นายกฯทูลเกล้าฯ ครม.อนุทิน 1 เรียบร้อย พร้อมปัดฝุ่นเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ รวมไทยสร้างชาติ แตกกระจายหลัง “เอกนัฏ” ควง 2 สส.ชุมพร-ทีมพลังชุมพรดินเนอร์กับ “อนุทิน” ประเดิมเปิดตัวร่วมงานภูมิใจไทยเลือกตั้งครั้งหน้า “โกเกี๊ย” แกนนำแดนสะตอค่ายน้ำเงินอ้าแขนรับ แพลมไต๋นักการเมืองระดับบิ๊กเนมภาคใต้ ตามมาอีกเป็นระลอก บ้านใหญ่สุราษฎร์นี้ตระกูล “กาญจนะ” สอง สส.ตรัง ประชาธิปัตย์มาด้วย ตั้งเป้า กวาด สส.ปลายด้ามขวาน 30 คน “ขิง” นำทัพแตกหัก “เสี่ยตุ๋ย” ทิ้งเก้าอี้เลขาฯรวมไทยสร้างชาติ “พีระพันธุ์” สู้ต่ออีกเฮือก แจงไม่เคยดีลขอเป็นนายกฯ นามเพื่อไทย แกนนำ รทสช.ที่เหลือมั่นใจ 2-3 วัน ฝุ่นหายตลบเตรียมยกเครื่องพรรคใหม่ “ชัช” พร้อมขึ้นเป็นแม่บ้านคนใหม่ พท.ข้องใจดีลลับสุดพิสดาร ภท.- ค่ายส้ม ไม่ตรวจสอบรัฐบาลเสียงข้างน้อยทำผิด MOA ปชน.ขู่จับตาใกล้ชิดตระบัดสัตย์ข้อตกลงเจอดีหลังตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเสร็จเรียบร้อย ทำให้พรรคภูมิใจไทยเนื้อหอม โดยมี สส.กลุ่มการเมืองทยอยเข้าร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง ล่าสุดก๊วน สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้ากับพรรคภูมิใจไทยแล้ว“อนุทิน” ทูลเกล้าฯ ครม.อนุทิน 1 แล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 68 เวลา 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี สส. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินเข้าไปที่ห้องประชุมสภาฯ ที่กำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ล้มละลาย นายอนุทิน ได้เจอกับนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ได้ยกมือไหว้ และยืนพูดคุยกัน จากนั้นนายอนุทินเดินไปทักทาย สส.พรรคภูมิใจไทย ที่อยู่บริเวณหลังห้องประชุม ก่อนเดินไปนั่ง ทั้งนี้นายอนุทินอยู่ในห้องประชุมสภาประมาณ 35 นาที ก่อนเดินทางออกจากสภา โดยผู้สื่อข่าวถามว่าขั้นตอนการทูลเกล้าฯรายชื่อ ครม. ไปถึงไหนแล้วนายกฯ ตอบว่า “เสนอแล้วครับ” เมื่อถามว่าตอนนี้ก็คือรอใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า “ใช่ ครับ” เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรคภูมิใจไทยเนื้อหอม มีกลุ่ม สส. และ สจ.จังหวัดชุมพร แห่มาสมัครเป็นสมาชิกกันมาก นายอนุทินหันมายิ้มแต่ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามย้ำว่าจะพูดอะไรถึงนายชุมพล จุลใส ที่มาสมัครสมาชิกพรรค ภท.หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อะไรนะ เมื่อถามอีกว่าวันนี้จะไปไหนต่อ นายอนุทิน ยิ้มไม่ได้ตอบ ก่อนกล่าวว่าขอไปทำธุระก่อน จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์ออกไปจากสภาทันทีรัฐบาลเดินหน้าแลนด์บริดจ์ส่วนนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกฯและ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงการเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ โครงการแลนด์บริดจ์ว่าโครงการเกิดหรือไม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯให้สัมภาษณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเดินหน้าต่อไป โครงการนี้เริ่มต้นจากสมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็น รมว.คมนาคม ที่จะสร้างระบบราง ถนน ระบบท่อของ 2 ฝั่ง ในทะเลอันดามันและอ่าวไทย สร้างอาชีพให้กับคนไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง ถ้าไม่สานต่อในวันนี้ ชะลอไปเรื่อยๆ โอกาสคงไม่เกิด 4 เดือนก็ผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์ ส่วนการทำอีไอเอ เท่าที่ทราบน่าจะทำไปได้ไกลแล้ว“ขิง” ควง “ลูกหมี” 2 สส.ชุมพรกินข้าว “หนู”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16 ก.ย. มีกระแสข่าวนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อเตรียมนำสมาชิกในกลุ่มไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปรากฏว่า ช่วงค่ำวันที่ 16 ก.ย. นายเอกนัฏ นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายสุพล จุลใส สส.ชุมพร นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรค รทสช. นายนพพร อุสิทธิ์ หรือนายกโต้ง นายก อบจ. ชุมพร ภายใต้ทีมพลังชุมพร รับประทานอาหารร่วมกับอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค ภท. ที่ร้าน T House ถนนพระราม 6 กทม. โดยเป็นไปอย่างชื่นมื่นเปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกภูมิใจไทยเมื่อเวลา 09.00 น. ที่พรรค ภท. นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร นำ 2 สส.ชุมพรรค พรรครทสช. รวมถึงนายนพพร อุสิทธิ์ พร้อมทีมพลังชุมพร เปิดตัวร่วมงานพรรค ภท.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท. มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรค ภท. และ สส.ภาคใต้ของพรรค ภท.ให้การต้อนรับ ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรค ภท.กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ หัวหน้าพรรค ภท.ในการทำงาน และการมีเจตจำนงสนับสนุนพรรค ภท.ในการเลือกตั้งสมัยหน้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มั่นใจจะมี สส.ในชุมพร ที่พรรค ภท.ไม่เคยมีมาก่อน“ชุมพล” ปัดไม่เกี่ยวศึกภายใน รทสช.ด้านนายชุมพล จุลใส กล่าวว่า มั่นใจพรรคภท.สามารถนำพาประเทศไปได้ และทำทุกอย่างให้ประเทศมั่นคง เดินไปข้างหน้าได้ จุดยืนของตนทำเพื่อประเทศไทย ไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตัว สส.พรรค รทสช. ที่มาด้วยวันนี้เพื่อให้กำลังใจก่อน ทีมพลังชุมพรนั้นมากันร่วมกว่า 50 ชีวิต เราไปกันยกทีม เมื่อถามถึงกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรค รทสช. นายชุมพลตอบว่า ไม่ได้มีปัญหากับใครเป็นเรื่องภายในพรรค ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่วันนี้พาทีมงานมาให้กำลังใจนายกฯและพรรค ภท. เมื่อถามว่าจากที่สัมผัสภายในพรรค รทสช.มีแนวคิดต่างกันมากหรือไม่ ไปต่อกันไม่ได้จริงๆใช่หรือไม่ นายชุมพลตอบว่า มันไปต่อกันไม่ได้ ส่วนกับนายเอกนัฏ ก็ได้มีการพูดคุย นายเอกนัฏก็บอกไปต่อกันยาก แต่ไม่ได้ขัดแย้งกันไม่มีเรื่องทะเลาะกัน เมื่อถามย้ำว่า นายเอกนัฏได้พูดคุยถึงอนาคตทางการเมืองบ้างหรือไม่ นายชุมพลตอบว่า มีการพูดคุย แต่รายละเอียดต้องไปถามเจ้าตัวเองดีกว่า ไม่สามารถตอบแทนได้ แต่เราเจอกันตลอด เมื่อถามว่าการมาสมัครสมาชิกพรรค ภท.ของกลุ่มชุมพร ได้พูดคุยกับนายเอกนัฏหรือไม่ นายชุมพลตอบว่า รับทราบครับแย้มมี “บิ๊กเนม” แดนสะตอตามมาอีกขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวถึงความมั่นใจจะได้ สส.ภาคใต้เพิ่มในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ว่า เรื่องนี้คงตอบไม่ได้ เป็นสิ่งที่คนใต้ในแต่ละจังหวัดจะตัดสินใจ เมื่อถามว่าหลังจากนี้มีบิ๊กเนมทางการเมืองเข้าพรรค ภท.หรือไม่ นายพิพัฒน์ตอบว่า ได้รับมอบหมายจากพรรค ภท.ให้คุยกับเพื่อนนักการเมืองใน 14 จังหวัดภาคใต้ ถึงอุดมการณ์ร่วมกันทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ จะมีเพื่อนนักการเมืองเข้ามาร่วมอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลาจากนั้นนายพิพัฒน์ได้สวมเสื้อพรรค ภท. ให้นายนพพร นายก อบจ.ชุมพร และนายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ สจ.ชุมพร ก่อนสวมกอดนายชุมพล พร้อมชูมือถ่ายรูปร่วมกันบ้านใหญ่ใต้จ่อซบหวัง สส. 30 ที่นั่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรค ภท.เตรียมทยอยเปิดตัวบ้านใหญ่ “กาญจนะ” ที่นำโดยนายชุมพล กาญจนะ และนางโสภา กาญจนะ นายก อบจ. สุราษฎร์ธานี เข้ามาสังกัดพรรค ภท.อีก รวมถึงเตรียมทาบทามโกหนอ หรือนายสมชาย โล่สถาพร พิพิธ ที่ดูแล สส.ตรัง 2 คนคือ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรค ปชป. นายกาญจน์ ตั้งปอง สส.ตรัง พรรค ปชป. มาร่วมศึกเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย หลังนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. ประกาศไม่ไปต่อ ส่วนนายทวี สุระบาล สส.ตรัง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แนวโน้มย้ายมาพรรค ภท. เช่นเดียวกับกลุ่มของนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่มีลูกชายคือ นายสรรเพชญ บุญญามณี เป็นสส.สงขลา และนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรค ปชป. เตรียมตัดสินใจย้ายมาร่วมพรรค ภท. โดยพรรค ภท.จะส่งผู้สมัครครบทุกเขตในพื้นที่ภาคใต้ และตั้งเป้าจะได้ สส. 30 คนขึ้นไป“เอกนัฏ” ไขก๊อกแตกหัก “พีระพันธุ์”ขณะที่ความเคลื่อนไหวพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลังเกิดกระแสข่าวเกิดความขัดแย้งระหว่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค โดยนายเอกนัฏและ สส.ในกลุ่มเตรียมลาออกจากกรรมการบริหารพรรคนั้น เมื่อเช้าวันที่ 17 ก.ย. นายเอกนัฏ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคอย่างเป็นทางการแล้ว รวมถึงนายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ได้ยื่นใบลาออกจากรองหัวหน้าพรรค และนายนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ได้ยื่นหนังสือลาออกจากโฆษกพรรค เช่นกัน ขณะเดียวกัน ต้องติดตามท่าที สส.กลุ่มนายเอกนัฏ กว่า 11 คน ที่มีการนัดรับประทานอาหารค่ำวันเดียวกันนี้“พีระพันธุ์” ยันไม่เคยดีลขอเป็นนายกฯเมื่อเวลา 16.40 น. ที่พรรค รทสช. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า กรณีที่นำเสนอความเห็นทางการเมือง โดยนำชื่อของตนเข้าไปเกี่ยวโยงกับการเลือกนายกฯ จนสร้างความสับสนในสังคมนั้น ขอยืนยันข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีการหยิบยกชื่อของตนเข้าสู่การเจรจาใดๆ ยืนยันได้จากการหารือร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่โรงแรมปริ๊นเซส นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าจะเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมพิจารณา ในทางการเมืองก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเสนอชื่อบุคคลจากพรรคอื่น ข่าวที่ออกมาจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง อาจสร้างความเข้าใจผิดได้ ที่ผ่านมาตนมุ่งทำงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก ไม่เคยหวังได้ตำแหน่งอะไร และไม่เคยอยู่ในสมการใดๆในการเลือกนายกฯ“วิทยา” ลั่นถ้า “ตุ๋ย” ยังสู้พร้อมไปต่อด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ยังไม่มีความชัดเจนใครจะมาเป็นเลขาธิการพรรคแทนนายเอกนัฏ ขณะนี้สมาชิกที่อยู่ในกลุ่มนายพีระพันธุ์กำลังดูอยู่ว่ามีใครอยู่บ้าง ฝุ่นยังตลบอยู่ และกรรมการบริหารพรรคก็หาใครมารักษาการแทนไปก่อนจะจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ ยืนยันว่าพรรค รทสช.ยังคงสู้ต่อไป ถ้านายพีระพันธุ์สู้ต่อก็ต้องสู้กันต่อไป แต่ถ้าหยุดแต่ละคนก็กลับบ้าน ส่วนตัวไม่คิดถอยหลังกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีก เชื่อ 2-3 วันนี้ทุกอย่างคงจบ รอให้มีการตั้งรัฐบาลให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ส่วน สส.ที่เหลือต้องมาคุยกันถึงการทำหน้าที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือสนับสนุนรัฐบาล ขณะนี้รอทุกอย่างชัดเจนมีการเรียกประชุมพรรค“ชัช” พร้อมนั่งแม่บ้านคนใหม่นายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ร่วมด้วย โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันไม่ท้อจะสู้ต่อ ที่เหลืออยู่ขณะนี้ยังมีอีกหลายคน เชื่อพรรค รทสช.ไปได้ จากนี้คงต้องยกเครื่องพรรคใหม่ ส่วนจะให้ใครเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่นั้น ยังไม่รู้ อยู่ที่หัวหน้า โดยนายวิทยาก็ได้มาพูดบอกให้ตนเป็น แต่ถ้าหัวหน้าให้เป็น ตนก็เป็นได้“ชูศักดิ์” รอดูจังหวะสอยค่ายน้ำเงินหรือไม่เมื่อเวลา 12.20 น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณียื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทยที่ทำ MOA กับพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า พรรค พท.ไม่ได้มอบหมายให้ใครทํา MOA แต่มีสมาชิกบางส่วนที่รู้จักมักคุ้นกัน หรือติดต่อมาลองทํากันดู ท้ายที่สุดสิทธิ์ขาดอยู่ที่พรรค พท. แม้รับเรื่องนี้เอาไว้แล้วก็ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค พท.มาดูว่าใช้ได้หรือไม่ และรอให้โปรดเกล้าฯ ครม.ก่อนค่อยตัดสินใจเดินหน้าหรือไม่ เมื่อถามว่าพรรค ปชน.ไม่อยากให้มีการทำลายล้างทางการเมือง นายชูศักดิ์ตอบว่า ไม่ได้ทำลายล้าง เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจ เมื่อถามถึงการเตรียมพร้อมอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา นายชูศักดิ์ตอบว่า คณะทำงานมีการเตรียมการอภิปรายไว้เรียบร้อย เชื่อว่าคำแถลงนโยบายไม่ยาว เพราะรัฐบาลอยู่แค่ 4 เดือน เมื่อถามถึงกระแสข่าว น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายชูศักดิ์ตอบว่า ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น เย้ย ปชน.รับผิดชอบเป็นนั่งร้านให้ ภท.น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อาทิ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ดินเนอร์มื้อเย็นกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณรวมขั้วรัฐบาลว่า MOA พรรคประชาชน (ปชน.) ระบุไม่ให้พรรคภูมิใจไทยดำเนินการใดๆให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากและรักษาสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปไม่ได้เลย พรรค ปชน.ที่เป็นนั่งร้านพรรคภูมิใจไทยกำลังออก ดอกออกผลให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยกลายเป็นพลังดูด สส.และนักการเมืองเข้ามาเสริมกำลังให้รัฐบาลอยู่ดี พรรค ปชน.จะรับผิดชอบอย่างไร รวมถึงกรณีแก้ รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้ด้วย ที่อุปสรรคแท้จริงอยู่ที่ สว.บางส่วนไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญพท.ข้องใจดีลลับ ภท.–ค่ายส้มนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคพท. กล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ้ายค้านของพรรคประชาชนว่า ปรากฏการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นส่อเจตนาขัด MOA ระหว่างพรรค ภท.กับพรรค ปชน. ที่ระบุว่าพรรคภท.ต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก หรือพรรค ปชน.แกล้งหลับหูหลับตา รอให้พรรค ภท.มีเสียงเกินครึ่งเด็ดขาดก่อน จึงจะออกมาวิจารณ์เรื่องนี้เมื่อสาย ส่วนกรณีแก้รัฐธรรมนูญ ที่พรรค ปชน.