ในที่สุด รัฐบาลนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ก็ได้ออกแถลงการณ์ ท่าทีของรัฐบาลไทย ฉบับแรก “กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา” เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน แต่ช้าไปถึง 7 วันเศษ ในขณะที่ฝ่ายเขมรเล่นเกมอย่างเป็นระบบ เดินเกมอย่างต่อเนื่อง จากจุดปะทะที่ช่องบก มาถึงโพสต์ของ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โพสต์ของ นายกฯฮุน มาเนต แล้วก็คำแถลงของ นายกฯฮุน มาเนต ในรัฐสภา และ มติรัฐสภากัมพูชา ให้รัฐบาลกัมพูชาเดินหน้านำเรื่องนี้ไปฟ้องศาลโลก ให้ศาลโลกตัดสิน หากฝ่ายไทยไม่เห็นด้วย กัมพูชาจะเดินหน้าฟ้องศาลโลกฝ่ายเดียว กัมพูชาเดินหน้าตามแผนที่เตรียมไว้ทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว นายกฯแพทองธาร เพิ่งจะมาแถลงการณ์ท่าทีรัฐบาลไทยหลังจากดำเนินการตามแผนเรียบร้อยแล้ว กัมพูชา ก็ตอบรับคำขอของ ฝ่ายไทย จัดให้มีการประชุม คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายนที่กรุงพนมเปญ โดยกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ผมคาดว่าคงจะไม่มีอะไรคืบหน้า กัมพูชาคงเดินหน้าฟ้องศาลโลกต่อไปแถลงการณ์ของรัฐบาลไทยที่ออกมา ล่าช้าแต่ไม่มีอะไรชัดเจน ยืนยันแต่เพียงว่า ไทยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ส่วนท่าทีฝ่ายกัมพูชาที่ประสงค์จะใช้กลไกศาลหรือฝ่ายที่สามนั้น ไทยขอให้แก้ไขปัญหาระหว่างกันผลกลไกระดับทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC (การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม) กลไกทางเทคนิคที่ตั้งขึ้นโดย MOU 2543 เพื่อหารือเรื่องการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทวิภาค รวมทั้ง GBC (คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา) RBC (คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค)ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ได้โพสต์เรื่องนี้ว่า รัฐบาลไม่เฉยแล้วแค่ช้าไป 7 วัน และตั้งคำถามว่า ไทยโดดเดี่ยวและอ่อนแอในเวทีนานาชาติหรือไม่ เพราะชื่อประเทศไทยวันนี้แทบจะถูกลบออกไปจากเวทีการเมืองโลกดร.ปณิธาน ระบุว่า สัปดาห์นี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหากัมพูชา เพื่อซักซ้อมแนวปฏิบัติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น (แม้ว่ารัฐบาลควรจะสั่งให้ สมช.จัดประชุมฉุกเฉิน ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์แล้ว ก่อนที่จะให้ ผบ.ทบ.ไทยไปคุยกับฝั่งเขมร) แต่ฝ่ายกัมพูชา นอกจากจะตกผลึกเรื่องดำเนินนโยบายเชิงรุกแบบ “สามง่าม” กับไทยแล้ว ยังสถาปนา “แนวต้านทหารไทย” ในพื้นที่พิพาทอย่างต่อเนื่อง มีการเสริมกำลังหลายจุด ปรับการวางกำลังกระจายออกไปกว้างขึ้น จัดแนวต้านกระจายเป็นชั้นเป็นระบบ พร้อมทั้งใช้โดรนบินตรวจลาดตระเวนแนวต้านใหม่ ทั้งที่ตาเมือนธมตาควาย ช่องกร่าง ช่องปลดต่าง ฯลฯ อย่างต่อเนื่องสัปดาห์นี้ กัมพูชา จะต้อนรับ รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม อย่างเป็นทางการ มีการสวนสนามต้อนรับ เยี่ยมค่ายฝึกทหาร คาดกันว่ากัมพูชาน่าจะได้รับการสนับสนุนบางอย่างจากเวียดนามในการเยือนครั้งนี้ (ไทยเคยรบกับเวียดนามที่ช่องบกมาแล้ว)ดร.ปณิธาน ระบุด้วยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมและผู้นำด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค (Shangri–La Dialoque) มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 5 พันคนจาก 50 ประเทศ ที่สิงคโปร์ ทีม Thailand ยกทีมไปมากที่สุดในรอบหลายปี ทั้ง รองนายกฯ/รมว.กลาโหม ผู้บังคับบัญชาทหาร เอกอัครราชทูต นักการเมืองคนสำคัญ ฝ่ายกัมพูชา เปิดประเด็นเรื่องการปะทะกับฝ่ายไทย ระบุว่าทหารกัมพูชาถูกยิงเสียชีวิต และถามถึงความรับผิดชอบของอาเซียนในการเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยแต่ ไม่มีคำตอบอะไรจากไทยในเวทีนี้ แล้วยกโขยงกันไปทำไมไร้ประโยชน์ผมเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้มีการวางแผนมาอย่างรอบคอบเป็นระบบ ไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเห็นชัดเจนว่ามีการสร้างสถานการณ์ที่ผิดปกติให้ปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อจะเดินไปสู่ศาลโลก ซึ่งอาจทำให้ ไทยต้องเสียดินแดนอีกครั้ง เหมือน คดีเขาพระวิหาร ที่เกิดขึ้นมาแล้ว รัฐบาลไหนไปพลิกดู.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม