เคาะออกมาเรียบร้อยแล้วจากที่ประชุม ครม.วันอังคาร “คนจน” ในประเทศไทยวันนี้มีอยู่ 11.67 ล้านคน จากยอดคนจนที่มาขึ้นทะเบียน 14.17 ล้านคน รัฐบาลจัดสรรเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ 41,940 ล้านบาท เป็นวงเงินที่สูงเอาการ ส่วนอีกกว่า 2.5 ล้านคน เป็นพวกที่จนไม่จริง รวมทั้งพวก จบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก กว่า 360,000 คน กระทรวงการคลังตัดรายชื่อทิ้ง ไม่รู้กล้ามาแสดงตัวเป็นคนยากจน ขอรับสวัสดิการรัฐได้ยังไง ทั้งที่ความรู้ก็ท่วมกบาล
กระทรวงการคลัง น่าจะส่งรายชื่อให้ กระทรวงแรงงาน ไปหางานให้ทำดีกว่า
คนยากจน 11.67 ล้านคน เทียบกับ จำนวนประชากรไทย 65.93 ล้านคน (ตัวเลขกรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559) เท่ากับว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนคนยากจนสูงถึง 17.70% ถือว่าสูงมากๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีและฟิลิปปินส์ และยังเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2558 มาก จากร้อยละ 7.2 เป็นร้อยละ 17.70 เพิ่มขึ้นถึง 10.5% เลยทีเดียว ไม่รู้มันงอกขึ้นมาได้ยังไง
จากข้อมูลในบทสรุปเรื่อง “สถานการณ์ความยากจนในประเทศไทยปี 2558” ของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าความยากจนโดยรวมในประเทศไทยลดลง โดยสัดส่วนคนจนลดลงจากร้อยละ 10.53 ของประชากรทั้งประเทศในปี 2557 เหลือร้อยละ 7.2 ในปี 2558 คิดเป็นจำนวนคนจนประมาณ 4.8 ล้านคน
แล้ววันนี้คนจนในประเทศไทยกลับเพิ่มขึ้นจาก 4.8 ล้านคน เป็น 11.67 ล้านคน จากร้อยละ 7.2 ของจำนวนประชากร เป็นร้อยละ 17.70 ของจำนวนประชากรได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้เป็น ตัวเลขของรัฐบาล ทั้งสิ้น กระทรวงการคลัง และ สภาพัฒน์ คงต้องไปเคลียร์กันเองว่า ตัวเลขของใครถูกต้อง ไม่งั้นการแก้ไขปัญหาคนจนจะมีปัญหาแน่นอน
คนจน 11.67 ล้านคน จะแบ่งเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 41,940 ล้านบาทกันอย่างไร คุณสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า จะแบ่งเงินออกเป็น 2 ส่วน
...
ส่วนแรก กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี เฉลี่ยรายได้เดือนละ 2,500 บาท จะได้รับเงินช่วยเหลือในการซื้อข้าวของเครื่องใช้เดือนละ 300 บาท และกลุ่มที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000-100,000 บาท เฉลี่ยรายได้เดือนละ 2,500-8,333 บาท จะได้รับเงินช่วยเหลือซื้อข้าวของเครื่องใช้เดือนละ 200 บาท ทั้งสองกลุ่มยังได้วงเงินส่วนลดสำหรับซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงาน กำหนด 45 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน
ส่วนที่สอง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่ารถเมล์ รถไฟฟ้า จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 500 บาท ค่ารถ บขส. เดือนละ 500 บาท ค่ารถไฟ เดือนละ 500 บาท
คุณสุทธิรัตน์ บอกว่า เงินแต่ละส่วนจะแยกออกจากกันชัดเจน ไม่นำมารวมกัน เมื่อถึงรอบวันที่ 1 ทุกเดือน วงเงินจะถูกปรับเป็นค่าเริ่มต้นของวงเงินแต่ละสวัสดิการเสมอ วงเงินที่เหลือจะไม่สามารถสะสมไปใช้ในเดือนถัดไปหรือถอนเป็นเงินสด
กรมบัญชีกลาง จะเริ่มแจกจ่าย บัตรคนจน ในวันที่ 21 กันยายนนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ทันใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยรับบัตรได้ที่จุดที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย
ผมก็ ขอแสดงความยินดีกับคนจน 11.67 ล้านคน ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากสวัสดิการของรัฐที่ให้ความช่วยเหลือ ถ้ารวมตัวเลขเงินช่วยเหลือทุกรายการ เดือนหนึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,700-1,800 บาท ถือว่าไม่น้อย เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยเดือนละ 2,500 บาท รวมแล้วก็มีรายได้เพิ่มเป็นเดือนละ 4,200-4,300 บาทต่อคน ถ้าในครอบครัวมีสมาชิก 2-3 คน ก็น่าจะมีรายได้พอเพียงต่อการใช้จ่ายอย่างพอเพียง
แต่ที่ผมยังรู้สึกข้องใจไม่หายก็คือ ทำไมตัวเลขคนจนจึงเพิ่มพรวดจาก 4.8 ล้านคน ในปี 2558 เป็น 11.67 ล้านคน ในครึ่งปี 2560 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวเลยทีเดียว
ก็หวังว่าตัวเลขคนจนในปีหน้าจะไม่เพิ่มขึ้นไปจากปี 2560 อีก.
“ลม เปลี่ยนทิศ”