รู้ดีว่าที่ผ่านมาติดขัดความร่วมมือของพรรค ภท.และ สว. ที่พรรค ปชน.กล่าวขานว่าเป็น สว.สีน้ำเงิน แต่การขับเคลื่อนในรอบนี้กลับไม่มีการเรียกร้องจากหัวหน้าพรรค ภท.ให้ส่งสัญญาณชี้ทาง สว. เหมือนแต่ก่อน แต่ปล่อยให้ สว.จำนวนหนึ่งออกมาชี้ช่องเปิดทางคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่ทางพรรคการเมืองกำลังจะเสนอ จนต้องตั้งข้อสังเกตว่าพรรค ปชน.และพรรค ภท.จริงใจร่วมกันต่อต้านการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แค่ไหน หรือจะเป็นมวยล้มต้มคนดูโยนบาปให้ สว. แล้วลอยตัวไม่รับผิดชอบต่อข้อตกลงที่ทำร่วมกันเองเหมือนเดิม ทั้งนี้พรรค ปชน.สร้างวาทกรรมดีลแลกประเทศมาแปะป้ายพรรคการเมืองอื่น ในระหว่างที่พรรคตนทำข้อตกลงเป็นนั่งร้านให้พรรค ภท.ที่ชาวบ้านก็ยังกังขา ยิ่งประกาศยังคงเป็น ฝ่ายค้าน ไม่ร่วมรัฐบาล แต่กลับละเลยการวิจารณ์ในเรื่องที่เคยทำ ยิ่งทำให้ประชาชนคลางแคลงใจว่ามีดีลพิสดารอะไรซ่อนไว้อีกหรือไม่จับตาใกล้ชิด ภท.เบี้ยวข้อตกลง MOAที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มการเมืองเตรียมย้ายเข้าไปยังพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เพิ่มเติม อาจขัดต่อข้อตกลงระหว่างพรรค ปชน.กับพรรค ภท.ว่า หากมีกรณีเบี้ยวสัญญาตามที่ข้อตกลงห้ามกระทำการใดที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก พรรค ปชน.จับตาอย่างใกล้ชิด หากถึงจุดนั้นก็ดำเนินการตามมาตรการควบคุมการรักษาสัญญา เมื่อถามว่าหากพรรค ภท.บอกว่า ไม่ได้ดึงเขามาหาเอง จะเข้าข่ายผิดสัญญาหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า สัญญาเขียนชัดว่าถ้ามีความพยายามแปลงจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเสียงข้างมาก พรรค ปชน.จะดำเนินการใช้กลไกของรัฐสภา รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อย หากไม่รักษาสัญญา หากใครติดตามอย่างใกล้ชิดก็จะรู้ หากรอให้เกิดเหตุแล้วจะไม่ทันการณ์ จึงติดตามดูว่าความเสี่ยงนำไปสู่จุดนั้นหรือไม่ส่อง รมว.ยธ.เสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อนเมื่อถามว่ามีรายงานว่า รมว.ยุติธรรมเตรียมเช็กบิลคดีเขากระโดงกับคดีฮั้ว สว. กังวลหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า เป็น 2 ประเด็นที่จะรวมอยู่ในการอภิปรายคำแถลงนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนกรณี รมว.ยุติธรรม พรรค ปชน.เคยทักท้วงไปแล้ว ก็เข้าใจว่ามีการทบทวนไปรอบหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าทบทวนไปแล้วก็ยังคงเป็นอยู่ ชื่อใหม่ก็จริง แต่ดูสถานะที่มีความเสี่ยงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเหมือนเดิม หากมีการทบทวนอีกรอบหนึ่ง คิดว่าจะทำให้หลุดพ้นจากข้อครหานี้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อถามถึงรายงานข่าวว่า มีการข่มขู่ทั้งการรถไฟ อธิบดีกรมที่ดิน รวมถึงคนที่ทำคดีเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. นายพริษฐ์ตอบว่า หากประชาชนมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถส่งให้พรรค ปชน.ได้ ยืนยันทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างตรงไปตรงมา หากมีหลักฐานเรื่องการใช้อำนาจโดยมิชอบจะดำเนินการตามขั้นตอนปชน.ผุดโมเดล 2 คณะยกร่าง รธน.ใหม่สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 นั้น ช่วงบ่ายที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงพรรค ปชน.เสนอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกลไกเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ด้วยโมเดล 2 คณะ คือ คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และคณะผู้แทนประชาชนว่า มีความใกล้เคียงกับโมเดลที่เคยเสนอไปแล้ว ให้ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะการเลือก 2 ใบนั้น ไม่ได้ต่างกับการเลือก สส.เขต และ สส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้ซับซ้อนเกินไป แต่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม คณะผู้แทนประชาชนคล้ายกับสภาที่ปรึกษาหรือสภากํากับดูแล เป็นคนที่มีตัวแทนทุกจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง มีหน้าที่รวบรวมความเห็นจากประชาชน เมื่อมีความคืบหน้าของร่างก็นําไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ได้นํามายกร่าง เมื่อถามว่า มีกลไกป้องกันไม่ให้อิทธิพลการเมืองเข้ามาครอบงำผู้สมัคร เช่น กรณีฮั้ว สว.ที่ผ่านมาหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ไม่เหมือนการเลือก สว.อยู่แล้ว ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับการเลือก สว.เลยเพื่อไทยเปิดที่มา ส.ส.ร. 200 คนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังประชุมคณะทำงานของพรรค พท.ว่า โดยสรุปมีการลงมติว่าจะมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่ไม่ได้เลือกโดยตรงเป็นการเลือกโดยอ้อม แล้วให้รัฐสภามาคัดเลือก ส.ส.ร.จะมาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนแรกให้แต่ละจังหวัดไปเลือกตัวแทนที่ประสงค์มาเป็น ส.ส.ร. จํานวน 200 คน ผ่านการสมัคร และมาให้รัฐสภาเลือกให้เหลือ 100 คน มีเงื่อนไขน้อยที่สุดคือเลือกจังหวัดละหนึ่งคน เนื่องจากอาจมีการทุ่มเทบางจังหวัดที่เป็นฐานเสียงของรัฐบาล ทั้งนี้ควรมีตัวแทนจากองค์กรทั้งหลายในประเทศ ทั้งทางด้านประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม เช่น ตัวแทนจากคณบดีคณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาท้องถิ่น สภาทนายความ สื่อมวลชน และตัวแทนจากวิชาชีพทั้งหลาย เข้ามาเป็น ส.ส.ร.ด้วย รวมถึงอยากให้มีตัวแทนนิสิตนักศึกษาองค์กรต่างๆของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย อย่างน้อย 30-40 คน และให้ ส.ส.ร.ชุดนี้ ทําหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญให้สามารถไปตั้งกรรมาธิการคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วม คาดว่าจะตั้งไว้ประมาณ 140 คน ไม่อยากให้ใหญ่มาก ทั้งนี้ พรรค พท.ได้มอบหมายให้เลขาธิการฝ่ายกฎหมายไปยกร่าง ในวันที่ 19 ก.ย. เวลา 13.00 น. จะนําร่างทั้งหมดมาดูกัน เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และทําร่างนั้นเสนอร่างแก้ รธน.ฉบับ พท.ไม่โละอำนาจ “สว.”นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า คณะทำงานของพรรค พท.มีข้อสรุปจะเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 60 โดยเพิ่มหมวด 15/1 จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น โดยไม่แตะหรือแก้ไขรายละเอียด หรือเงื่อนไขในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ในมาตรา 256 เช่น การออกเสียงของ สว. 1 ใน 3 ในชั้นรับหลักการและวาระ 3 ถ้าไปกระทบต่อ สว.อาจไม่ได้รับความร่วมมือ สำหรับเนื้อหาการเพิ่มหมวด 15/1 มีข้อสรุปเบื้องต้น คือ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม จำนวน 150 คน โดยส่วนแรก คือ ให้ประชาชนแต่ละจังหวัดเลือก ส.ส.ร.ในจังหวัดของตนเอง ตามจำนวนที่คำนวณได้จากฐานประชากรของจังหวัด เป็นจำนวน 2 เท่าของ ส.ส.ร. จะได้ผู้ที่ผ่านการเลือกจำนวน 200 คน ให้รัฐสภาคัดเลือก ให้เหลือ 100 คน และส่วนที่สองมาจากการคัดเลือกขององค์กร สถาบันวิชาการที่กำหนดคุณสมบัติไว้ ประมาณ 50 คน สิ่งสำคัญที่กำหนดที่มาของ ส.ส.ร. คำนึงการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด แต่มีเงื่อนไขต้องไม่เป็นเลือกตั้งทางตรง ดังนั้นจึงให้จังหวัดเลือกตั้งผู้สมควรได้รับเลือกเป็น ส.ส.ร. และส่งให้รัฐสภาเลือกอีกชั้น โดยในชั้นของการเลือกผ่าน 77 จังหวัด จะไม่กำหนดคุณสมบัติที่สูงเกินไป ยึดแนวกำหนดคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้ามเหมือน สส. หรือ สว.ไอลอว์ค้านปม ส.ส.ร.เลือกตั้งทางอ้อมทางด้านความเคลื่อนไหวของภาคประชาชน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ นำโดยนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) เดินทางยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แสดงความไม่เห็นด้วย กับคำวินิจฉัยจัดทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนได้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง โดยเห็นว่าข้อความดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นเกินกว่าที่ผู้ร้องถาม รัฐสภามีอำนาจเต็มออกแบบให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เพื่อให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญยึดโยงกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงได้ เครือข่ายยืนยันอำนาจกำหนดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นของประชาชน และประชาชนใช้อำนาจนั้นผ่านรัฐสภาสว.สำรองร้อง พท.สอบปมร้อนฉ่าขณะเดียวกัน ที่รัฐสภา กลุ่ม สว.สำรอง นำโดยนายธนวัฒน์ ศรีสุจ และคณะ 10 คน ร่วมยื่นหนังสือถึงนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ติดตามคดีฮั้ว สว. และคดีที่ดินเขากระโดง โดยนายธนวัฒน์กล่าวว่า รู้สึกกังวลและห่วงใยในการทำคดีฮั้ว สว. เนื่องจากมีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อไปสอบปากคำพยาน 1,200 ปาก แต่มีมือที่มองไม่เห็นสั่งให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเดินทางกลับทันที ดังนั้นจึงมายื่นต่อพรรคเพื่อไทย เพื่อขอฝากให้ใช้กลไกสภาตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพราะคดีฮั้ว สว.เป็นคดีความมั่นคงต่อรัฐ มีองค์ประกอบพิเศษ ที่เป็นคดีที่กระทบต่อโครงสร้างรัฐ และเสถียรภาพของประเทศ และยังพบว่ามีการจัดตั้งเครือข่ายผู้ควบคุมอำนาจนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร เข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 และ 114 ฐานกบฏและล้มล้างการปกครองหรือไม่ อย่างไรกรมที่ดินชะลอคำสั่งเพิกถอนเขากระโดงเมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตอธิบดีกรมที่ดิน แถลงกรณีการดำเนินการกับที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ หลังกระทรวงมหาดไทยยุคนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ที่คณะกรรมการมีมติให้กรมที่ดินเดินหน้าเพิกถอนโฉนดว่า กรมที่ดินได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นว่า ที่ผ่านมากรมที่ดินได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว ทั้งตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ ภาค 3 คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ประกอบกับปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก็ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางแล้ว ดังนั้นทุกฝ่ายจึงควรรอผลคำพิพากษาของศาล อันจะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับหลักประกันความเป็นธรรมตามกระบวนการจากองค์กรตุลาการที่ได้รับการยอมรับ หาก รฟท.