มานั่งคิดดูแล้วก็ได้คำตอบว่าทำไมคนสองคนจึงรักใคร่ชอบพอกันได้มันต้องมีอะไรที่คล้ายๆกันจึงจะไปกันได้เช่นว่าใจดีเหมือนกัน ชอบยิ้มเหมือนกัน ชอบเล่นการพนันเหมือนกันหรือขี้โกงเหมือนกันจึงไปกันได้อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ฮุน เซน” ที่รักใคร่ชอบพอกันมากขนาดว่าพอ “ทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลหลังจากลี้ภัย 17 ปีแล้วกลับประเทศไทย“ฮุน เซน” ยังเดินทางจากกัมพูชามาเยี่ยมเยียนถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าอันแสดงถึงความผูกพันที่ไม่ธรรมดา “ฮุน เซน” เรียกทักษิณว่า “พี่ใหญ่” ขนาดนั้นเชียวนั่นทำให้คนไทยรู้สึกสบายใจว่าเมื่อ “ทักษิณ” กลับมาเมืองไทยอย่างนี้คงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เขมร ความสัมพันธ์คงราบรื่น อย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์ที่มีการตั้งก๊วนในกัมพูชาก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีในการปราบปรามแต่ยังไม่ทันไรลายก็ออก!คือปัญหาเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศที่ระหองระแหงกันมาระยะหนึ่ง จนกระทั่งล่าสุดทหารเขมรถูกทหารไทยยิงเสียชีวิต 1 นายกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันทีเพราะ “ฮุน เซน” กับลูกชายนายกรัฐมนตรี “ฮุน มาเนต” ได้ขยายความเรื่องนี้อย่างใหญ่โตจนทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ คล้ายจะทำสงครามกันเลยทีเดียวเพราะ “ฮุน เซน” อ้างว่าไทยรุกรานจะเอาดินแดนของเขมรถึงขั้นจะฟ้องศาลโลก ไม่ต่างกับกรณีเขาพระวิหารที่ไทยต้องเสียดินแดนไปแล้วจนประกาศไม่ยอมรับศาลโลกยิ่งไปกว่านั้น “ฮุน เซน” ได้ปลุกเร้ากองทัพและชาวกัมพูชาให้ต่อต้านไทย ปล่อยข่าวว่าไทยจะบุกเพื่อยึดพื้นที่ถึงกับชี้ว่าหากไทยไม่ยอมขึ้นศาลโลกพื้นที่ขัดแย้งจะกลายเป็น “กาซา” อีกแห่งหนึ่งพูดง่ายๆว่าสร้างเรื่องให้มันใหญ่โตเพื่อประจานไทยในสังคมโลกใครจะเชื่อว่าเขมรจะทำได้อย่างนั้น!แต่จริงๆแล้วก็ทำอย่างนี้มาตลอด คือพยายามที่คิดจะโกงไทยเสมอแต่ประเด็นก็คือทำไมคนรักกันแท้ๆจึงทำอย่างนั้นได้ โดยเฉพาะที่บอกรักใคร่กับ “ทักษิณ” ซึ่งลูกสาวก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต่างกันพูดง่ายๆหยามกันซึ่งๆหน้าที่สำคัญก็คือ “ทักษิณ” ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์หรือรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นให้ปรากฏ นอกจากบอกว่ามีการพูดคุยกันตลอดกับ “ฮุน เซน” ไม่มีอะไรซีเรียสมันก็แปลกดีนะ...แทนที่จะต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าวเพื่อสั่งสอนแต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเปิดฉากสงครามใส่กันแต่มันต้องแสดงท่าทีที่แสดงความรู้สึกเพื่อให้รับรู้ว่ามากไปแล้วนะเมื่อเป็นอย่างนี้เลยได้คำตอบว่า ทั้ง “ทักษิณ” และ “ฮุน เซน” นั้นที่ชอบพอกันเพราะมีดีเอ็นเอตรงกันอยู่อย่างหนึ่งคือ “ฉลาดแกมโกง” ไม่ต่างกัน!คือเอาทุกอย่างอ้างว่าเป็นของตนไม่ว่าจะได้มาอย่างไรก็ตามถูกต้องหรือไม่ถูกต้องค่อยว่ากันทีหลังแต่ให้เป็นของตัวเองไว้ก่อนพอเวลาคนเขาจับได้ไล่ทันก็หาว่าถูกกลั่นแกล้งจับผิดจนมีหลายเรื่องหลายราวที่ปรากฏ โดยเฉพาะเรื่องที่ดินหลายผืนทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่ถูกต้องก็อย่าได้แปลกใจที่เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา แต่ “ทักษิณ” กลับเอาหูทวนลมไม่ยอมแสดงถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของประเทศแม้แต่น้อยก็เพราะมีดีเอ็นเอตรงกันนี่เอง!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม