หากจะเริ่มต้นว่า หม่อมเจ้าหญิงจากสยามพระองค์หนึ่ง ลี้ภัยจากแผ่นดินไทย ไปเป็นพระราชเทวีเขมร...นักเลงหนังสือรุ่นเก่า ที่ไม่พลาด “วรรณกรรมกระซิบ” จากการอ่าน “โครงกระดูกในตู้” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช...คงเคยรู้อยู่บ้าง
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด เป็นพระธิดา กรมขุนวรจักรธรานุภาพ (พระองค์เจ้าปราโมช) โอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จพ่อนำไปถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ตั้งแต่เยาว์วัย
เติบโตในวัง เสมือนพระเจ้าลูกเธอ ...แม้จะถูกแอบนินทา “ลูกเธอปลอม” แต่ทรงมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ โดยเฉพาะกับรัชกาลที่ 5
ในวัยปลาย โปรดหลาน...ขอเอาไปเลี้ยง มักปลุกหลานเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังตอนดึกๆ เรื่องต่อนี้ จริงมากจริงน้อย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ฟังจากปากท่านป้าเอง
สนิทสนมคุ้นเคยมากกับพระพุทธเจ้าหลวงสนิทขั้นหาเรื่องรังแกได้เรื่อยๆ
ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระจอมเกล้า มีพระดำรัสใช้ให้พระพุทธเจ้าหลวง ไปหยิบของบนหอพระ ท่านป้าก็แอบไปนั่งข้างทวาร พอเสด็จกลับลงมา ท่านก็ยื่นขาออกไปขัดพระชงฆ์ ทำให้ทรงล้มลง ตกอัฒจันทร์พระที่นั่ง
สมเด็จพระจอมเกล้า กริ้วว่า “ซุ่มซ่ามเซ่อซ่า” แต่พระพุทธเจ้าหลวง ก็ทรงนิ่งเสีย ไม่กราบทูลว่าเพราะผู้ใด แทนที่ท่านป้าจะระลึกถึงพระเดชพระคุณ ท่านกลับเห็นว่าท่านเก่ง รังแกพระราชกุมารพระองค์ใหญ่ได้
พอโตเป็นสาว ท่านหญิงฉวีวาดเป็นสตรีสวย ฉลาด ความคิดทันสมัย และถือพระองค์ “ไม่ยอมใคร”
ใคร...หรือคนแรกที่รับรู้รสชาติท่านป้า คือพระองค์เจ้าคัคณางคยุคล โอรสรัชกาลที่ 4 ทรงหลงรัก เจรจาสู่ขอแล้วก็ส่งเครื่องเพชรเครื่องทองมากมายมาเป็นของหมั้น ท่านก็รับไว้
แต่เมื่อทราบว่าฝ่ายชายมี “หม่อมสุ่น” อยู่แล้ว ก็ทรงยื่นคำขาดขอให้เลิก พระองค์เจ้าคัคณางฯต่อรองจะยกท่านป้าเป็นเมียแต่ง ให้เป็นใหญ่อยู่ในวัง ท่านป้าก็เทของหมั้นออกหน้าต่าง
...
เรื่องรักๆใคร่ๆของเจ้านาย...เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่น่าเชื่อว่า เรื่องเล็กๆเรื่องนี้ กลับเป็นเหมือนรอยปริแยก รอยแรกของสามขั้วอำนาจทางการเมือง เป็นเรื่องใหญ่ ระดับแยกแผ่นดินได้ในเวลาต่อมา
พ.ศ.2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...ทรงปฏิรูปการเก็บภาษี มาไว้ที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ กระทบกระเทือนเจ้านายและขุนนาง
ช่วงเวลานั้น อังกฤษ ฝรั่งเศส กำลังเล่นลีลา นักล่าอาณานิคม
วังหน้าเคยมีรายได้แผ่นดิน 1 ใน 3 เลี้ยงดูทหาร 2,000 นาย ไม่รวมข้าราชบริพาร เมื่อรายได้ลด วังหน้าแสดงปฏิกิริยา เรียกคนหัวเมืองเข้ามาเพิ่มกำลังทหาร ทางวังหลวงก็รู้ดี เตรียมสรรพกำลังตั้งรับ
เกิดเหตุโรงแก๊สในวังหลวงไฟไหม้กลางดึก ทิศทางไฟ...ส่อเป็นอันตรายต่อรัชกาลที่ 5
ในคืนนั้น กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ก็ได้รับบัตรสนเท่ห์ ขู่ปลงพระชนม์ ร้อนพระองค์หนีออกจากวัง ไปพึ่งนายโทมัส ยอร์ชน็อกซ์ กงสุลอังกฤษ ซึ่งเคยฝึกทหารให้วังหน้ามาก่อน
ในรอยร้าวใหญ่มีข่าวลือ...ฝรั่งจะแบ่งแผ่นดินเป็นสองเป็นสามส่วน
ในความตึงเครียดทางการเมืองนี้...หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ซึ่งทรงประชดชีวิตรักวังหลวง แต่งงานกับพระองค์เจ้าเฉลิมลักษณวงศ์ โอรสวังหน้า ก็แสดงออกชัดถึงการเลือกข้าง ขนคณะละครหลวงลงเรือใบ หนีไปเมืองเขมร
เรื่องเล่าจากปาก “ท่านป้า” ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์เล่าไว้ ตั้งแต่การเป็นพระราชเทวีกษัตริย์กัมพูชา มีพระโอรสองค์หนึ่ง...และอีกหลายๆเรื่อง มีผู้รู้...ติดตามเฉลยต่อมา...ฟังได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
รวมถึงปม “สามเส้าการเมืองสยาม” ยุคนั้น คลี่คลายอย่างไร ชีวิตท่านป้าจบลงแบบไหน ขออนุญาต...เล่าในวันต่อไป.
กิเลน ประลองเชิง