เห็นว่ามีสิทธิในที่ดินดีกว่า ก็ไม่ตัดสิทธิ รฟท.ที่จะไปใช้สิทธิทางศาลยุติธรรมแจง “ทักษิณ” ไม่ได้เลี้ยงพิซซ่าในเรือนจำนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายเผด็จ หริ่งรอด ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ทราบว่า วันที่ 13 ก.ย. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เลี้ยงพิซซ่านักโทษ เจ้าหน้าที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้คุมเรือนจำที่มาช่วยดูแลความปลอดภัย การจราจร และอำนวยความสะดวกด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม แต่ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ได้รับการยืนยันจาก ผบ.เรือนจำฯว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ โดยนายทักษิณอยู่ในแดนพยาบาล กิจวัตรส่วนใหญ่ยังคงชอบอ่านหนังสือ ส่วนสุขภาพวันที่ 16 ก.ย. เรือนจำฯมีการคัดกรองด้วยวิธีการเอกซเรย์ นำรถเอกซเรย์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกกันว่ารถโมบายเอกซเรย์พระราชทาน เข้าเอกซเรย์ปอดให้กับผู้ต้องขัง เพื่อคัดกรองวัณโรคเชิงรุกให้แก่ผู้ต้องขังรับใหม่ นายทักษิณได้รับการเอกซเรย์ปอดเรียบร้อยแล้ว รอแพทย์นัดฟังผลการเอกซเรย์ โดยรวมสุขภาพร่างกายนายทักษิณไม่น่าเป็นกังวล ส่วนจะให้นายทักษิณเป็นผู้ช่วยเรือนจำด้านงานวิชาการ ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น รอสักระยะก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 17 ก.ย. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณแต่อย่างใด โดยจะเข้าเยี่ยมอีกครั้งพร้อมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ และครอบครัว ในช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.ย.68ศาล รธน.ตีตกคำร้องสอย “อนุทิน”วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณี นายนิยม นพรัตน์ ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 อ้างว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ใช้อำนาจหน้าที่ ขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะเป็นทางขึ้นลงสำหรับอากาศยานเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทเอกชนฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) มาตรา 213 มาตรา 219 และมาตรา 235 และขอให้ สส. และความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือก ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสียก่อนตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตีตก 2 คำร้องจัดเลือก สว.ไม่สุจริตส่วนคดีที่นายภิญโญ บุณเรือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ถึงการจัดการเลือก สว.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเลขาธิการ กกต. ในการกำหนดวิธีการลงคะแนนเลือก สว. ส่งผลให้การเลือก สว.มิใช่วิธีการลงคะแนนลับ เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้การเลือก สว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ อาจใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม ส่วนที่ให้สั่งการเลือก สว.ไม่ชอบนั้น ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา เช่นเดียวกับคดีที่นายวัฒนา ชมเชย ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า ประธาน กกต. เลขาธิการ กกต. และ ผอ.สำนักงาน กกต.ประจำ จ.ราชบุรี ไม่ได้ทำหน้าที่จัดการเลือก สว.อย่างเที่ยงธรรม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 จึงมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่