สวัสดีปีใหม่พุทธศักราช 2561 นะครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน! เนื่องจากข้อเขียนวันนี้เป็นข้อเขียนชิ้นแรกของผมสำหรับปี 2561 จึงต้องขออนุญาตเริ่มต้นด้วยวลีที่ว่า “สวัสดีปีใหม่” กันเสียก่อนตามธรรมเนียม
เป็นการเอ่ยครั้งที่ 46 ของผมแล้วละครับ ณ คอลัมน์สี่เหลี่ยมด้านซ้ายมือในหน้า 5 ฉบับประจำวันที่ 2 มกราคม ตั้งแต่พุทธศักราช 2516 ปีแรกที่ผมมานั่งเขียนหนังสือที่ไทยรัฐมาจนถึงบัดนี้
แปลความตามท้องเรื่องได้ว่า ผมมานั่งเขียนหนังสืออยู่ตรงนี้ 45 ปีเต็ม กำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 46 ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝน มา 45 ฤดูกาลว่างั้นเถอะ
ได้พบเห็นได้สัมผัสเหตุการณ์บ้านเมืองทั้งความสุข ความทุกข์ ความตื่นเต้นหวาดเสียว ความยินดีปรีดา...หัวเราะและร้องไห้มานับไม่ถ้วน
หลายๆครั้งในช่วงเวลาแห่งความหวาดเสียว ยังนึกว่าแผ่นดินไทยคงไปไม่รอด เลือดคงท่วมท้องช้าง ผู้คนคงต้องตายกันเป็นเบือ
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 17 พฤษภาคม 2535
รวมทั้งการปฏิวัติรัฐประหารทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ จนจำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้ง เพราะว่าเยอะเหลือเกิน
แต่แผ่นดินไทยของเราก็ผ่านมาด้วยดี
ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9
บางครั้งบางหนอาจมีบาดเจ็บล้มตายไปบ้าง แต่ก็ไม่มากมายจนถึงขั้น ศพกระจายกลาดเกลื่อน หรือเลือดท่วมท้องช้างอย่างที่เคยหวาดหวั่น
โกรธกันทะเลาะกันชั่วครู่ชั่วยามก็ค่อยๆผ่อนคลายอารมณ์กันไป
จนเหลืออดจริงๆค่อยมาทะเลาะกันใหม่...ทะเลาะจนหมดแรงแล้วก็เลิกรากันไปอีกหน
หมุนกลับสลับเปลี่ยนเหมือนเพลง “จุดเทียนเวียนวน” วนไปเวียนมาอยู่อย่างนี้
...
“เผด็จการเต็มใบ” “ประชาธิปไตยเต็มใบ” “ประชาธิปไตย ครึ่งใบ” แล้วก็มา “เผด็จการครึ่งใบ” อีกครั้งในช่วงล่าสุด
ที่ผมเรียกช่วงหลังสุดนี้ว่าเผด็จการครึ่งใบเพราะถ้าจะว่าไปเราก็อยู่ในระบอบเผด็จการที่ คสช.ท่านยึดอำนาจไว้แบบเบ็ดเสร็จ
แต่ท่านก็ยังเปิดพื้นที่ให้หายใจให้บ่นให้พูดได้บ้าง และอย่างเก่งก็เชิญคนพูดคนบ่นไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ไม่มีการจับเข้าคุกขังลืมแบบสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ท่านผู้นำท่านดุสื่อแทบทุกวันก็จริง แต่ดุวันนี้ วันพรุ่งท่านก็ขอโทษเหมือนหนังไทยบางเรื่องที่มีตบแล้วก็มีจูบ ทำให้พระเอกนางเอกที่ไม่ชอบหน้ากันกลับมารักกันอย่างดูดดื่มในตอนจบ
จะไม่ให้ผมใช้คำว่าเผด็จการครึ่งใบได้ไงล่ะ เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วเราอยู่ในระบอบเผด็จการชัดๆ ท่านนายกฯมี ม.44 อยู่ในมือ มีอำนาจเฉียบขาดพอๆกับ ม.17 ของจอมพลสฤษดิ์ยุคก่อน
ซึ่งท่านก็เอามาใช้เป็นยาครอบจักรวาล แก้ปวดหัว ตัวร้อน ไปจนถึงโรคหนักโรคเบาหมดทุกโรคของประเทศ แต่ยังไม่ได้เอามาใช้สั่งประหารชีวิตใครเลยสักคน
ว่ากันว่าตามโรดแม็ปปี 2561 ที่จะถึงนี้ อาจจะเป็นปลายๆปี หรือไม่ก็เลยไปต้นปี 2562 นิดหน่อย ประเทศไทยเราน่าจะมีการเลือกตั้ง
เปลี่ยนจาก “เผด็จการครึ่งใบ” ไปสู่ “ประชาธิปไตยครึ่งใบ”
เริ่มต้นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆไปก่อน แล้วค่อยๆหาทางปรับสู่ประชาธิปไตยเต็มใบต่อไปในอนาคต
นี่คือบทย่อความของประเทศไทย ในวิชา “ย่อความ” (อย่างที่เราเคยเรียนมาตอนเด็กๆ ที่มีสอนทั้งวิชาเรียงความ และย่อความในยุคโน้น) ในทัศนะของผม
45 ปีของคอลัมน์เหะหะพาทีก็คือ 45 ปีของการร้องเพลง จุดเทียนเวียนวนในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ถ้าจะให้สรุปก็จะสรุปได้อย่างนี้
ปีนี้ (2561) จะกลับมาสู่ครึ่งใบ และปีต่อๆไปอีกไม่นานนักอาจจะเต็มใบเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ แต่ต่อๆไปหลังจากนั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาสู่ระบอบเผด็จการสมบูรณ์แบบอีกหรือไม่
ตราบใดที่เพลง “จุดเทียนเวียนวน เรามา 2 คนวนเอ๋ยวนเวียน” ยังเป็นเพลงพื้นบ้านยอดฮิตที่คนไทยยังชอบร้องอยู่ละก็...อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ทั้งนั้นแหละครับ.
"ซูม"