เรื่องของฝุ่นจิ๋วพีเอ็ม 2.5 ที่ราวีคนไทยมาเป็นสัปดาห์ สุ้มเสียงจากรัฐบาล เป็นแค่ปัญหารำคาญ จนมีเสียงบ่นเสียงด่า รัฐบาลเฉยชา ปฏิกิริยาจากนายกฯประยุทธ์ ถ้าเอาจริง อย่างรถควันดำ เจอแล้วยึดรถเลย ไม่ให้ขับต่อไป จนกว่าจะแก้ไข แล้วอย่ามาว่าใจร้าย

มาตรการนานา พ่นน้ำ ทำฝนหลวง ทำเมฆเทียม ก็ตามมา

ผมกำลังคิดว่า ฝ่ายตีตนไปก่อนไข้ หรือฝ่ายช้าๆได้พร้าเล่มงาม ฝ่ายไหนจะถูกกว่า

เปิดหนังสือ ลม พลังแห่งการขับเคลื่อนโลกและชีวิต มูลนิธิโลกสีเขียว สนับสนุนการพิมพ์โดยบริษัทบางจากปิโตรเลียม พ.ศ.2553 อ่าน จึงรู้ว่า เรื่องที่มนุษย์เปลี่ยนลมดี เป็นลมร้าย

มีคนรณรงค์ให้รู้จักกับมันมานานหลายปีเต็มที

เมื่อฝุ่นละอองเล่นงาน ปกคลุมปากใบและรูเล็กๆทั่วต้นพืช หนาแน่นมาก พืชจะหายใจไม่สะดวก มีอัตราการสังเคราะห์แสงลดลง ถ้าเป็นฝุ่นซีเมนต์ จะทำลายเนื้อเยื่อของใบ ทำให้ดินเป็นกรด กระทบการเติบโตของต้นไม้

ฝูงลิงบาบูนที่หากินใกล้เหมืองแร่ใยหินในแอฟริกาใต้ ได้รับฝุ่นใยหินที่ปลิวมาตามลม สุดท้ายก็เจ็บป่วยด้วยโรคปอด สัตว์ฟันแทะเช่นหนูชนิดต่างๆ ในละแวกนั้นก็โดนไปด้วย

โรงงานถลุงเหล็กในออนแทริโอ แคนาดา ปล่อยซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากกระบวนการผลิต ทำให้ป่าเขตอบอุ่นในรัศมี 30 กิโลเมตร ออกอาการใบฟอกขาวและยืนต้นตาย

ไลเคน สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการพึ่งพาอาศัยของราและสาหร่าย เปราะบางต่อซัลเฟอร์ไดออกไซด์มากที่สุด

การใช้ถ่านหินจำนวนมากในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้หลายประเทศในยุโรปเจอภาวะ “ร้างไลเคน”

จนเมื่อคุณภาพอากาศค่อยๆฟื้นฟูจนดีขึ้น ไลเคนหลายชนิดจึงกลับมาอวดโฉมอีกครั้ง

ผลกระทบถึงกระต่ายป่า ฉี่มีสภาพเป็นกรดมากกว่าปกติ และระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ

นกอ่อนไหวต่อมลพิษทางอากาศ มีอัตราการหายใจสูง ยิ่งหายใจถี่มากเท่าไหร่ ยิ่งรับมลพิษมากเท่านั้น

...

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้มข้นจากโรงงานเยื่อกระดาษ ในบริติชโคลัมเบีย แคนาดา เคยคร่าชีวิตนกราว 200-500 ตัว ด้วยอาการลำไส้อักเสบ เลือดออกในสมองและหลอดลม

กวางในเยอรมนี ไอและละอองสารหนูที่แพร่เข้าไปในป่าเคยล้มตายถึงร้อยละ 60-70 รูปร่างเขาผิดปกติ เส้นขนเติบโตช้า ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มันมักหนาวตายในฤดูหนาว

ไอและละอองของแคดเมียม โรงงานอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น เข้าสู่ร่างกายนกกระจอก สะสมตกค้างมากขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่การตายหมู่แบบยกแก๊ง

เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ละลายน้ำ จะแปลงร่างเป็นกรดคาร์บอนิก คาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศ จึงเท่ากับเพิ่มความเป็นกรดของน้ำทะเล

มีงานวิจัยยืนยัน สภาพทะเลที่เป็นกรดเพิ่มขึ้น ทำให้มันโตเต็มวัยได้ช้าลง กระทบไปถึงแมวน้ำ วาฬ นกกระทะเล เพนกวิน ปลา และหมึก

ปะการังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยในโครงสร้างหินปูนได้ดี ในภาวะน้ำทะเลเป็นด่างนิดหน่อย ความเป็นกรดของน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย จึงลดทอนความสามารถของปะการัง

แล้วสิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศปะการังจะอยู่กันอย่างไร

เหล่านี้คือตัวอย่าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าลมดีที่ถูกเปลี่ยนเป็นลมร้าย และลมร้อน เป็นลมที่ป่วยด้วยน้ำมือพวกเรา ไม่เพียงทำร้ายทำลายมนุษย์เอง ยังปั่นป่วนชีวิตพืชและสัตว์ ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกนานัปการ

ความรู้เรื่องลม ของมูลนิธิโลกสีเขียวที่ผมตั้งใจอ่านต่อๆไป ทำให้ผมเชื่อว่า ฝ่ายที่ตีตนไปก่อนไข้...ถูกกว่า นายกฯประยุทธ์เล่นบทยักษ์ ปึงปังจริงจัง...นั้น แม้จะช้า แต่ก็ดีกว่าไม่เล่นท่าอะไรเสียเลย.

กิเลน ประลองเชิง