วันนี้ ครบรอบ 4 ปีการปฏิวัติของ คสช. ไม่รู้จะมีการเปิดแชมเปญฉลองหรือไม่ เมื่อวานนี้ผมเขียนถึง ความล้มเหลวในการปฏิรูปการศึกษา ของ รัฐบาล คสช. ในช่วง 4 ปีที่บริหารประเทศ ผมเชื่อมั่นว่า การศึกษา เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการปฏิรูปทุกอย่าง สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ประชาธิปไตย และ การเลือกผู้นำประเทศ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. เป็นห่วงว่า ประชาชนจะเลือกนักการเมืองแบบเดิมๆเข้ามาอีก เลือกผู้นำประเทศแบบเดิมๆเข้ามาอีก จนต้องออกกฎหมายคุมเข้มไปนานถึง 20 ปี

เขียนเสร็จก็มีข่าว ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงข่าวเรื่องการจัดตั้งกระทรวงใหม่ชื่อ กระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา เพื่อปฏิรูปการศึกษาให้ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 เพราะ กระทรวงศึกษาฯ ไม่สามารถตอบโจทย์เสียแล้ว

รัฐมนตรีสุวิทย์ บอกว่า กระทรวงศึกษาฯ เป็นกระทรวงที่ใหญ่มาก เขาเองก็มีปัญหามากเช่นกัน จึงอยากแยกเรื่องเทคโนโลยีการเรียนรู้ระดับอุดมศึกษาออกมา เพื่อทำให้เกิดทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ยังไม่มีทิศทางด้านเทคโนโลยีที่ชัดเจน รวมถึงการสร้างคนโดยให้ทุน แต่สุดท้ายกลายเป็นเบี้ยหัวแตกไปหมด ทุนวิจัยก็กลายเป็นเบี้ยหัวแตกด้วย ทำงานซ้ำซ้อนกัน จึงนำโครงสร้างทั้งสองกระทรวงมารวมกัน จะเกิดการปฏิรูปครั้งใหม่ที่ดีกว่าเดิม

เท่ากับว่า 4 ปีการปฏิรูปของ คสช. การปฏิรูปการศึกษาล้มเหลวหมด เพิ่งจะมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่

กระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา (ชื่อเบื้องต้น) รัฐมนตรีสุวิทย์ เปิดเผยว่า จะเป็นการ “ควบรวม” โดยเอา กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ที่กำลังจะแยกออกจาก กระทรวงศึกษาฯ ไปตั้งเป็น กระทรวงอุดมศึกษา และ หน่วยงานให้ทุนวิจัยทั้งหมด เช่น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เป็นต้น มาตั้งเป็นกระทรวงใหม่ เบื้องต้นจะชื่อ กระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา แต่อาจจะชื่อ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุดมศึกษา ก็ได้ การควบรวมนี้เป็นตาม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการปฏิรูปประเทศไทยสู่ 4.0

...

การควบรวมครั้งนี้ ดร.สุวิทย์ แถลงว่า มี 4 เหตุผล 1.เพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 กระทรวงใหม่ต้องตอบโจทย์อาชีพคนไทยในอนาคตได้ 2.เตรียมผู้ประกอบการสู่ศตวรรษที่ 21 ทั้งสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี 3.เตรียมเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์เมอร์ 4.ประเทศไทยกำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ต้องพัฒนาทั้งกำลังคนและเทคโนโลยี

ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาฯ ต้องการแยก สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ออกจากกระทรวง เพื่อปรับสถานะของมหาวิทยาลัยเสียใหม่ ให้มีบทบาทชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วน กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ บทบาทในการขับเคลื่อน “ไทยแลนด์ 4.0” ยังไม่ชัดเจน และ หน่วยงานวิจัยของประเทศก็อยู่กระจัดกระจายและซ้ำซ้อน ดังนั้น รัฐบาลต้องการจัดองคาพยพใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ใช้วิทยาศาสตร์สร้างชาติ ประเทศที่เจริญแล้วอย่าง ญี่ปุ่น ก็มีการนำกระทรวงวิทยาศาสตร์กับกระทรวงศึกษารวมกัน ในยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ก็มีการตั้ง กระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา

ก็ไม่รู้ว่า กระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา จะตั้งเสร็จเมื่อไหร่ กระทรวงอุดมศึกษา ก็มีร่างกฎหมายออกมาแล้ว ผมหวังว่าการจัดตั้งกระทรวงใหม่จะสำเร็จโดยเร็ว ระบบการศึกษาไทยล้าหลังและเหนื่อยล้าเต็มที ทั้งเรื่อง คุณภาพการศึกษา คุณภาพครูผู้สอน คุณภาพนักศึกษา อย่างที่ สถาบันวิจัยทีดีอาร์ไอ ทำการศึกษาที่ผมเขียนไปเมื่อวาน เด็กจบปริญญาตรีวิชาคอมพิวเตอร์ แต่ทำงานดิจิทัลไม่ได้ คุณภาพไม่ถึง นี่คือสิ่งที่พบเห็นประจำ

ผมขอตอกย้ำไว้ตรงนี้อีกครั้งว่า การศึกษาที่ดีของประชาชน สำคัญอย่างยิ่งต่อการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจของประเทศ เราจะมี “รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” เกิดขึ้นได้ ประเทศจะต้องมี “ประชาชนที่มีการศึกษาที่ดี” ไม่ใช่ โง่-จน-เจ็บ เหลื่อมล้ำ และ รวยกันอยู่ไม่กี่ตระกูล อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”