วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เหลือเวลาอีก 18 วัน คนไทยกว่า 51.4 ล้านคนจะได้เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ได้เลือกผู้นำที่ตัวเองชอบเสียที เวลายิ่งเหลือน้อยการหาเสียงก็ยิ่งเข้มข้น ในที่สุดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ต้องตัดสินใจเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรี ให้ลงสู่สนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับพรรค หวังว่าจะช่วยให้คะแนนเสียงของพรรคดีขึ้น เพราะนักการเมืองเขี้ยวงาที่มีชนักปักหลังคนไม่ค่อยเชื่อถือ
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ปราศรัยหาเสียงแบบที่พูดทุกวันศุกร์ คงเพิ่มคะแนนได้ยาก
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พปชร. คาดหวังว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยปราศรัยหาเสียง จะทำให้พรรคมีคะแนนมากขึ้น จุดแรกที่กำหนดให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นปราศรัยหาเสียงก็คือ จังหวัดนครราชสีมา ในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนโคราช ถ้าเราชนะการเลือกตั้ง คนโคราชจะภูมิใจว่าเขามีนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นนายกฯที่มาจากภาคอีสาน จึงอยากเริ่มต้นที่บ้านเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์
คนโคราชจะเทคะแนนให้เพิ่มขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็น นายกรัฐมนตรี คสช. มานานถึง 5 ปี ได้ทำความเจริญให้กับคนโคราชมากแค่ไหน
การผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ลงเวทีหาเสียงของกรรมการบริหารพรรค พปชร. ในครั้งนี้ คงพิสูจน์แล้วว่า การหาเสียงในช่วงที่ผ่านมาคะแนนนิยมพรรคไม่กระเตื้องเท่าที่ควร เพราะสารพัดโพลที่สำรวจกันออกมาไม่ว่าสำรวจโดยเปิดเผย สำรวจโดยลับของหน่วยงานรัฐ ต่างก็ได้ผลไปในทิศทางเดียวกันว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ไม่ถึง 100 คน น้อยกว่าพรรคเพื่อไทยคู่แข่ง ถ้าเป็นอย่างนี้ การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพรรค พปชร.มี ส.ส.เสียงข้างน้อย ต้องไปอาศัย ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม เป็นคนเลือกจากรายชื่อ ให้ช่วยอุ้มเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมไม่มีความสง่างามด้วยประการทั้งปวง
...
เมื่อดู “ช่วงอายุ” ของ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51.4 ล้านคน ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสพลิกผันสูง เด็กรุ่นใหม่มีโลกทัศน์กว้างขึ้น ความคิดอ่านทันสมัยขึ้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51.4 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่ม อายุดังนี้ กลุ่มอายุ 18-25 ปี (เป็นกลุ่มที่เพิ่งใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก) 7.339 ล้านคน กลุ่มอายุ 26-45 ปี (เป็นกลุ่มคนทำงาน) 19.583 ล้านคน กลุ่มอายุ 46-60 ปี (เป็นกลุ่มที่ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านการปฏิวัติมาหลายครั้ง) 14.444 ล้านคน กลุ่มอายุ 61 ปีขึ้นไป (เป็นกลุ่มวัยเกษียณที่มีประสบการณ์เยอะ) 10.052 ล้านคน
ผมคิดว่า คะแนนสองกลุ่มแรก 26.922 ล้านคน จะเป็นคะแนนพลิกผันที่สำคัญมากกว่า สองกลุ่มหลัง 24.496 ล้านคน จะจริงหรือไม่ต้องรอดูผลเลือกตั้งกันต่อไป
เมื่อวันอาทิตย์ ดร.นพดล กรรณิกา สำนักซุปเปอร์โพล ได้เปิดเผยผลวิเคราะห์ “โมเดลความหลายใจ” ในการเลือกตั้งของประชาชนจะเห็นการพลิกผันที่น่าสนใจ
กลุ่มที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมาะสมเป็นนายกฯ ยังเห็นว่ามีบุคคลอื่นที่เหมาะสมเป็นนายกฯตามลำดับคะแนนคือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส กลุ่มที่เห็นว่า คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เหมาะสมเป็นนายกฯ ยังเห็นว่ามีบุคคลอื่นที่เหมาะสมตามลำดับคือ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กลุ่มที่เห็นว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหมาะสมเป็นนายกฯ ยังมีบุคคลอื่นที่เหมาะสมคือ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ในโลกการเมือง ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน แต่ความแน่นอนอาจจะไม่ใช่ความแน่นอนเสมอไป นี่ไม่ใช่ปรัชญา แต่เป็นการเมืองล้วนๆ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”