เวลานี้ คนไทยจะรู้จักชื่อเสียงของ หลิว จงอี้ ผช.รมต.กระทรวง ความมั่นคงของจีน มือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พอๆกับ หลิว เต๋อหัว ซุปตาร์ชาวจีน หรือ สส. รังสิมันต์ โรม อาจจะรู้จักมากกว่า มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทยด้วยซ้ำ ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลจีนที่เข้ามาสยบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชนิดบุกถึงรังโจร ด้วยตัวเอง ด้วยมือเปล่าๆ พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา หรือ หม่องชิตตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ที่ถูกระบุว่าอยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชิดซ้ายไปเลย ในขณะที่ รัฐบาลไทย ไม่หือไม่อือในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เด็ดขาดซะที กว่าจะตัดสินใจตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ห้ามการขายน้ำมัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับบิ๊กก็ไหวตัวไปสร้างแหล่งทำกินที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว ระดับบอส มาซื้อบ้านหรูอยู่ในประเทศไทยปลอดภัยหายห่วงว่ากันว่า ที่ผ่านมา หลิว จงอี้ ขอความร่วมมือผ่านทางการไทยหลายรอบ ขนาดยัดข้อมูลใส่มือทางการไทย ระบุชัดเจนว่า ไทยเทา จีนเทา ทุนเทา นักการเมืองคนไทย เจ้าหน้าที่คนไหนไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์และการฟอกเงินผิดกฎหมายบ้าง โดยเฉพาะการใช้ไทยเป็นประตูไปสู่เมืองเมียวดี ชเวโก๊กโก่ ส่วนจะมีข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันที่อยู่ฝั่งปอยเปตด้วยหรือไม่ ยังไม่ได้ยินข่าวเป็นเหตุให้ทางการไทยร้อนก้น มีการโยกย้ายคนมีสีที่มีชื่อไปเกี่ยวข้องรวมทั้งออกหมายจับ หม่องชิตตู่ ด้วย ปัญหาคือ เมื่อออกหมายจับ หม่องชิตตู่ แล้ว ใครจะกล้าไปจับ แม้นรู้ที่อยู่อาศัยของ หม่องชิตตู่ ชัดเจน หม่องชิตตู่ ก็ไม่ได้หนีไปไหน ยังเปิดสำนักงานให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นขอความเป็นธรรมว่าถูกไทยใส่ร้ายด้วยซ้ำ ส่วนที่ทางการไทยยังไม่ตอบโจทย์คือจะออกหมายจับคนอื่นที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ ผช.รมต.ความมั่นคงจีนให้เบาะแสมาด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะนักการเมืองที่โยงใยใกล้ชิดกับคนมีสีที่ถูกโยกย้ายก่อนหน้านี้ทำเป็นเล่นไป เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ตำรวจภาค 1 บุกจับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมยึดซิมบ็อกซ์ 4 เครื่องที่ซุกอยู่ใน คอนโดย่านสุขุมวิท 64 พร้อม ผู้ต้องหาชาวเมียนมา 2 คน หลังพบว่ามีการหลอกให้โอนเงินที่ น่าน สมุทรปราการและในภาคใต้ ดีไม่ดี แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตลบหลังเข้ามาตั้งที่มั่นในไทยหมดเรื่องหมดราว ถ้าถึงขั้นให้ หลิว จงอี้ มาจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน กทม.อีกระลอก คงจะงามหน้าพิลึกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยภาษีนำเข้ารถยนต์ใหม่ ที่จะเพิ่มภาษีครั้งใหญ่สร้างความกดดันให้มีการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ไปที่สหรัฐฯภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้ นอกจากการประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมร้อยละ 25 ไปแล้ว ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้และจีน หน้ามืดไปตามๆกันดับฝันไทยจะเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศชัดเจน พร้อมที่จะขายอาวุธให้กับทุกประเทศ ชนิดไม่เลือกข้างเลือกฝ่ายแถมมีโปรโมชันพิเศษมีข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์จะเสนอ ครม.เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการภาษีและการกีดกันทางการค้า ทรัมป์ 2.0 ด้วยวิธีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้นและหวังว่าสหรัฐฯจะผลักดันให้มีการนำเข้าสินค้าเกษตรใหม่ๆจากไทย ขอให้สหรัฐฯปลดออกจากบัญชีที่ต้องจับตาด้านทรัพย์สินทางปัญญา ขอให้ต่ออายุสิทธิพิเศษทางศุลกากร อึม ฮึบ ฮึบ.หมัดเหล็กคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม