นานๆทีจะได้ยิน “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวแล้วฟังรู้เรื่อง ไม่ต้องมาแปลไทยเป็นไทยอีก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บิ๊กจิ๋วออกมาจุดพลุเสนอให้มีรัฐบาลเฉพาะกาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่คนรุ่นบิ๊กจิ๋วยังคิดถึงเรื่องแบบนั้นอยู่ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันไม่มีใครอยากอยู่ภายใต้รัฐบาลแบบนั้นหรอก ทุกคนล้วนถวิลหาประชาธิปไตยสากล ต้องการใช้สิทธิออกเสียงเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ

วันนี้ถนนการเมืองทุกสายกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง วันศุกร์ที่แล้วเช่นกัน กกต. ได้จัดประชุมชี้แจง แนวทางการทำกิจกรรม แก่พรรคการเมือง และผู้ขอแจ้งเตรียมจัดตั้งพรรค เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้ง มีพรรคการเมือง 59 พรรค กับอีก 84 กลุ่มเข้าร่วมงานนี้พรรคการเมืองหลักไปกันครบ กกต.ได้เน้นย้ำถึงการเร่งจัดทำคำประกาศอุดมการณ์และนโยบายพรรค การตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. การแบ่งเขตเลือกตั้ง ฯลฯ

อีกประเด็นที่ทุกพรรคต้องการความชัดเจนคือ การหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย โลกแห่งเทคโนโลยีวันนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามหาเสียงทาง เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ ทาง กกต.ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างยกร่างระเบียบการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก็ต้องรอดูว่ากติกาที่ออกมาจะรัดกุม เป็นธรรม และเปิดกว้างแค่ไหน

บรรยากาศสู่การเลือกตั้งไม่ได้คึกคักแค่หน้าฉาก หลังฉากก็ฝุ่นตลบไม่แพ้กัน การทาบทามดูดอดีต ส.ส.เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน เป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง แม้แต่รัฐบาล คสช.ก็เดินเกมจัดวางคนไว้ช่วยทำศึกเลือกตั้ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้ว หนึ่งหาทุน สองสร้างฐานอำนาจ

วิธีการแบบนี้ทุกรัฐบาลก็ทำเหมือนกันหมด อยู่ที่ใครทำโจ๋งครึ่มกว่า ประเจิดประเจ้อกว่า

แต่วันนี้ผมขอท้วงติงถึงการ แต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ไว้หน่อย โดยแนวปฏิบัติทุกกรมในกระทรวงมหาดไทยจะได้สิทธิเสนอ รองอธิบดี ที่มีผลงานดีเด่นอย่างน้อย 1 คน ออกไปเป็น ผวจ. เพื่อให้มีความก้าวหน้าในชีวิตราชการ แต่ปีนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กลับไม่มีรองอธิบดีสักคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผวจ.หรือผู้ตรวจกระทรวง ทั้งๆที่กรมนี้แทบจะพูดได้ว่ามีผลงานโดดเด่นที่สุดในกระทรวง

...

ในช่วง 3 ปีมานี้ ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนได้หลอมรวมจิตใจเกิดความสามัคคี ร่วมแรงทำงานเป็นทีม มุ่งมั่นช่วยเหลือชาวบ้าน ถือเป็นมือเป็นไม้ที่แข็งขันของรัฐบาล

ผลการทำงานประจักษ์ชัดจากการได้รับ รางวัลแห่งความภาคภูมิใจถึง 21 รางวัล (ปี 2559 ได้ 7 รางวัล ปี 2560 ได้ 5 รางวัล ปี 2561 ได้ 9 รางวัล) ที่เด่นๆ เช่น รางวัลเลิศรัฐจากสำนักงาน ก.พ.ร. รางวัลคุณธรรมและความโปร่งใสจาก ป.ป.ท. รางวัลสังข์เงินจากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย รางวัลมาตรฐาน ISO27001 : 2013 จาก United Registrar of System (Thailand) Ltd. ซึ่งเป็นหน่วยงานแรกของกระทรวงมหาดไทยที่ได้รางวัลนี้

ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งกล่าวชื่นชมผลงานของกรมการพัฒนาชุมชนที่ทำให้ยอดขายสินค้าโอทอปปีนี้พุ่งสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากปี 2559 ยอดขายอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท) ทำให้เม็ดเงินกระจายลงสู่ชาวบ้านฐานรากเป็นกอบเป็นกำ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สวมหมวกอีกใบเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก แท้ๆเชียว แต่กลับละเลยไม่เห็นคุณค่าของคนทำงาน ไม่รู้ว่าในฐานะเจ้ากระทรวงท่านได้พิจารณา กลั่นกรอง โผโยกย้ายบ้างไหม หรือว่ามัวแต่เอาเวลาไปใส่ใจกับโรงไฟฟ้าขยะ

ส่วน คุณฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ไม่รู้ใช้หลักการหลักคิดอะไรในการจัดโผ มีอะไรมา บังตา หรือเปล่าถึงได้ทำน่าเกลียด ขนาดนี้ ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมในการจัดวางคน บุคลากรอันเป็นที่เชิดหน้าชูตากระทรวงกลับไม่ได้รับการปูนบำเหน็จ

กรณีนี้บั่นทอนขวัญกำลังใจข้าราชการที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเป็นอย่างยิ่ง.

ลมกรด