คงเพราะทนทานต่อแรงกดดันไม่ไหว กรณีที่รัฐบาลเพื่อไทยต้องออกแถลงการณ์กรณีชายแดนไทย–กัมพูชา ณ จุดช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยยืนยันจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักการแก้ปัญหาขัดแย้งด้วยสันติวิธีมีการอ้างถึงผลจากการพูดคุยหารือ รัฐบาลทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติและไม่ลุกลามบานปลาย โดยเห็นพ้องที่จะใช้กลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หนึ่งในนั้น คือ กลไก JBC ตามที่ผู้บัญชาการ ทหารบกทั้งสองฝ่าย ได้หารือตกลงกันไว้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยในท่อนตบท้ายแถลงการณ์ รัฐบาลขอยืนยัน และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามขั้นตอนในการปกป้อง อธิปไตยของไทย และรักษาสิทธิทางกฏหมายของไทยอย่างครบถ้วน และเชื่อมั่นว่าไทยกับกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ บนพื้นฐานของเพื่อนบ้านที่ดีนี่ถือเป็นการแสดงจุดยืนชัดเจนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเพื่อไทย ในจังหวะสถานการณ์ไล่หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หลีกเลี่ยงการแสดงความเห็น โต้ตอบประเด็นร้อนชายแดนไทย–กัมพูชา ถึงขั้นเดินหนีสื่อ มวลชนที่ดักรอสัมภาษณ์ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของผู้นำรัฐบาลไทยเกรงใจใครกลายเป็นหัวเชื้อไวไฟจุดกระแสชาตินิยมคนไทย ในอารมณ์ที่ฝ่ายบริหารพยายามโอ้โลมปฏิโลมกับฝั่งเขมร หันไปที่ฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ ทหารกองทัพภาคที่ 2 เสนอขอให้ปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา บางจุด เพื่อยุทธศาสตร์ความมั่นคง แต่ก็โดนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม สั่งเบรกอ้างจะเสียหายต่อเศรษฐกิจกลายเป็นอาการผิดคิวระหว่างกองทัพกับฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทยไปคนละทาง ไร้ยุทธศาสตร์ในการรับมือปมร้อนชายแดนเขมรคาบลูกคาบดอก ตอกย้ำสายสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตระกูลผู้นำที่เกี่ยวดองเป็นญาติ ไปมาหาสู่กันได้ถึงในคฤหาสน์ส่วนตัว นำมาซึ่งความระแวงคนในรัฐบาล ระหว่างความบ้านกับความเมืองเทียบกับอีกฝ่ายที่ไม่มีบทกล้าๆ กลัวๆ ชั้นเชิงแพรวพราวผู้นำสองพ่อลูกของกัมพูชา ทั้ง ฮุน เซน อดีตนายกฯคนพ่อ และฮุน มาเนต นายกฯคนลูก แสดงความแข็งกร้าว ปลุกเร้าประชาชนชาวกัมพูชาให้สนับสนุนกองทัพในการเปิดแนวรบกับทหารไทย ที่สำคัญเป็นฝ่ายผู้นำกัมพูชาที่ชิงเล่นเกมเร็ว จ่อลากปัญหาชายแดนฟ้องศาลโลกคลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม