มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ กรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มอาเซียน มาร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารพม่า ข่าวรอยเตอร์วิจารณ์ว่าไทยพยายามเป็นกาวใจสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับพม่าคำเชิญของไทยได้รับการปฏิเสธ ทั้งจากรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย และสิงค์โปร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวว่า สถานการณ์ในพม่ายังไม่ดีขึ้น ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องประชุมระดับสุดยอด หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ ขณะที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย เห็นว่าไม่เหมาะสมนายนพดลกล่าวว่า ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ซึ่งกำลังจัดตั้งเป็นผู้ดำเนินการนโยบายต่อพม่า รวมทั้งปัญหาสิทธิมนุษยชน การอพยพของผู้หนีภัยสงคราม และประชาธิปไตย รัฐบาลรักษาการไม่ควรริเริ่มนโยบายใหม่ ที่กระทบต่อการทูตระหว่างประเทศ บางฝ่ายห่วงว่าอาจกระทบถึงเอกภาพในอาเซียนหลังจากที่กองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.(พิเศษ) มิน อ่อง ลาย ก่อรัฐประหาร ล้มรัฐบาลประชาธิปไตย ภายใต้การนำของออง ซาน ซูจี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พม่านอกจากจะกลับคืนสู่เผด็จการแล้ว ยังเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพกับกลุ่มประชาชนผู้ลุกขึ้นสู้ กลายเป็นสงครามกลางเมืองมีคนล้มตายเป็นอันมากอินโดนีเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียน ปี 2566 อาจจะผิดหวังมากเป็นพิเศษที่รัฐบาลทหารพม่าไม่ยอมปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ ที่เคยตกลงกับอาเซียนเมื่อปี 2564 เช่น การยุติความรุนแรง และเปิดการเจรจาระหว่างทุกกลุ่มเพื่อยุติการสู้รบและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อินโดนีเซีย ผลักดันเต็มที่แต่ล้มเหลวส่วนไทยเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับพม่ามากที่สุด มีดินแดนติดต่อกันกว่า 2,400 กม. และมีผลประโยชน์ด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจที่ต้องปกป้อง อีกทั้งผู้นำไทยกับผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ก็มีความสัมพันธ์อันดี อาจเพราะมีแนวคิดทางการเมืองคล้ายกัน นักวิชาการบางท่านวิจารณ์ว่า นโยบายไทยต่อพม่าไม่ชัดเจนอาจารย์ลลิตา หาญวงษ์ นักวิชาการผู้ติดตามปัญหาพม่าอย่างใกล้ชิดระบุว่านโยบายไทยต่อพม่า เป็นหนึ่งในภาพสะท้อนกับดักของรัฐราชการ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มประเทศเสรีบ่อยครั้ง หวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเสร็จสิ้นโดยเร็ว ตามด้วยนโยบายใหม่ต่อพม่า ที่มุ่งสู่สันติภาพและประชาธิปไตย.