คอการเมืองบางส่วนสงสัยว่า ทำไมจึงจะมีการปัดฝุ่นดำเนินคดีการเมือง ในขณะที่ประเทศเข้าสู่ฤดูการเลือกตั้งเต็มตัว อาจเป็นการให้คุณนักการเมืองฝ่ายหนึ่ง และให้โทษอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ มีการเปิดเผยว่า มีคดีการเมืองที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. 3–5 คดี ที่เป็นข่าวสองคดีคือ อดีตนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมอีกคดีหนึ่งคือคดีรับนำจำข้าวภาค 2 ที่โด่งดัง และเคยทำให้นักการเมืองระดับอดีตรัฐมนตรี ตลอดจนข้าราชการระดับสูง และนักธุรกิจชื่อดัง ติดคุกมาแล้วคนละหลายสิบปี ส่วนนายชนม์สวัสดิ์ถูกกล่าวหา กระทำผิดเกี่ยวกับเงินบำรุงวัด ขณะที่เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และพ้นจากตำแหน่งมาหลายปีแน่นอนที่สุด คดีรับจำนำข้าวได้รับความสนใจมากที่สุด และอาจกระทบต่อการเมืองมากที่สุด นายนิวัตไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คดีรับจำนำข้าวภาคใหม่ มีผู้ที่เกี่ยวข้อง คือนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ซึ่งติดคุกอยู่ในคดีเดียวกัน รวมทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตรการปัดฝุ่นนำคดีการเมืองขึ้นมา ในขณะที่อยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งต้องถือว่าไม่ใช่ธรรมดา แต่ประธาน ป.ป.ช.ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับ ป.ป.ช. ไปซ้ายก็โดน ไปขวาก็โดน อยู่เฉยๆก็ยังโดนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีก็ขอให้ ป.ป.ช.ให้ระมัดระวัง ทำอย่างไรให้เกิดการยอมรับให้เป็นกลไกองค์กรอิสระเห็นได้ชัดว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วง ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีการสรรหาและแต่งตั้งในช่วงรัฐบาล คสช. อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ในด้านความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในการดำเนินคดีนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมากว่าสิบปี แต่นำกลับมาพิจารณาอีกในฤดูการเลือกตั้ง อาจกลายเป็นเครื่องมือการเมืองแต่องค์กรอิสระไม่ได้มีอำนาจ ในการตรวจสอบองค์กรอื่นฝ่ายเดียวองค์กรอื่นๆรวมทั้งประชาชน ก็มีอำนาจตรวจสอบองค์กรอิสระด้วย เช่น รัฐธรรมนูญมาตรา 235 ให้ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริง ถ้าองค์กรอิสระถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และส่งฟ้องศาลฎีกาให้วินิจฉัยในส่วนที่เกี่ยวกับ ป.ป.ช.โดยตรง รัฐธรรมนูญมาตรา 236 ระบุว่า ส.ส. หรือ ส.ว. หรือประชาชน 2 หมื่นคนขึ้นไป มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหากรรมการ ป.ป.ช.ทุจริตต่อหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้ตรวจสอบและเสนอเรื่องต่อประธานศาลฎีกา เพื่อพิจารณาวินิจฉัยข้อกล่าวหาต่อไป.