เคยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าตัวถ่วงความเจริญที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ความเข้าใจ “ประชาธิปไตย” ต่างกัน บางฝ่ายอ้างว่าการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย ผู้ชนะจะได้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่บางฝ่ายมองว่าแค่เลือกตั้งยังไม่พอ จะต้องมีธรรมาภิบาล มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่เข้มแข็ง บางฝ่ายมองว่าประชาธิปไตยต้องไม่มีความขัดแย้ง
ในการให้สัมภาษณ์เนื่องในวันปีใหม่ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี แสดงความ ปรารถนาอยากได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล นักการเมืองที่โปร่งใส และมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาประเทศ “ผมประกาศไว้เลย ถ้ายังมีความขัดแย้งสูง การเลือกตั้งได้หรือเปล่าผมไม่รู้” ถ้าอยากเลือกตั้ง ขอให้มีความสงบเรียบร้อย
เป็นตัวอย่างหนึ่งของความเห็น ต่างระหว่างนักวิชาการ นักการเมือง และรัฐบาลทหาร เกี่ยวกับความหมายของ “ประชาธิปไตย” นักการเมืองและนักวิชาการทั่วไปมองว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แม้แต่ในประเทศเผด็จการ ที่ปิดปาก ปิดหู และปิดตาประชาชน ก็มีความขัดแย้งอยู่ลึกๆ แต่ไม่มีช่องทางระบาย
“ความขัดแย้งคืออะไร” การที่นักวิชาการและนักการเมืองเห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์ตัวบุคคล หรือนโยบายการ บริหารประเทศของรัฐบาล เป็นความขัดแย้งหรือไม่ บางคนอาจมองว่าการคิดต่าง พูดต่างและทำต่าง ไม่สอดคล้องกับคำขวัญของรัฐบาลในบางยุคบางสมัย ที่ว่า “เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย” คือความขัดแย้ง จึงยังไม่ควรเลือกตั้ง
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ คำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ในรายการ “ศาสตร์พระราชาฯ” เมื่อคืนวันที่ 22 ธันวาคม 2560 ว่า ประชาชนในโลกประชาธิปไตยตะวันตกไปใช้สิทธิ เลือกตั้งน้อยลงจาก 90% เมื่อปี 2535 เหลือ 66% ในปี 2555 แสดงว่าประชาธิปไตยรูปแบบสภาผู้แทนราษฎรหมดสมัยแล้ว กลายเป็น “ยุคประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม”
...
ประชาชนในประเทศประชาธิปไตยตะวันตก อาจออกมาเลือกตั้งน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่า หมดยุครัฐสภา แต่ประชาธิปไตยก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง สู่ “ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมแค่หย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายบริหารประเทศ การออกกฎหมาย และการตรวจสอบและขับไล่นักการเมือง
แม้แต่ประชาธิปไตยไทยก็ก้าวสู่ยุคการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างช้าๆ นับแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2517 และ 2540 แต่นักการเมืองบางส่วนยังไม่พัฒนาก้าวตามไม่ทัน และชอบตัดสินปัญหาด้วยการปลุกระดมออกไปเล่นการเมืองบนท้องถนน เสี่ยงต่อการขัดแย้งรุนแรง และกลายเป็นข้ออ้างในการล้มและแช่แข็งประชาธิปไตย.