ข่าวใหญ่ทางการเมืองส่งท้ายปีเก่า 2560 และอาจเป็นประเด็นถกเถียงกันต่อไป ในปีใหม่ 2561 น่าจะได้แก่การที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี กล่าวตอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า “ตู่สัญญาจะนำความสุขมาให้คนไทย” ต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ให้ได้ “ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว” จนแทบจะไม่มีเหลือ

เป็นการกล่าวเตือนหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ให้คืนความสุขให้แก่คนไทย ตามที่เคยสัญญาไว้ในบทเพลงตอนหนึ่งว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน” คำว่า “กองหนุน” น่าจะหมายถึงกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล คสช. ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างมาก ในระยะแรกของการยึดอำนาจ 2557

ส่วน “ความสุข” ที่ คสช.สัญญาว่าจะคืนให้แก่ประชาชน แต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มอาจมีความต้องการต่างกันและเหมือนกัน บางกลุ่มต้องการให้ใช้อำนาจเด็ดขาด เพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย สร้างความปรองดอง แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และปราบปรามการทุจริตให้สิ้นซาก แต่ที่ตรงกันส่วนใหญ่คือการ “คืนอำนาจ” นำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย

คสช.สัญญาว่าแผ่นดินจะดีในไม่ช้า และจะคืนความสุขให้ประชาชน ในเวลาไม่นาน แต่ขณะที่ผ่านไปแล้วเกือบ 4 ปี รัฐบาลได้ปฏิรูปประเทศ สร้างความปรองดองในชาติคืบหน้าไปถึงไหน การทุจริตคอร์รัปชันยังรุ่งเรืองเหมือนเดิมหรือไม่ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ระบุว่ามีการคอร์รัปชัน 10 ประเด็น ที่คนไทยต้องเฝ้าจับตา

ในระยะแรกของการยึดอำนาจ อาจมี “กองหนุน” สนับสนุน คสช.เป็นจำนวนมากพอสมควร เพราะต้องการให้ใช้อำนาจเด็ดขาด เพื่อแก้ปัญหาสำคัญๆของชาติที่เรื้อรัง แต่วันนี้ประธานองคมนตรีมองว่า “แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว” คสช.ต้องดิ้นหาสาเหตุเอาเองว่าเพราะอะไร เหลือเวลาตามโรดแม็ปอยู่ไม่ถึงปี จะสามารถนำกองหนุนกลับมาได้หรือไม่

...

ประชาชนบางส่วนอาจจะยินยอม “มอบอำนาจ” ซึ่งเป็นของตนเอง ให้ คสช.ยึดไปใช้แก้ปัญหาของชาติ แต่เป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราว ไม่ใช่มอบให้เป็นการถาวร เพราะคนส่วนใหญ่คงไม่คิดที่จะอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการอย่างเป็นการถาวร “ความสุข” ที่สำคัญอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องการจาก คสช. คือการ “คืนอำนาจ” ให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้ง การคืนความสุข

แต่เมื่อมีการเลือกตั้ง ไม่ได้หมาย ความว่า คนไทยจะได้ประชาธิปไตยที่แท้ต้องดูกันต่อไปว่า ผลการเลือกตั้งจะทำให้คนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 50 ล้านคน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศได้หรือไม่? หรือว่านายกรัฐมนตรีจะถูกกำหนดโดย ส.ว. 250 คน ที่มาจากการเลือกตั้งของ คสช.เพียงไม่กี่คน นี่คือบททดสอบว่ามีการปฏิรูปการเมืองหรือไม่?