การเมืองการปกครอง ระบบรัฐสภา ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของประเทศไทย ถูกนำมาเป็นกรณีศึกษาและเรียนรู้จากนักประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งไม่ว่าจะเกิดวิกฤติการเมืองขึ้นกับประเทศไทยกี่ครั้ง เสียเลือดเสียเนื้อไปมากมายขนาดไหน การดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตย ในประเทศไทย ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่น่าทึ่งมากที่สุดคือ ประเทศไทยมีการรัฐประหารบ่อยที่สุด มีการฉีกรัฐธรรมนูญและมีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลกแต่การเมืองการปกครองในประเทศไทยก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโดยหลักสากลแล้ว รัฐธรรมนูญการปกครองประเทศ จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ รัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร และ รัฐธรรมนูญที่เป็นจารีตประเพณี ปฏิบัติกันมาช้านาน ไม่มีข้อบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญมากมาย จนเกิดปัญหา กฎหมายขัดกันเอง และเปิดช่องให้มีการร้องเรียนผ่านรัฐธรรมนูญจนทำให้ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ประโยคที่พูดกันจนติดปากคือ การหมกเม็ดในรัฐธรรมนูญเพื่อหวังจะใช้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญทางใดทางหนึ่ง เช่น การบัญญัติให้นายกฯ จะต้องมาจาก ส.ส. หรือไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ก็ได้ การสรรหาบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งทั้งจากการเลือกตั้งและลากตั้ง การให้อำนาจของสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา จนทำให้เกิดความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและการปฏิบัติตามระบอบประชาธิปไตยยกตัวอย่าง พรรคก้าวไกล เชื่อมั่นว่า เมื่อ พรรคได้จำนวน ส.ส. มาเป็นอันดับ 1 แล้วจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและ แคนดิเดตนายกฯของพรรค จะต้องได้ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี แต่รัฐธรรมนูญกลับเปิดช่องเอาไว้ว่า พรรคอันดับ 2–3 ก็สามารถที่จะตั้งรัฐบาลแข่งได้ ตัดสินกันที่ว่า ใครจะรวบรวมเสียงข้างมากได้ก่อนกันทำให้เกิดจุดอ่อนจากบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญตามมามากมายยิ่งไปกว่านั้น การรวบรวมเสียงข้างมาก ในที่นี้ ไม่ใช่แค่ 250 เสียงขึ้นไป แต่ถ้าจะได้เป็นนายกฯชัวร์ๆ จะต้องได้เสียงทั้ง ส.ส.และ ส.ว. มาสนับสนุนถึง 376 เสียงขึ้นไป หรือถ้าจะใช้ เสียง ส.ส.อย่างเดียว ก็จะต้องรวบรวมเสียงข้างมากให้ได้มากกว่า 376 เสียง กลายเป็นรัฐบาลผสมเสียงข้างมาก เป็นเผด็จการรัฐสภาอีกกระทอกในกรณีของ ก้าวไกล เองมีข้อผิดพลาดหลายข้อ เช่น มีแคนดิเดตนายกฯแค่ 1 คน ถ้ามีปัญหาที่ตัวแคนดิเดตนายกฯ ก็ไปต่อไม่ได้ ต้องโยนไม้ให้ พรรคอันดับสอง ทำหน้าที่ ในการตั้งรัฐบาลต่อไป เพื่อไทย ก็จะถูกถล่มเละ ไม่ว่าจะออกหัวออกก้อย ขนาดพรรคอันดับสองอยู่ข้างเดียวกัน ล็อกสเปกไว้ขนาดนี้ ยังมีปัญหา ถ้าเกิดเป็นคนละขั้วด้วยแล้วจะยุ่งขนาดไหน ไม่อยากจะมโนเรื่องคุณสมบัติของพิธาที่ไม่ดูให้รอบคอบก็เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องใหญ่กว่า คือก้าวไกลไปขีดวงจำกัดของตัวเองเอาไว้พอสมควร แค่การแก้ไข ม.112 เรื่องเดียว ทำให้เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้ ติดกับดักตัวเองเดินหน้า ส.ว.ก็ไม่เอา ถอยหลังเมื่อไหร่ ด้อมส้มเอาตายแน่.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th