุมทรัพย์ทองคำยุคใหม่ จริงๆ

เห็นขุมทรัพย์ก็ถือ บางอ้อ ทำไม นักการเมือง จึงหมายปอง กระทรวงพลังงาน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”