หลังจากที่ถกเถียงกันมาหลายเดือน เรื่องการทำไพรมารีให้สมาชิกร่วมเลือกผู้สมัคร ส.ส. ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าอาจเลือกวิธีการที่ กรธ.เคยเสนอ โดยให้ตั้งคณะกรรมการสรรหา 11 คน เป็นตัวแทนคณะกรรมการบริหารพรรค 4 คน ตัวแทนสมาชิก 7 คน ออกไปคุยกับสมาชิกในเขตต่างๆ และรวบรวมรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เสนอคณะกรรมการบริหารพรรค
หากคณะกรรมการบริหารพรรคไม่เห็นด้วย ให้ตีกลับไปยังคณะกรรมการสรรหาให้สรรหาใหม่ และให้คณะกรรมการพรรคพิจารณาอีกครั้ง ถ้าคณะกรรมการพรรคยังไม่เห็นด้วยให้ผ่าทางตัน ด้วยการประชุมร่วมคณะกรรมการพรรคกับคณะกรรมการสรรหา เพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัคร รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายยืนยัน วิธีนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญและดีกว่าเดิม
อาจจะไม่ขัดลายลักษณ์อักษร แต่อาจขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการเลือกผู้สมัครอย่างแท้จริง อดีตประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายพรรคการเมือง ที่เขียนบังคับให้ทำไพรมารี สงสัยว่าพรรคไหนทำไพรมารีไม่ทันให้เลื่อนเลือกตั้งไปก็ได้ และสงสัยว่าความคิดปฏิรูปการเมืองเปลี่ยนไปหรือ
ปัญหาที่ว่าพรรคไหนทำไพรมารีไม่ได้ถึงกับต้องเลิกล้มไป มีคำตอบจากนักการเมืองบางคนว่าพรรคใหม่ๆ ทั้งหลาย รวมทั้ง หลายพรรคที่สนับสนุน คสช. อาจทำไพรมารีไม่ทัน รัฐบาลจึงต้องช่วยด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ มิฉะนั้นหลายพรรคที่สนับสนุนหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรี จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ไม่ได้ จะเอา ส.ส.ที่ไหนไปยกมือให้
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าแนวความคิดปฏิรูปการเมืองเปลี่ยนไปแล้วหรืออย่างไรตอบได้ว่ายังไม่เปลี่ยน แต่มีปัญหาเรื่องเวลา จึงต้องปฏิรูปการเมืองแบบใหม่ อาจเรียกว่า “ปฏิรูปแบบพิธีกรรม” คล้ายกับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เช่นการเซ่นไหว้ผี โดยนำธูปเทียนและข้าวตอกดอกไม้ไปเซ่นไหว้ เป็นวิธีการเลี่ยงบาลีแบบเดียวกับศรีธนญชัย
...
เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุว่าต้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ในการเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงให้ตั้งคณะกรรมการสรรหา มีสมาชิกเข้าร่วม 7 คน ออกตระเวนถามความคิดเห็นสมาชิก จากเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อเสนอคณะกรรมการพรรค ถ้าพรรคไม่เอาด้วยให้ชี้ขาดในที่ประชุม ร่วมซึ่งพรรคคุมเสียงข้างมาก
เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุว่าต้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการเลือกผู้สมัคร ส.ส. จึงให้ตั้งคณะกรรมการสรรหา มีสมาชิกเข้าร่วม 7 คน พอเป็นพิธี แต่ในที่สุดผู้ที่จะชี้ขาดว่าจะให้ใครเป็นผู้สมัคร ได้แก่ที่ประชุมร่วมคณะกรรมการพรรคกับคณะกรรมการสรรหา ซึ่งพรรคคุมเสียงข้างมาก จึงเดาได้ทันทีว่าผู้สมัครที่พรรคเตรียมไว้เท่านั้น จึงจะผ่านเข้าไปชิงได้
ดูเหมือนว่าบางพรรคอาจเดินล้ำหน้าไปก่อนแล้ว ในการเลือกผู้สมัคร ส.ส. มีการเดินสายดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรค ไม่ใช่ดูดให้เป็นสมาชิกพรรคธรรมดา แต่ให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. และโดยปกติ แต่ละเขตเลือกตั้งมีอดีต ส.ส.เป็นเจ้าของ จองที่ไว้อยู่แล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย น่าเสียดายที่อาจไม่ได้ทดลองปฏิรูปการเมืองที่แท้.