“อิ๊งค์” กระทบไหล่ “สี จิ้นผิง” ย้ำจีนคือหุ้นส่วนสำคัญ คู่ค้าเบอร์ 1 ของไทย ชูรถไฟความเร็วสูง-เอนเตอร์เทนเมนต์คอม เพล็กซ์-แลนด์บริดจ์ จุดขาย ผู้นำจีนลั่นหนุนไทยทุกกรอบความร่วมมือเร่งปราบแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ออกปากชม รัฐบาลไทยเด็ดขาดสั่งตัดไฟ-สัญญาณเน็ต-น้ำมัน มุ่งยกระดับความสัมพันธ์ครบ 50 ปี “หลี่เฉียง” นายกฯจีน นำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ปธ.รัฐสภาจีนย้ำความเป็นหุ้นส่วนแน่นแฟ้น นายกฯออกปากหนุนหลักการ “จีนเดียว” พบ 2 บิ๊กซีอีโอจีน ชวน “Hisense-Xiaomi” ขยายลงทุน สื่อนอก เกาะติดภารกิจผู้นำไทย พท.ชงศาล รธน.ชี้ขาดประชามติแก้รัฐธรรมนูญภารกิจการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนวันแรกของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กระชับสัมพันธ์ครบรอบ 50 ปี ทั้งสองฝ่ายพร้อมเดินหน้าความร่วมมือในทุกด้าน ทั้งการค้าการลงทุน การพัฒนาไปสู่โลกยุคใหม่ เร่งปราบปรามแก๊งอาชญากรรมออนไลน์“แพทองธาร” กระทบไหล่ “สี จิ้นผิง”เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.พ. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ที่มหาศาลาประชาชน สาธารณรัฐประชาชนจีน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง (H.E.Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “สวัสดีปีใหม่จีน ยินดีที่ได้มาเยือนจีน ในปี 2568 เป็นปีที่พิเศษครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน จีนถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย เป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 นักลงทุนจีนถือเป็นอันดับต้นๆของไทย มูลค่ากว่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่าไทย-จีนมีมิติความสัมพันธ์เป็นพิเศษ ประเทศไทยยังคงเดินหน้าเชื่อมโยงระหว่างไทย-จีน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติดำเนินการโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีน พัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วง กทม.-หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย นอกจากนี้ไทยยังมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และแลนด์บริดจ์ จะเป็นโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ”ร่วมมือขจัดอาชญากรรมข้ามชาติน.ส.แพทองธารกล่าวว่า ด้านความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุด ไทยพร้อมเดินหน้าความร่วมมือกับจีนสกัดกั้นกระบวนการอาชญากรรมที่ผ่านประเทศไทย และจะเตือนภัยผ่านกลไกความร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ เป็นที่น่ายินดีที่ทั้งสองฝ่าย รวมถึงประเทศที่เกี่ยวข้องในภูมิภาค มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดจริงจังผู้นำจีนหนุนทุกกรอบความร่วมมือขณะที่นายสี จิ้นผิง กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะกล่าวกับ น.ส.แพทองธารว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปี ไทย-จีนมีหลักการและวิสัยทัศน์ความร่วมมือในการแบ่งปันความเจริญรุ่งเรือง พร้อมสนับสนุนบทบาทไทยทุกกรอบความร่วมมือ และควรขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เศรษฐกิจดิจิทัล เขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี และการใช้ประโยชน์ความร่วมมือเศรษฐกิจไทย-ลาว-จีน ประเทศจีนเตรียมจัดงาน “China International Import Expo” ถือเป็นงานสำคัญ จีนยังสนับสนุนสินค้าและบริการที่ดีของไทย ส่วนความร่วมมือในด้านยุทโธปกรณ์ทางทหาร ไทย-จีนมีจุดเริ่มต้นจากโครงการเรือดำน้ำ และพร้อมสนับสนุนอย่างเข้มแข็งในการปราบปรามขบวนการหลอกหลวงออนไลน์ (online scam) การลักพาตัว การค้ามนุษย์ ที่ถือเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ของประชาชนจีนออกปากชมรัฐบาลไทยสั่งตัดไฟนายสี จิ้นผิงกล่าวว่า เป้าหมายหลักของทั้งสองประเทศ คือการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาจีนได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและท้องถิ่น สามารถปราบปรามยาเสพติดจนประสบความสำเร็จ อาชญากรรมข้ามชาติถือเป็นความท้าทาย มีความเสี่ยงสูง และชื่นชมรัฐบาลไทยที่พยายามอย่างเต็มที่และเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการตัดน้ำ-ไฟ อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน จะสามารถตัดวงจรกิจกรรมอาชญากรรมต่างๆได้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม จะดูแลความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายทั้งในระดับทวิภาคีและอนุภูมิภาคมุ่งยกระดับความสัมพันธ์ครบ 50 ปีนายสี จิ้นผิงกล่าวอีกว่า สำหรับการยกระดับความร่วมมือในระดับประชาชน อาทิ การจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน ในการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว รวมทั้งการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนการแสดงวัตถุโบราณ การส่งมอบแพนด้ายักษ์รวมไปถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ การให้ทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านวัฒนธรรมดั้งเดิม สื่อวัฒนธรรมสมัยใหม่ ความร่วมมือด้านสื่อวัฒนธรรม เพื่อส่งต่อความร่วมมือจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมมือกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงท้ายการหารือ ประธานาธิบดี จีนยินดีที่ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกประเทศหุ้นส่วนของ BRICS พร้อมมั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร จะประสบความสำเร็จในการเยือนนี้และจะได้พบกับ น.ส.แพทองธารอีกครั้งที่เมืองฮาร์บิน ในวันที่ 7 ก.พ. ขณะที่ น.ส.แพทองธารได้กล่าวอวยพรให้การจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวครั้งที่ 9 ที่เมืองฮาร์บิน ประสบความสำเร็จปธ.สภาจีนย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธารเข้าพบหารือกับนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าวกล่าวแสดงความยินดีที่ น.ส.แพทองธารมาเยือนจีนในช่วงเวลาสำคัญที่เป็นปีฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน เป็นหุ้นส่วนที่มีอนาคตร่วมกัน ทั้งสองประเทศมีมิตรภาพที่ลึกซึ้ง สมคำกล่าวที่ว่า “ไทย-จีน มิใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” การที่นายกฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ผลักดันความร่วมมือระหว่างกันเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ รวมถึงความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านนิติบัญญัติ ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ขอฝากความระลึกถึงไปยังประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาของไทยด้วย“อิ๊งค์” หนุนหลักการ “จีนเดียว”ด้าน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ขอบคุณที่ประเทศจีนเป็นมิตรและหุ้นส่วนที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมืออย่างแนบแน่นในทุกระดับ เพื่อสร้างอนาคตความร่วมมือไทย-จีนให้มั่นคงยิ่งขึ้น รวมถึงความร่วมมือทางฝ่ายนิติบัญญัติ ยืนยันว่ารัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียว พร้อมสนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติไทย-จีน เชื่อว่าในโอกาสพิเศษของการเฉลิมฉลองปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีนในปีนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันต่อเนื่อง และขอบคุณที่ให้การสนับสนุนการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานที่ประเทศไทยและเตรียมพร้อมการต้อนรับทูตสันถวไมตรี “แพนด้ายักษ์” อีกทั้งรัฐบาลไทยพร้อมดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือในระดับประชาชน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ การให้ทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซอฟต์พาวเวอร์ และไทยยังรอต้อนรับการเยือนของประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีนี้ ถือเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 14 ปี จะมีส่วนช่วย เพิ่มพูนความเชื่อใจระหว่างกันร่วมวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนจากนั้นเวลา 11.10 น.ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชน โดยเดินผ่านแถวทหารเกียรติยศ ขึ้นบันไดไปยังด้านหน้าอนุสาวรีย์วีรชน ขณะนั้นวงดุริยางค์ทหารบรรเลงเพลง Flowers to the Heroes นายทหารเกียรติยศฝ่ายจีนเชิญพวงมาลาไปวาง ณ ขาตั้ง นายกฯ ยืนสงบนิ่งเบื้องหน้าอนุสาวรีย์วีรชน วงดุริยางค์ทหารบรรเลงเพลง Tribute to the Heroes หลังเสร็จสิ้น น.ส.แพทองธารและคณะเดินลงจากอนุสาวรีย์วีรชน เดินทางออกจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน เสร็จสิ้นพิธีพบสองบิ๊กซีอีโอยักษ์ใหญ่ของจีนกระทั่งเวลา 13.30 น. ที่โรงแรม Diaoyutai น.ส.แพทองธารพบหารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชนรายใหญ่ของจีน ประกอบด้วย Mr.JIA Shaoqian, Chairman, Hisense Group และ Mr.Alain Lam, CFO และ Vice President, Xiaomi Corporation น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการขยายการลงทุนของบริษัท มีบีโอไอเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานและอำนวยความสะดวกการลงทุน จากนั้นพบหารือหอการค้าไทยในจีน (Thai Chamber of Commerce in China: TCCC) น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอบคุณ และชื่นชมบทบาทสมาชิกหอการค้าไทยในจีน ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับจีนมาต่อเนื่อง ไทยพร้อมส่งเสริมการค้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตร และการลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งเสนอและผลักดันให้ไทยกับจีนเร่งร่วมมืออำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน และการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยสินค้านายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานหอการค้า ไทยในจีน กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆมากมาย ในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ ประเทศไทยมีโอกาสใช้ความสัมพันธ์นี้ เดินหน้าความร่วมมือและขจัดอุปสรรคต่างๆร่วมกันเพิ่มจำนวนเมืองพี่–น้องเป็น 50 คู่เวลา 17.00 น. ที่มหาศาลาประชาชน น.ส.แพทองธารร่วมพิธีต้อนรับตรวจแถวกองเกียรติยศ และเข้าพบหารือกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตลอดความสัมพันธ์ 50 ปีที่ผ่านมา ไทยกับจีนเกื้อกูลกันมาตลอด ขณะนี้เศรษฐกิจโลกเกี่ยวพันกันทุกประเทศ ไทยกับจีนยิ่งต้องประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และต้องทำให้ประชาชนมีกินมีใช้มีความปลอดภัย มีความพร้อมรับมือกับอนาคต มีทัศนคติที่ดีต่อกัน เรื่องความปลอดภัยของประชาชน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุด พร้อมร่วมมือกับจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในระดับทวิภาคีและผ่านกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเด็ดขาดจริงจัง ขอความร่วมมือจากจีนในการสกัดกั้นและเตือนภัยเหยื่อตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทย ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ฯ จะเพิ่มจำนวนเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกันให้เป็น 50 คู่ในปีนี้ และไทยยังมีแผนจัดทำแสตมป์ที่ระลึกในโอกาสนี้ด้วยเป็นพยานเอ็มโอยูร่วมมือ 14 ฉบับต่อมา น.ส.แพทองธารและนายหลี่ เฉียง ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างหน่วยงานไทย-จีน รวม 14 ฉบับ อาทิ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสาร ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยกับ China Media Group จากนั้นนายกฯจีนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่นายกฯและคณะสื่อนอกเกาะติดภารกิจเยือนจีนขณะที่สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้พบปะกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯไทย โดยนายสี จิ้นผิงระบุว่า รู้สึกซาบซึ้งกับความพยายามและการใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพของประเทศไทย ในการจัดการกับปัญหาการพนันออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ จีนและไทยควรเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมาย ความมั่นคง และกระบวนการยุติธรรม เพื่อรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงยังคงมีการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคร่วมกันต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ประเทศไทยยินดีเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมายร่วมกับจีน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน และใช้มาตรการที่เด็ดขาดมีประสิทธิภาพ ทลายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงปัญหาการพนันออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์สำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษรายงานว่า นายสี จิ้นผิงกล่าวกับ น.ส.แพทองธารระหว่างการหารือร่วมกันด้วยว่า จีนและไทยต้องขยายความร่วมมือฝ่าฝันอุปสรรคอันไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในโลก อีกทั้งยังชื่นชมความพยายามของไทยในการตัดวงจรของอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การตัดการจ่ายไฟและน้ำชง “วันนอร์” สอบโกงนายก อบจ.ที่รัฐสภา น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ นายวีรภัทร คันธะ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมนายนพดล สมยานนทนากุล อดีตผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ พรรคประชาชน นำหลักฐานการทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรปราการ มายื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายนพดลกล่าวว่า พบว่าการเลือกตั้ง อบจ.สมุทรปราการ มีความผิดปกติจึงต้องปกป้องทุกคะแนนเสียง มาขอความเป็นธรรมต่อประธานสภาฯช่วยติดตามเหตุผิดปกติ มีการยื่นหลักฐานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้ว กำลังรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแจ้งความดำเนินคดี รวมถึงจะยื่นเรื่องไปยัง รมว.มหาดไทยด้วยนายวีรภัทร คันธะ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาพบความผิดปกติมากมาย พรรคประชาชนได้แจ้งความที่ สภ. พระประแดง ดำเนินการกับผู้ซื้อสิทธิขายเสียง แต่ สภ.พระประแดง แค่ให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ไม่ดำเนินคดี อ้างว่าพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะอำนาจสอบสวนอยู่ที่ กกต. ทั้งที่จริงพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการไปพร้อมกับ กกต.ได้พท.ชงศาล รธน.ชี้ขาดประชามติที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า วิป 3 ฝ่าย เตรียมหารือถึงทิศทางการประชุมรัฐสภาในวันที่ 13-14 ก.พ. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคประชาชน ขณะนี้ยังมีความกังวลของ สส.ว่าสุดท้ายแล้วต้องทำประชามติ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง จึงได้เสนอผ่านไปทางวิปรัฐบาลให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสามารถทำประชามติได้กี่ครั้ง การยื่นวินิจฉัยครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย เพราะครั้งนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว และผู้ที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะเป็น สส.หรือ สว.ก็ได้ ทุกฝ่ายจะได้สบายใจ ไม่เสียของวิป 3 ฝ่ายแบ่งเวลาถกแก้ รธน.256ด้านนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ เลขานุการวิปวุฒิสภา กล่าวภายหลังการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา หารือถึงกรอบการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมว่า ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา บรรจุระเบียบ วาระการประชุมไว้วันที่ 13-14 ก.พ. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มี 2 ร่าง คือ ร่างพรรคเพื่อไทย กับร่างพรรคประชาชน มีการจัดสรรเวลาอภิปรายฝ่ายละ 6 ชั่วโมง คือพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล 6 ชั่วโมง พรรคการเมืองฝ่ายค้าน 6 ชั่วโมง และ สว. 6 ชั่วโมง จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการโหวตให้ความเห็นชอบในวาระรับหลักการ ด้วยวิธีขานชื่อทีละคนจากจำนวนสมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีอยู่ขณะนี้ คือ 692 คน แบ่งเป็น สส. 493 คน สว. 199 คน “ส่วนตัวผมยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เห็นด้วยกับการแก้ไขแบบรายมาตรา”ปชน.จี้ รบ.ตั้งรับสงครามการค้าโลกวันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทน ราษฎร มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน สอบถาม รมว.พาณิชย์ ถึงมาตรการรับมือสงครามการค้าโลก หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าแก่ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ ทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงถูกขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า เพราะอยู่ในอันดับ 12 ของประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯมากว่า 10 ปี สินค้าที่เสี่ยงถูกขึ้นภาษีคือสินค้าเกษตร แม้รัฐบาลจะประกาศหาตลาดใหม่เพิ่มเติม แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีคู่แข่งคือจีน ที่ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบายสหรัฐฯ สินค้าจีนที่ถูกกีดกันจะส่งมาขายในไทย กระทบธุรกิจเอสเอ็มอี ต้องเตรียมรับมือสินค้าไม่ได้คุณภาพจากจีนมาตีตลาดไทยด้วย เช่น เหล็ก วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตร สินค้าแปรรูปอิทธิฤทธิ์ “ทรัมป์” กระทบไทยน้อยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ชี้แจงว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯมานาน 10 ปี อยู่ในกลุ่มเสี่ยงถูกตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ พูดคุยกับนักธุรกิจ ผู้บริหารสหรัฐฯ ต่อรองนโยบายการขึ้นภาษีให้ได้มากที่สุด อีกทั้งนายกฯสั่งการตั้งคณะทำงานนโยบายการค้ากับสหรัฐฯโดยตรง มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน วางแนวทางรับมือมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐฯที่จะกระทบไทย แนวทางขณะนี้คือรักษาตลาดเดิมกับสหรัฐฯ และเตรียมหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น จีนทางตอนใต้ และตะวันตก อินเดีย ยูเออี มีการติดตามปัญหาใกล้ชิด เชื่อว่านโยบาย “ทรัมป์” จะกระทบไทยไม่มากนัก หรือไม่กระทบเลยถ้าเจรจากันได้ หรือหาตลาดใหม่เพิ่มได้ป้องประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ไร้ปัญหาอีกเรื่อง นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติ 5 ต่อ 2 เลือกนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ ว่า นายสุชาติเป็นกรรมการ ป.ป.ช.มาประมาณ 4 ปี ส่วนที่นายสุชาติเคยมีกรณีปัญหากับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. การมาทำหน้าที่ประธาน ป.ป.ช.อาจกลายเป็นข้อครหานั้น เป็นเรื่องปกติทุกคนจะโดนร้องเรียน กล่าวหา ตนก็โดนเหมือนกัน การถูกร้องเรียนกล่าวหาเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อยังไม่มีการพิพากษาของศาล ถือว่ายังไม่ใช่เป็นผู้กระทำความผิดตามหลักกฎหมายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่