โดนัลด์ ทรัมป์ (ภาพ : AP)

มีเสียงยี้ทรัมป์ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำอะไรไม่รู้ เพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือน ก็ออกคำสั่งปลดคนโน้น ไล่คนนี้ ทั้งที่บางคนที่โดนให้ออกเคยร่วมทุกข์สุขกันมาตอนหาเสียง

ศุกร์และจันทร์ที่ผ่านมา ผมรับใช้เรื่องทรัมป์ปลดโคมีย์ อดีต ผอ.เอฟบีไอ เรื่องทรัมป์กดดันให้เซสชันส์ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม รวมทั้งทรัมป์หาทางให้มุลเลอร์ อดีต ผอ.เอฟบีไอ ซึ่งตอนนี้เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษของกระทรวงยุติธรรม พ้นจากตำแหน่ง

ฐานะประมุขสูงสุด ทรัมป์น่าจะเก็บสมองไว้ตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ แต่นิสัยผู้จัดการสันดานเสมียน ทำให้แกล้วงลูกงานเล็กงานใหญ่ไปทุกหน่วย ตอนนี้มีข่าวว่า ทั้งเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ และเอช.อาร์.แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ บ่นว่าพวกตนทำงานแบบไม่มีอำนาจตัดสินใจ และเมื่อทำงานไปได้สักพัก ก็จึงทราบว่า จุดยืนของพวกตนต่างจากประธานาธิบดีอย่างมาก

อ้าว มีข่าวล่ามาเร็วแจ้งว่า ทรัมป์ปลดไรน์ซ พรีบัส ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีซะแล้ว และตั้งพลเอก จอห์น เคลลี รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มาทำหน้าที่แทน

พรีบัสทำงานตำแหน่งประธานคณะทำงานฯ ได้เพียง 189 วันก็ออก ต่อไปก็คงไม่มีใครเชื่อมระหว่างทรัมป์กับกลุ่มผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกันแล้ว ผู้อ่านท่านเตรียมฟังข่าวความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับผู้ใหญ่ในพรรครีพับลิกันเถิด ต่อไปในอนาคต กฎหมายหลายฉบับที่ทรัมป์อยากให้ผ่านสภาคองเกรส ก็จะผ่านได้ยากมากขึ้น ทรัมป์ทิ้งตัวช่วยในการทำงานของตนลง ตะกร้าบ่อยขนาดนี้ คงบริหารงานต่อไปด้วยความยากลำบากแน่

จอห์น แมคเคน อดีตผู้สมัครประธานาธิบดีและเป็นสมาชิกวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันวิจารณ์ว่า เรื่องวุ่นวายขายปลาช่อนในทำเนียบประธานาธิบดีทำให้สภาคองเกรสไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน และก็แมคเคนนี่แหละครับ ที่เป็นหนึ่งในบรรดา ส.ว.พรรครีพับลิกันที่โหวตคัดค้านการยกเลิกโครงการประกันสุขภาพสหรัฐฯ ACA หรือโอบามาแคร์ของพรรคเด็มโมแครตที่ถูกผ่านไปแล้วในสมัยประธานาธิบดีโอบามาเมื่อ พ.ศ.2553

...

ตอนที่กำลังรณรงค์หาเสียง ทรัมป์บอกผู้สนับสนุนว่าจะยกเลิกโอบามาแคร์ แต่เพราะมี ส.ว.พรรครีพับลิกันบางส่วนไม่โหวตให้ผ่าน ทำให้สิ่งที่ทรัมป์หาเสียงไว้เป็นไปไม่ได้ ตามด้วยความโกลาหลอลหม่านภายในพรรครีพับลิกัน

นอกจากสร้างความวุ่นวายขายปลาช่อนในทำเนียบประธานาธิบดีของตนเอง และสร้างความไม่เป็นเอกภาพในหมู่สมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันแล้ว ทรัมป์ยังสร้างความวุ่นวายให้เกิดในสังคมอเมริกันอีกด้วย

ผลการศึกษาของสถาบันแรนด์ คอร์เปอเรชัน บอกว่ามีบุคคลข้ามเพศปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองทัพสหรัฐฯ ประมาณ 2,500 คน และอีก 1,500 คน เป็นสมาชิกของกองกำลังสำรอง ทำให้มีคำสั่งห้ามบุคคลข้ามเพศที่เปิดเผยตัวตนเข้ารับราชการในกองทัพสหรัฐฯ

พ.ศ.2559 โอบามาออกคำสั่งยุติการห้ามบุคคลข้ามเพศที่เปิดเผยตัวตนเข้ารับราชการในกองทัพ ทำให้มีเสียงเฮจากพวกคนข้ามเพศ และทำให้นายทหารหลายพันคนที่เป็นบุคคลข้ามเพศไม่ต้องถูกออกจากราชการด้วยข้อหาทางเพศสภาพ

เพราะเป็นคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี ทำให้กองทัพต้องเตรียมรับคนข้ามเพศสมัครเข้าเป็นทหารใน พ.ศ.2560 แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีสุขภาพกายและใจแข็งแรงพร้อมที่จะเป็นทหาร และต้องมีความมั่นคงต่อเพศที่ตนเองเลือกเป็นเวลาอย่างน้อย 18 เดือน

ขณะที่บุคคลข้ามเพศส่วนหนึ่งเตรียมสมัครเป็นทหาร รัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ก็มีคำสั่งให้ “เลื่อน” การอนุญาตให้บุคคลข้ามเพศเข้ารับราชการทหารไปอีก 6 เดือน ทำให้เกิดการต่อต้านและความกังวลใจต่อผู้คนที่ให้การสนับสนุนบุคคลข้ามเพศเป็นอันมาก

แล้วก็เหมือนฟ้าผ่าลงไปกลางวงของคนที่หนุนคนข้ามเพศ วันพุธของสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศว่า ตนได้ใช้อำนาจของประธานาธิบดีไม่อนุญาตให้บุคคลข้ามเพศเข้ารับราชการทหารในกองทัพสหรัฐฯอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะในตำแหน่งใดทั้งสิ้น

ผมอ่านข่าวสหรัฐฯมาหลายปีดีดัก ไม่เคยเจอประธานาธิบดีคนไหนวุ่นวายและแย่ขนาดทรัมป์เลยครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com