ฝนตกหนักปลายเดือนกรกฎาคมจากอิทธิพล “พายุเซินกา” ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ใน ภาคอีสานและเหนือ 42 จังหวัด เป็น “น้องๆมหาอุทกภัย” เมื่อเทียบกับ “มหาอุทกภัยปี 2554” จาก “พายุนกเตน” ที่ขึ้นฝั่งเวียดนามเหมือนกัน ครั้งนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ถึง 65 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย
ไม่รู้วันนี้ แผนแก้ปัญหาน้ำท่วมและบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท บริหารกันไปถึงไหนแล้ว เห็น “เปลี่ยนชื่อ” กันหลายครั้ง แต่ที่ยังไม่เห็นเลยก็คือ “ผลงาน”
สถานการณ์น้ำท่วมอีสานและเหนือในวันนี้ มีสภาพคล้ายคลึงกับมหาอุทกภัยปี 54 สองวันก่อน คุณสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ชัยนาท ออกมาเตือนว่า แนวโน้มการระบายน้ำใน เขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนในจังหวัด สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 15–20 ซม. เพราะน้ำเหนือไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยามากขึ้น จากจุดวัดน้ำหน้าค่ายจิรประวัติ นครสวรรค์ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 1,653 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้น้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้น 20 ซม. ในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็มีน้ำป่าจาก ลพบุรี ชัยภูมิ ไหลลงจำนวนมาก น้ำป่าจาก อ.มวกเหล็ก อ.แก่งคอย ก็ไหลมาที่ สระบุรี ลงสู่ แม่น้ำป่าสัก ทำให้ เขื่อนพระรามหก ที่อยู่ด้านล่างรับน้ำจำนวนมาก คุณวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ อยุธยา ต้องแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ให้เฝ้าติดตามคำเตือนจากทางราชการ เพราะจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนพระรามหกลงท้ายเขื่อนจำนวนมากภายใน 24 ชั่วโมง ที่ 406 ลบ.ม.ต่อวินาที
คุณไพรัตน์ เพชรยวน นายอำเภอบางปะอิน ก็เตือนว่า เขื่อนเจ้าพระยา กำลังเร่งปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และยังมีน้ำจาก เขื่อนพระรามหก ที่เร่งปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำป่าสักตอนล่าง ทำให้น้ำ 2 สายไหลมาบรรจบกันที่เกาะเมืองกรุงเก่า แล้วไหลตรงไปที่ บางปะอิน เหลืออีก 1 เมตรเศษ แม่น้ำเจ้าพระยาก็จะล้นตลิ่งแล้ว
...
นี่คือ สถานการณ์น้ำ จากเหนืออีสานที่ไหลลงมาสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ล่าสุด คุณฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แถลงว่า อุทกภัยและน้ำไหลหลากใน 42 จังหวัด คลี่คลายไปแล้ว 23 จังหวัด เหลืออีก 19 จังหวัด โดยเฉพาะ “อีสานบน” ยังท่วมอีก 12 จังหวัด รอระบายลงสู่ แม่น้ำโขง แต่สถานการณ์ใน ภาคกลาง ผมก็ว่าน่าเป็นห่วง เมื่อน้ำจากอีสานและเหนือเพิ่งจะเดินทางมาถึง
ผลจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ ยกเลิกการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสกลนคร เป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่ต้องมาคอยดูแลนายกฯและคณะ ตรงกันข้าม ผมกลับเห็นว่า นายกฯควรจะไปอย่างยิ่งในตอนนี้ เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่เดือดร้อน โดยไม่ต้องให้เกณฑ์ข้าราชการและประชาชนมาต้อนรับแบบเจ้าขุนมูลนาย ผมอยากให้ดู ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เวลาเดินทางไปเยี่ยมประชาชน เป็นตัวอย่าง ไปแต่ตัวกับหัวใจ ไม่ต้องไปเกณฑ์ใครมาต้อนรับ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีเกษตรฯ ผู้รับผิดชอบ กรมชลประทาน ก็ไปลงพื้นที่สกลนคร สั่งการให้กรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มอีก 20 ตัว จาก 4 ตัว เป็น 24 ตัว เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำก่ำไปลงแม่น้ำโขง ทำไมกรมชลฯคิดเองไม่เป็น
การแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลในวันนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้นจากน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ผ่านไป 6 ปีทุกอย่างเหมือนเดิม แผนแก้ปัญหาน้ำท่วม และบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท ที่เปลี่ยนชื่อกันหลายครั้ง ปรับงบกันหลายหน ทำไมยังไม่มีแผนรับมือน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำ ทุกอย่างยังแก้กันตามยถากรรมเหมือนเดิม
แม้แต่ Floodway เส้นทางผันน้ำ 2 สาย ใน ฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยา 270 กม. ผ่าน 6 จังหวัด ฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา 300 กม. ผ่าน 7 จังหวัด ก็ไม่มีใครรู้ไปถึงไหน
6 ปีที่ผ่านไป กลายเป็น วันเวลา 6 ปีของคนไทยที่หายไป อย่างน่าเสียดายยิ่ง.
“ลม เปลี่ยนทิศ”