สงครามการค้าโลกที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯก่อขึ้นเมื่อ 2 เมษายน 2568 ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจทั่วโลกมหาศาล แต่ยังสร้างความเสียหายรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯด้วย เฉพาะมูลค่าหุ้นในวอลล์สตรีทอย่างเดียวก็หายวับไปหลายล้านล้านดอลลาร์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับชาวอเมริกันก็คือ นับจากวันนี้เป็นต้นไป สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันของชาวอเมริกันที่นำเข้าจากทั่วโลกจะเริ่มขาดแคลน เรือสินค้าลอตสุดท้ายที่ออกจากท่าเรือทั่วโลกก่อน 9 เมษายน ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีตอบโต้ ได้เดินทางไปถึงท่าเรือสหรัฐฯหมดทุกลำแล้ว สินค้าจีนประเทศเดียวก็หายไปกว่า 440,000 ล้านดอลลาร์America จะ Great Again ได้อย่างไร เมื่อ คนจนอเมริกันเริ่มอดอยาก สินค้าราคาถูกจากจีนถูกทรัมป์ขึ้นภาษีถึง 245% การหาสินค้าจากแหล่งใหม่มาทดแทนสินค้ากว่า 440,000 ล้านดอลลาร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ในเวลาข้ามเดือนข้ามปีจีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด ผู้นำสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสูงถึง 245% ทำให้สินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯปีละ 440,000 ล้านดอลลาร์หายวับไปทันที แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าส่งออก 3.58 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 ก็ถือว่าไม่มาก เพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่กำลังซื้อในประเทศจีนเองก็อ่อนแอ รัฐบาลจีนเลยหาวิธีกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศด้วยการส่งเสริมกิจกรรมแสดงคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี เปิดตลาดให้ K–Pop เกาหลีกลับไปแสดงที่จีนได้อีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลจีนแบนคอนเสิร์ตและเคป๊อปจากเกาหลีใต้อย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2559 การแสดงคอนเสิร์ตใหม่จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้31 พฤษภาคม เคป๊อปเกาหลีใต้วง Epex ไอดอลเกาหลีล้วน จะเปิดการแสดงคอนเสิร์ตใน เมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน ถือเป็น K–pop เกาหลีวงแรกที่ได้แสดงคอนเสิร์ตในจีน แล้วต่อด้วย Dream Concert ซึ่งเป็นงานเคป๊อปที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ จะไปจัดที่ สนามกีฬาในมณฑลไห่หนาน วันที่ 26 กันยายน25 เมษายน กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน ได้ออกประกาศ มาตรการส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรม รวมทั้งคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี ซึ่ง คุณโอ จีวู นักวิเคราะห์จาก บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล มองว่า นี่เป็นจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมบันเทิงในจีน เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายใหม่ที่มุ่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา กระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว โรงแรมและการค้าท้องถิ่น จีนเป็นตลาดส่งออกอุตสาหกรรมเพลง อันดับ 3 ของเกาหลีใต้รองจากญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเป็นตลาดดนตรีที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียอีกเหตุผลหนึ่งที่ K–pop กลับมาได้รับความสนใจในจีนก็คือ เป็นภาคธุรกิจที่ไม่ถูกกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้า แม้ตลาดจะมีความผันผวนจากภาษี แต่วงการบันเทิงและสื่อไม่ได้รับผลกระทบ รายได้หลักของ K–pop อย่างการสตรีมมิง คอนเสิร์ต และคอนเทนต์ของแฟนเพลง เป็นดิจิทัลที่ไม่มีตัวตนจริง จึงไม่ถูกเก็บภาษีข้ามพรมแดน แม้จะมีการซื้ออัลบั้มหรือของที่ระลึก แต่หน่วยราคาต่ำ เมื่อเทียบกับเซมิคอนดักเตอร์หรือรถยนต์ K–pop ไม่ผูกติดกับห่วงโซ่อุปทานโลก และไม่อ่อนไหวต่อมาตรการกีดกันทางการค้านักวิเคราะห์จากซิตี้ คุณจอห์น อู วิเคราะห์ว่า ท่าทีผ่อนคลายต่อ K–pop ของจีน อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เกาหลีใต้ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจในประเทศโดยผ่าน “การทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy)” สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกในภูมิภาคเอเชีย ตลาดคอนเสิร์ตในจีนปี 2567 มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ 272,000 ล้านบาท ยังมีโอกาสโตได้อีกเยอะ กระทรวงวัฒนธรรม น่าจะ ส่งเสริมหนังไทยและคอนเสิร์ตไทยไปหารายได้ในตลาดจีน แบบเกาหลีใต้ก็ดีนะครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม