ยิ่งตรวจสอบก็ยิ่งบานปลายขบวน การโกงเงินวัดหรืองาบเงินทอน ไม่ได้มีเพียงไม่กี่วัด และรัฐสูญเสียเงินไปประมาณ 60 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวในระยะแรก พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) แถลงว่า จากการขยายผลสืบสวนสอบสวนย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2559 พบว่ามีวัดทั่วประเทศ เข้าข่ายทำผิดอีก 476 วัด โดยไม่ได้รวมกับ 60 วัด ในชายแดนภาคใต้ ที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบตัวอย่างที่ชัดเจนของการกระทำผิด จากการเปิดเผยของที่ปรึกษากฎหมายของวัดพนัญเชิงวรวิหาร อยุธยา เมื่อปี 2555 มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โทร.ถึงเจ้าอาวาส แจ้งว่า พศ.มีเงินอุดหนุนวัด 10 ล้าน แต่มีเงื่อนไขว่าให้วัดรับไปแค่ 2 ล้านบาท และทอนคืนเจ้าหน้าที่ 8 ล้าน เพื่อเอาไปถวายวัดที่ยากจนต่อมาในปี 2557 เจ้าหน้าที่ พศ.คนเดิม เสนอให้เงินอุดหนุน 10 ล้านบาท แต่คราวนี้ขอเงินทอนเพียง 5 ล้านบาท ตามสูตร “วัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง” แม้แต่วัดดังแห่งหนึ่งใน กทม. ก็มีข่าวทอนเงินให้เจ้าหน้าที่ พศ. 7 ล้านบาท แต่เจ้าอาวาสยืนยันไม่รู้ไม่เห็นรัฐบาลมีงบประมาณอุดหนุนวัดทั่วประเทศ ปีละประมาณ 4 พันล้านบาท โดยให้ พศ.เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ แต่กลับกลายเป็นเรื่องเศร้า เป็นโศกนาฏกรรม เพราะ พศ.มีอำนาจหน้าที่ปกป้องพิทักษ์พระพุทธศาสนา แต่ทำให้วัดและพระพุทธ-ศาสนามัวหมอง เพราะระบบการจ่ายเงินที่หละหลวม มีช่องโหว่ให้กลุ่มมิจฉาชีพโกงกินเงินวัดแม้ผลการตรวจสอบจะพบว่า มีการทุจริตเงินวัดมาเป็นเวลานาน มีเจ้าหน้าที่ระดับอดีต ผอ. (เทียบเท่าอธิบดี) เกี่ยวข้อง แต่ พศ.เองกลับไม่ได้ระแคะระคาย ฝ่ายที่ตรวจสอบพบกรณีที่ทำให้ พศ.งามหน้า กลาย เป็นหน่วยงานอื่น เช่น ตำรวจ ปปป., ปปง. และ สตง. เป็นต้น วัดซึ่งน่าจะเป็นสถาบันที่โปร่งใสที่สุด กลายเป็นสถาบันที่น่าระแวงสงสัยผลการตรวจสอบ 12 คดีแรก พบว่า มีผู้กระทำผิด 10 ราย ถูกแจ้งข้อหาแล้ว 5 ราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ พศ. และยังมีพระภิกษุรูปหนึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นและสนับสนุน เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะถ้าตรวจสอบเกือบ 500 วัด ไม่ทราบว่าจะมีพระภิกษุเกี่ยวข้องอีกกี่รูป นอกจากต้องโทษอาญาแล้ว ยังอาจผิดพระวินัยข้อกล่าวหาใน 12 คดีแรก ได้แก่ ความผิดกฎหมายอาญามาตรา 147 ฐานเบียดบังทรัพย์เป็นของตน มีโทษหนักจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึงตลอดชีวิต หากพระภิกษุถูกกล่าวหาเบียดบังทรัพย์ นอกจากต้องโทษอาญาแล้ว ยังอาจผิดพระวินัยฐานปาราชิก ต้องขาดจากความเป็นภิกษุ ถ้าโดนกันหลายรูป อาจวุ่นวายใหญ่โต กระทบรุนแรงต่อวัด และพระศาสนา.