การเมืองกลับมาคึกคัก มีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่อยู่ในอาการซึมเศร้านาน 3–4 ปี มีผู้ขอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ถึง 97 พรรค รวมกับพรรคเก่าอีกราว 70 พรรค อาจทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีพรรคมากสุดในโลก พรรคเก่าแก่ดั้งเดิมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ฤกษ์เปิดพรรค เพื่อให้สมาชิกยืนยันความเป็นสมาชิก ภายใน 30 วัน มิฉะนั้นขาดสมาชิกภาพ

ในโอกาสนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์ อายุ 72 ปีแล้ว ที่ผ่านมายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม ต่อสู้เผด็จการทุกรูปแบบ ต่อไปนี้จะปฏิรูปเป็นพรรคยุคใหม่ เศรษฐกิจยุคใหม่ การศึกษายุคใหม่ การเมืองยุคใหม่ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมยุคใหม่ และสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี

วันเดียวกัน นายเสนาะ เทียนทอง ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อบางตอน ความว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเล่นการเมืองในนามพรรคถือว่าเหนื่อย เพราะใน 3–4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เจอ “ของจริง” ในสภา แค่เจอสื่อยังหน้าบูดหน้าบึ้ง ถ้าเจอกระทู้หนักๆในสภา จะยิ่งกว่าไส้เดือนถูกขี้เถ้า ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะมีอำนาจพิเศษรองรับ

“ของจริง” ที่นายเสนาะพูดถึง เป็นความจริงของการเมืองไทย ในช่วงรัฐบาลเลือกตั้ง เป็นการพูดจากประสบการณ์ที่เป็นจริง นั่นก็คือนายกรัฐมนตรีจะเจอปัญหามากมาย ทั้งในและนอกสภา ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีที่คุมเสียงข้างมาก ในสภาผู้แทนราษฎร จะสามารถเอาตัวรอดได้ไม่ว่าจะถูกกระทู้หนักๆ หรือเปิดอภิปรายเพื่อให้รัฐบาลชี้แจงเมื่อมีปัญหา

แม้นายกรัฐมนตรีจะถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าเป็น “นายกฯคนนอก” มาจากการสนับสนุนของ ส.ว. แต่งตั้ง 250 เสียง เป็นหลัก แต่มี ส.ส.สนับสนุนแค่ 126 เสียง ส.ส.ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่ 374 เสียง สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล้มนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงข้างมากได้ทุกเมื่อ

...

“ของจริง” ที่นายกฯคนนอกจะต้องเจอ ไม่ได้มีแค่นั้น แม้แต่การออกกฎหมายเพื่อบริหารบ้านเมือง เช่น กฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อใช้จ่ายเป็นเงินเดือนข้าราชการและโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ก็จะถูก ส.ส.ฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก ลงมติคว่ำในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลต้องลาออกตามกติการะบบรัฐสภา หรือไม่ก็ยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งใหม่

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นของจริงที่อาจเจอในสภา ยังมีของจริงนอกสภาที่ต้องเจออีกมาก เช่น การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อจะเข้มข้นมากขึ้น เมื่อไม่มีมาตรา 44 องค์กรภาคประชาชนมากมายจะออกมาชุมนุม เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาสารพัด โดยที่รัฐบาลไม่สามารถ “ปิดปาก” ด้วยการจับกุมคุมขังเหมือนในปัจจุบัน ผู้ที่จะเป็นนายกฯ ในยุคเลือกตั้งได้ จะต้องมีตบะและขันติสูงยิ่ง.