ผมเคยเล่าไว้แล้วว่า ผมมีโอกาสมาเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ปี 2516 นับมาถึงวันนี้เป็นเวลา 44 ปีเต็มๆ
ปีพุทธศักราช 2516 เป็นปีแห่งความทรงจำปีหนึ่งของประชาชนชาวไทย เพราะเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์ “14 ตุลาคม” นำไปสู่ความวิปโยคที่เกือบทำให้แผ่นดินไทยกลายเป็นแผ่นดินเลือด แต่กลับยุติและสงบลงได้ด้วยพระบุญญาบารมีอันใหญ่หลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9
เมื่อผ่านเดือนตุลาคมไปแล้ว ทั่วทั้งประเทศก็เดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ประชาชนทุกหมู่เหล่าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2516 จึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองและวันแห่งความปลื้มปีติของคนไทยทั้งแผ่นดิน
นับเป็นปีแรกที่ผมมีโอกาสได้เขียนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของในหลวง ร.9 และเชิญชวนให้พสกนิกรไทยพร้อมใจกันถวายพระพรชัยมงคล
จากนั้นมาผมก็ถือเป็นกรอบกติกาและเป็นความตั้งใจของผมที่จะไม่เขียนถึงเรื่องอื่นใดทั้งสิ้นในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี นอกเหนือไปจากการเขียนน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระองค์ท่านเท่านั้น
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเขียนถวายพระพรชัยมงคลไปพร้อมกับเขียนเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนไปร่วมงานฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา “5 ธันวามหาราช” ณ ท้องสนามหลวง
ครั้นเมื่อการเฉลิมฉลองพัฒนามาเป็นการจุดเทียนถวายพระพรชัย มงคล ผมก็เขียนเชิญชวนให้ไปท้องสนามหลวงอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือไม่ก็ออกมายืนจุดเทียนหน้าบ้าน เปิดวิทยุฟังการถ่ายทอดสดและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีไปพร้อมๆกัน
ไม่นานนักเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับประชาชน “สดุดีมหาราชา” ได้รับความนิยม มีการนำมาขับร้อง ณ ท้องสนามหลวงขณะจุดเทียนถวายพระพรชัย ผมก็เขียนเชิญชวนให้ร้องเพลงนี้ควบคู่ไปด้วย
...
กล่าวได้ว่า ตลอดระยะเวลา 40 กว่าปี ที่มีโอกาสมาเขียนหนังสืออยู่ตรงนี้ ผมจะไม่เขียนถึงเรื่องอื่นใดเลยในวันที่ 5 ธันวาคม
รวมทั้ง 5 ธันวาคม 2559 หรือเมื่อปีกลาย ผมก็ยังเขียนถึง แต่ก็เป็นการเขียนด้วยความรันทดใจเช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ที่ต้องประสบกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของชีวิต
หลังจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 นำความโศกสลดมาสู่มหาชนชาวไทยทั้งมวล
คอลัมน์ประจำวันที่ 5 ธันวาคม 2559 จึงเป็นครั้งแรกในรอบ 40 กว่าปี ที่ผมเขียนถึงด้วยน้ำตา และมิได้จบลงด้วยการเชิญชวนไปจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลที่ท้องสนามหลวง
หันมาเขียนถึงพระมหากรุณาธิคุณในโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ และเขียนถึงพระบรมราโชวาทที่ทรงสั่งสอนให้ประชาชนชาวไทยรู้รักสามัคคีเป็นคนดีของบ้านเมือง และครองชีวิตด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอันเป็นพระราชมรดกล้ำค่าที่ทรงมอบให้แก่แผ่นดินไทยของเรา
สำหรับวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ความทุกข์โศกเริ่มคลายลง เมื่อพสกนิกรชาวไทยเริ่มทำใจได้ และพร้อมจะเดินต่อไปข้างหน้า หลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพผ่านไปอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติยศ
ความรู้สึกของผมเองวันนี้ก็ดีขึ้นกว่า 5 ธันวาคมปีกลายหลายเท่า หลังปรับตัวปรับใจยอมรับความจริง
แม้จะไม่มีวันเขียนได้เหมือนที่เขียนมาตลอด 40 กว่าปี ดังที่กราบเรียนไว้แล้ว แต่ผมก็ยังตั้งใจจะเขียนถึงพระองค์ท่านต่อไป
จะเขียนถึง “วันพ่อแห่งชาติ” เพื่อรำลึกถึงพระองค์ท่านในฐานะพ่อของแผ่นดิน จะเขียนถึงพระมหากรุณาธิคุณ และจะเขียนถึงพระ บรมราโชวาทอันทรงคุณค่า ฯลฯ
รวมทั้งจะเขียนเตือนพี่น้องชาวไทยมิให้ลืมสัญญาที่ถวายแด่พระองค์ท่านไว้ว่าจะรู้รักสามัคคี และจะเป็นคนดีของแผ่นดินเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพ่อสืบต่อไป
เนื่องในโอกาส 5 ธันวาฯ 2560 เวียนมาถึงวันนี้ ขออนุญาตกราบเรียนเตือนทุกๆท่านที่ให้สัญญาพ่อไว้...อย่าลืมปฏิบัติด้วยนะครับ.
“ซูม”