วิป 3 ฝ่ายเคาะฝ่ายค้านเปิดเวทีถลกหนัง “นายกฯกับ 9 รมต.” 4 วัน 4 คืน 42 ชั่วโมง “สุทิน” ฟุ้งจับ “ประยุทธ์” ขึ้นเขียงขย่มเกือบทุกวัน “บิ๊กตู่” ย้ำไม่มีอะไรหนักใจ ชวนประชาชนติดตามเคลียร์ครหาคนบิดเบือน ปชป.กลืนเลือดเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช เขต 3 “จุรินทร์” แตะเบรกลูกพรรคเพลาสาดน้ำลายงัดข้อ พปชร. “เฉลิมชัย” กัดฟันสัมพันธ์พรรคร่วมฯยังเหมือนเดิม “บิ๊กป้อม” หน้าบูดบึ้งไม่ตอบสื่อปมขัดแย้งเลือกตั้งเมืองคอน พม.โร่ชง ครม.ชะลอเรียกเงินคืนเบี้ยซ้ำซ้อน สแกนบำนาญ 24 ประเภทที่ประชุมวิปสามฝ่ายได้ข้อสรุปกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 10 คน โดยฝ่ายค้านได้เวลา 42 ชั่วโมง ในการอภิปรายวันที่ 16-19 ก.พ. และโหวตลงมติในวันที่ 20 ก.พ. “ชวน” เชื่อจบได้แบ่งเวลาซักฟอกเมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 5 ก.พ. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึง การหารือแบ่งกรอบเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถ้าหากไม่สามารถตกลงกันได้ว่า อย่าไปตั้งสมมติฐานหรือไปคิดว่าจะไม่สามารถตกลงกันได้ ขอให้มีการหารือกันช่วงบ่ายเสียก่อน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่ 1 นัดหารือตัวแทนฝ่ายค้าน รัฐบาล และตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อถามว่าโอกาสจะขยายเวลาการอภิปรายไปถึงวันอาทิตย์ที่ 21 ก.พ.หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เรื่องวันเวลาไม่ควรจะมีปัญหา ตกลงกันแล้ว วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ไม่มีปัญหา เมื่อถามย้ำว่าหากไม่สามารถได้ข้อสรุป นายชวนจะชี้ขาดใช่หรือไม่ นายชวน ได้ถามกลับผู้สื่อข่าวว่า ทำไมถึงคิดกันว่าที่ประชุมจะตกลงกันไม่ได้ ครั้งที่แล้วก็ตกลงกันได้ถล่ม 4 วัน 4 คืน 16-19 โหวต 20 ก.พ.ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา มีการหารือของวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วยตัวแทน ครม. ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลและตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯเข้าร่วมหารือด้วย ถึงกรอบวันและเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ไม่ได้ข้อยุติ โดยใช้เวลาหารือนาน 1 ชั่วโมงนายสุชาติให้สัมภาษณ์ว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีจำนวน 10 คน ใช้เวลา 4 วัน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. เวลา 09.00 น. และอภิปรายจบในวันที่ 19 ก.พ. ก่อนเที่ยงคืนและลงมติในวันที่ 20 ก.พ. พรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้เวลา 42 ชั่วโมง การอภิปรายจะเรียงลำดับตามรายชื่อที่ยื่นญัตติ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้เวลาชี้แจงข้อกล่าวหาตามเวลาที่เหมาะสม ส่วนการแสดงเอกสารการอภิปรายในห้องประชุม อาจไม่ได้มีการส่งตรวจก่อน แต่ขอความร่วมมือ ส.ส.ที่จะอภิปรายยื่นเอกสารให้ดูก่อนอภิปราย เนื่องจากเลขาธิการสภาฯเกรงว่าจะมีอะไรที่หมิ่นเหม่และผิดข้อบังคับการประชุม เชื่อว่าทุกคนมีวิจารณญาณ หากเกิดอะไรที่สุ่มเสี่ยง เชื่อว่าประธานในที่ประชุมจะควบคุมสถานการณ์ได้“สุทิน” จับ “บิ๊กตู่” ขึ้นเขียงเกือบทุกวันนายสุทิน คลังเเสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีเวลา 42 ชั่วโมง เราจะพยายามให้จบภายใน 4 วัน และลงมติโหวต 1 วัน จะพยายามบริหารเวลาให้เหมาะสม ส่วนฝ่ายรัฐบาลจะใช้เวลาเท่าไหร่ไม่จำกัด แต่ควรจบใน 4 วัน หากมีเหตุให้ไม่จบภายใน 4 วัน จะเพิ่มเวลาเท่าที่จำเป็น ในช่วงเวลาอภิปรายรัฐมนตรีท่านใดที่เป็นเป้าหมายหลัก อาจจะโยงถึงเป้าหมายรองได้ เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้เชื่อว่าการอภิปรายจะพูดถึงตัวหลักคือนายกฯเป็นสำคัญและเกือบทุกวัน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า กรอบเวลาของฝ่ายค้านจะใช้เวลาวันละ 10-12 ชม. ส่วนฝ่ายรัฐบาลคาดว่าจะใช้เวลาไม่มาก เช่น ถ้าฝ่ายค้านถามมา 10 คำถาม ฝ่ายรัฐบาลอาจจะตอบแค่ 6 คำถาม หากฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วงจะไป หักเวลาของฝ่ายค้าน เป็นที่เข้าใจตรงกันในเรื่องนี้ “บิ๊กตู่” ย้ำไม่มีอะไรหนักใจเมื่อเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่องผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้น รัฐบาลจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ยังไม่มีอะไรหนักใจในตอนนี้ ขอให้เป็นการอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ ไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆที่จะทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่างด้วยกัน ทุกคนทราบดี ขอให้ทุกคนช่วยกันติดตามชม จะได้เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ เผื่อจะมีคนเอาไปบิดเบือนก่อนหน้านี้ ในเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวพันกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย อันนี้เป็นคนละเรื่อง คนละเวลาทั้งหมด“แรมโบ้” จี้ผู้นำฝ่ายค้านรับผิดชอบนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำฝ่ายค้านหลังได้เรียกร้องให้ถอนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือแก้ญัตติใหม่ ประเด็นข้อกล่าวหานายกฯที่เกี่ยวกับสถาบันไม่เหมาะสม หากมีอภิปรายจาบจ้วง ก้าวล่วงพาดพิงสถาบันให้เสียหายและเกิดผลกระทบต่อจิตใจของประชาชนคนไทย จนเกิดความแตกแยกมากขึ้นในบ้านเมือง ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยที่ได้ร่วมยื่นญัตติร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านจะรับผิดชอบอย่างไร ขอให้ชี้แจงใช้อะไรคิดมี 5 แสนอดเยียวยา ม.33นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจองค์การมหาชน และกองทุนสภาฯ กล่าวว่า จะตรวจสอบกองทุนประกันสังคมว่าเหตุใดจึงล่าช้า สร้างเงื่อนไขให้วุ่นวายในการคืนเงินผู้ประกันตน ความเหลื่อมล้ำที่รัฐบาลนี้ทำคืออาชญากรรมทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ทำให้การเข้าถึงโอกาสของประชาชนน้อยลงทุกวัน กระทั่งการเรียกร้องให้กองทุนประกันสังคมจ่ายเงินตามสิทธิที่ควรได้รับยังเหลื่อมล้ำล่าช้า คนคิดวิธีจ่ายเงินตามมาตรา 33 ยังคิดเงื่อนไขห้ามคนมีเงินฝากเกิน 500,000 บาทได้รับสิทธิ ไม่รู้ว่าใช้อะไรคิด ถ้าเป็นคนอดออมประหยัดมัธยัสถ์แค่เดือนละ 2,500 บาทเก็บ 20 ปีมีเงินไว้ดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วยเกิน 5 แสนบาท จะไม่ได้เงินประกันสังคมตรงนี้ แม้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จะบอกว่าเกณฑ์การใช้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลัง แต่ขอฝากบอกนายสุชาติว่าเวลาโดนด่าคนด่าไปที่ รมว.แรงงาน และนายกฯจะต้องรับชยันโต มาตรา 33 ไปเต็มๆอัดทุกคนต้องได้สิทธิเท่าเทียมกันน.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนที่เคยใช้สิทธิ “คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน” บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เช็กสิทธิวันแรกเกิดปัญหามากมาย รัฐพิจารณาจากรายได้ปี 2562 มาคำนวณการรับเงินเยียวยา ปีดังกล่าวยังไม่เกิดปัญหาโควิดเมื่อเกิดปัญหามีคนได้รับผลกระทบ แต่ไม่ได้รับสิทธิจำนวนมาก และยังมีช่องโหว่พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ลงทะเบียนคนละครึ่งก่อนหน้านี้ได้สิทธิโครงการเราชนะ ทั้งที่ไม่ได้ถูกเลิกจ้าง สะท้อนว่ารัฐบาลคิดไม่รอบคอบ ควรหาวิธีการอื่นที่สำรวจผู้ได้รับผลกระทบแท้จริงและง่ายกว่านี้ เช่น ข้อมูลคนตกงานจากกระทรวงแรงงาน ทั้งผู้ประกันตน มาตรา 33, 39, 40 รวมทั้งแรงงานนอกระบบ(ฟรีแลนซ์)ที่ไม่มีสวัสดิการใดๆและต้องเร่งเยียวยาโดยเร็ว รัฐบาลนี้ผิดตั้งแต่วิธีคิดทั้งที่การเยียวยาจากภาครัฐ ทุกคนต้องได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม “สร้างไทย” จี้รัฐเลิกเงื่อนไขขัด รธน.วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย ออกแถลงการณ์ระบุว่าต้องเยียวยาแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุกคนโดยเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ การสร้างเงื่อนไขว่าต้องไม่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 500,000 บาท ไม่ได้เป็นเงื่อนไขว่าผู้ประกันตนคนนั้นเป็นผู้ยากไร้ เพราะอาจลงทุนรูปแบบอื่น เช่น ลงทุนในหลักทรัพย์ กองทุน ตราสารอย่างอื่น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์หรืออาจเก็บเป็นเงินสดมีมูลค่าสูงกว่า 500,000 บาทแต่กลับไม่ถูกตัดสิทธิ จึงมีช่องว่าง สร้างความไม่เท่าเทียม ไม่เป็นธรรม การกำหนดเงื่อนไขที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเคยเกิดขึ้นกับการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้แก้ไข ไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกันตนเพิ่มอีก ขอเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวเพื่อให้การเยียวยาเป็นธรรมมติ ปชป.ส่ง “พงศ์สินธุ์” สู้ ลต.ซ่อมเมื่อเวลา 09.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับ ส.ส.ภาคใต้ ของพรรคเพื่อพิจารณารับรองการส่งนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช และการเตรียมการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้ง“จุรินทร์” สั่งชูผลงานเพลาวิวาทะ พปชร.จากนั้นนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐต่อปาก ต่อคำกันเรื่องส่งผู้สมัครครั้งนี้ จะทำให้ทั้ง 2 พรรคขัดแย้งกันในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ได้ขอให้ ส.ส.ของพรรคเบาๆลงแล้วให้พูดเท่าที่จำเป็นเพื่อลดการกระทบกระทั่งกัน เมื่อถามย้ำว่าศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะส่งผลกระทบสัมพันธภาพระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เราได้พูดคุยกันแล้วว่าจะใช้แนวทางการหาเสียงเลือกตั้งที่เน้นการพูดถึงเรื่องของเราเอง ไม่ไปพาดพิงพรรคใดไม่ว่าคู่แข่งจะมาจากพรรคใด เมื่อถามต่อว่าตอนนี้ยังไม่เริ่มหาเสียง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐพูดพาดพิงคนของพรรคประชาธิปัตย์ว่าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกตั้ง นายจุรินทร์กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้ออกมาชี้แจงเรื่องนั้นแล้ว“เฉลิมชัย” ยันสัมพันธ์พรรคร่วมคงเดิมต่อมาเวลา 17.00 น. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคส่งนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช เมื่อถามว่าการหาเสียงเกรงว่าจะกระทบกระทั่งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายเฉลิมชัยตอบว่า การเลือกตั้งเป็นกระบวนการประชาธิปไตยเราหาเสียงไปตามปกติทุกอย่าง เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐเปิดตัวมี ส.จ.ของพรรคอื่นร่วมด้วย เกรงจะมีเทคะแนนให้กันหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เราหาเสียงไปตามปกติ ยืนยันความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาหรือขัดแย้งยังเชื่อจะชนะแม้จะหนักหนาสาหัสนายพงศ์สินธุ์กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและกรรมการสรรหาฯ และประชาชนในพื้นที่ ยืนยันจะนำเสนอนโยบายและผลงานของรัฐมนตรีทั้ง 7 คน คลุกคลีในพื้นที่มานาน เชื่อว่าประชาชนทั้ง 4 อำเภอจะยังให้ความไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อนำชัยชนะมาให้พรรครายงานข่าวจากที่ประชุม ส.ส.ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ช่วงเช้าว่า ได้หารือถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช แบ่งการทำงานและแบ่งให้ ส.ส.พรรคทุกคนมาช่วยกันหาเสียง โดย ส.ส.และผู้บริหารพรรคจะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงหลังปิดสมัยประชุมก่อนเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ วันรับสมัครในวันที่ 11 ก.พ. จะให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ พร้อมอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช นำนายพงศ์สินธุ์ไปสมัคร พรรคเชื่อว่าจะเอาชนะได้ แต่อาจเหนื่อยและหนักกว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” บูดบึ้งไม่ตอบ ลต.เมืองคอนเมื่อเวลา 12.00 น. ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามถึงประเด็นการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 จะทำให้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบเพียงแต่หยุดหันไปฟังคำถามแล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันทีด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก่อนขึ้นรถยนต์และเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปกกต.คาด ก.ย.-ต.ค.ได้ ลต.ผู้ว่าฯ กทม.ช่วงบ่าย ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า บุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ที่จะมีขึ้นวันที่ 28 มี.ค. กกต.เปิดให้มายื่นตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด ก่อนยื่นใบสมัคร หากยื่นสมัครแล้วตรวจสอบพบภายหลังว่าคุณสมบัติไม่ครบหรือมีลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ความผิดจะสำเร็จขึ้นทันที เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัคร ปีนี้เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง เสร็จเลือกตั้งเทศบาลฯกระทรวงมหาดไทยคงนับเวลาตามที่ตกลงกันไว้ประมาณ 3 เดือน ช่วง มิ.ย.อาจจะเป็นการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และช่วงเดือน ก.ย.ไม่เกิน ต.ค.จะเป็นผู้ว่าฯ กทม.และเมืองพัทยากมธ.คาดไม่สะดุด 18 เดือนได้ รธน.เมื่อเวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเเก้ไขเพิ่มเติม เเถลงว่าหลังจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ได้ลงมติจนสมบูรณ์ทั้งฉบับเเล้ว เป็นการพิจารณาเอกสารที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ประกอบพิจารณาเเละถ้อยคำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเชิญ ส.ส. เเละ ส.ว.ที่แปรญัตติมาชี้เเจงจบเเล้ววันที่ 8 ก.พ. จะประชุมตรวจญัตติให้เรียบร้อย จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2 วันที่ 24-25 ก.พ. หากผ่านจะทิ้งไว้ 15 วัน ให้รัฐสภานำเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 3 วันที่ 16-17 มี.ค. ถ้าวาระ 3 ผ่านไปหมดแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกตั้งส.ส.ร.ในการลงมติแก้ไขจากนี้เป็นเรื่องของเสียงข้างมาก เชื่อว่า ส.ว.จะผ่านให้ประชาชน ขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ผ่านสภา มีเลือกตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างแก้ไขไปจนถึงการทำประชามติจะใช้เวลา 18 เดือนหรือปีครึ่ง ถ้าไม่มีอะไรสะดุดเลยจะได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข องค์การผู้พิการจี้สภาเอาผิด “เอ๋” บูลลี่วันเดียวกันที่รัฐสภา 7 องค์การคนพิการ 7 องค์กรนำโดยนายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุลเลขานุการประธานสภาฯ ขอให้ตรวจสอบและลงโทษทางจริยธรรม น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ จากปัญหาการพูดและเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สภาฯเป็นสภาอันทรงเกียรติส่วนใหญ่ ส.ส.ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในสังคม จำเป็นต้องยื่นให้ประธานสภาฯตรวจสอบเพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานเยาวชนจะได้เข้าใจว่าการสื่อสารพูดจาต้องเคารพความเป็นมนุษย์ร้องอีก 4 แห่งไปแจ้งความต่อราชบุรีด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ และผู้ปกครองที่มีบุตรเป็นผู้พิการ กล่าวว่า อยู่ๆมีผู้ทรงเกียรติมาบูลลี่ เราต้องปกป้องสิทธิขอขอบคุณประชาชน ชาวบ้านและคนพิการที่ร่วมกันลงชื่อ ตอนนี้มี 2,927 คน เป็นเหมือนเสบียงของ 7 องค์กรที่นำมาซึ่งการร้องเรียนและต่อสู้ในศาล สุดท้ายคือสหประชาชาติ พอร้องเรียนเสร็จจะไปแจ้งความที่ จ.ราชบุรี การบูลลี่คนของ น.ส.ปารีณาต้องเป็นบรรทัดฐานและตัวอย่าง ไม่ใช่แค่ร้องเรียนที่สภาฯ ยังมีอีก 4 หน่วยงานที่เราต้องทำ เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้ นี่เป็นการขึ้นชกยกแรกเท่านั้นนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ กล่าวว่าประธานสภาฯรับทราบแล้วคณะทำงานจะรับเรื่องนี้ จากนั้นจะเสนอให้ประธานสภาฯในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาฯ ดำเนินการต่อไป ขอให้มั่นใจว่าสภาฯจะเป็นที่พึ่งให้ประชาชนทุกคนได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนผู้ปกครองและผู้พิการที่มาร่วมยื่นหนังสือได้แสดงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนึ่งในผู้พิการออทิสติก กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าคนพิการอยากอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ขอให้เห็นใจกันด้วย โดยเฉพาะผู้พิการออทิสติกพวกเราก็มีศักยภาพ การพูดเปรียบเปรยทำให้รู้สึกด้อยค่าตั้งอนุ กก.จริยธรรมสภาฯ 9 คนนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ประธานสภาฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาฯ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมสภาฯ 9 คน คือ 1.นายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน 2.พล.ต.อ.วิรุฬห์ ฟื้นแสน รองประธาน 3.พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รองประธาน 4.พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ 5.นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ 6.นายจตุสิทธิ์ ลางคุนนท์ 7.นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม 8.นายศราวุฒิ ประทุมราช อนุกรรมการ และ 9.นางนรรัตน์ พิมเสน อนุกรรมการและเลขานุการ กรณีกลุ่มผู้พิการร้องให้สอบจริยธรรม น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งยื่นมาคณะกรรมการจะเร่งพิจารณาแล้วส่งเรื่องไปเข้าสู่อนุกรรมการต่อไป “วิษณุ” ยันไม่ฟันอาญาคนแก่รับเบี้ยซ้อนอีกเรื่อง เมื่อเวลา 14.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะกรรมการค่าเบี้ยยังชีพถึงปัญหาการจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราซ้ำซ้อนว่า เบื้องต้นจะไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้สูงอายุที่ไม่คืนเบี้ยยังชีพคนชรา ไม่เคยดำเนินการในอดีตและจะไม่ดำเนินการในอนาคตด้วย การดำเนินคดีอาญาต้องตั้งข้อหาฉ้อโกง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มีพฤติกรรมฉ้อโกง จึงจะไม่มีผู้ใดจะติดคุก การรับผิดทางแพ่งหรือการคืนเงิน หากได้มาโดยสุจริตไม่ต้องคืน หลักมีอยู่แล้ว แต่ถ้าเงินยังเหลืออยู่จะต้องคืน หากไม่เหลืออยู่ไม่ต้องคืน แต่ละรายสุจริตหรือไม่จะดูเป็นรายบุคคล มีผู้อยู่ในข่ายต้องถูกไต่สวนว่าสุจริตหรือไม่ ประมาณ 6,000 คนทั่วประเทศ แต่ถ้าปล่อยให้เป็นคดี 6,000 คดีทั่วประเทศจะรกโรงรกศาล กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดคดี อย่าไปคิดเลยว่าจะมีการฟ้อง ข้อสรุปสุดท้ายคือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เข้าไปเกี่ยวข้องต้องรับผิดด้วยหรือไม่ ต้องดูอีกครั้ง ผู้สูงอายุบางส่วนที่รับเงินเบี้ยยังชีพคนชราและซ้ำซ้อนเงินสวัสดิการอื่น ก่อนหน้านี้มี 15,300 คนตรวจสอบรายละเอียดเหลือที่รับเงินซ้ำซ้อนประมาณ 6,000 คน จำเป็นต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยยังชีพคนชราไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าไม่นานคนชราขี้ตกใจรีบคืนเงินรัฐ 130 ล้านนายวิษณุกล่าวว่า ปกติผู้สูงอายุจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ 3 ส่วนคือ เบี้ยยังชีพคนชรา หากเจ็บป่วยจะได้รับเบี้ยผู้พิการ ถ้าฐานะยากจนจะได้บัตรคนจนด้วย ระเบียบเบี้ยคนพิการและบัตรคนจนไม่ได้ห้ามรับเงินบำนาญ จึงไม่มีปัญหา จึงเหลือเบี้ยยังชีพคนชราอย่างเดียวที่ต้องไปแก้ไขและหยุดจ่ายส่วนนี้ไปก่อน วันนี้ขอให้ผู้สูงอายุสบายใจได้ว่าไม่ติดคุกแน่ ยังมีข้อมูลว่ามีผู้สูงอายุที่รู้ข่าวแล้วตกใจจึงรีบเอาเงินมาคืน มียอดรวมทั้งหมด 130 ล้านบาท ต้องคืนเงินกลับไปให้หรือไม่ โดยหลักเรื่องลาภที่มิควรได้ เมื่อนำมาคืนถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะมาขอคืนไม่ได้ ถือว่าเป็นการชำระหนี้และถือว่ารัฐรับกลับคืน เว้นแต่จะผ่อนผันให้ กำลังคิดอยู่“บิ๊กตู่” อ้อนพ่อแม่ตายายไม่ต้องห่วงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า ย้ำอยู่เสมอต้องดูแลผู้สูงอายุให้ดีที่สุด ได้ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน ให้ชะลอการเรียกคืนหรือการฟ้องร้อง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบแก้ไขความคาดเคลื่อนข้อมูลต่างๆ ขออย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอคุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง เข้าใจดีว่าไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนาทำอะไรผิด ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ทำตามระเบียบ เรื่องนี้มีทางออก โดยไม่ต้องมีใครต้องเดือดร้อน แต่ขอให้รออีกสักหน่อย ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องหาเงินมาใช้คืนหลวง ต้องขึ้นศาล จะดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วผู้ตรวจการฯให้แก้ระเบียบใน 120 วันที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวว่า มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้แก้ไขปัญหากรณีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีหนังสือแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายจังหวัด เรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพราะได้รับเงินบำนาญพิเศษตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อนแล้ว ทำให้ผู้สูงอายุเดือดร้อนกันทั่วประเทศ จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหาทางออก ปัญหาเกิดจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 กำหนดเงินบำนาญพิเศษเป็นลักษณะต้องห้ามการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วย ทั้งที่ตามระเบียบก่อนหน้านี้ไม่ได้กำหนดไว้ อีกทั้งเงินบำนาญพิเศษ เป็นคนละก้อนกับเงินบำนาญปกติ กรณีทุพพลภาพยังได้รับบำนาญตามปกติ รวมถึงได้รับบำนาญพิเศษ และ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ 2494 กำหนดว่าบำนาญพิเศษที่จ่ายให้บิดามารดาให้ได้รับตลอดชีวิต ผู้สูงอายุที่ได้รับเงินบำนาญพิเศษ จึงมีสิทธิได้รับเบี้ยผู้สูงอายุด้วย จึงมีมติให้ไปปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน พม.โร่ชง ครม. แก้ปมบำนาญ 24 ประเภทเมื่อเวลา 17.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปัญหาการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น เห็นชอบให้เสนอ ครม.ชะลอการเรียกเงินเบี้ยยังชีพที่ซ้ำซ้อนคืนไว้ก่อน พร้อมหาแนวทางเยียวยาผู้รับสิทธิไปแล้วและเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโดยสุจริต และให้ตั้งคณะอนุกรรมการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้านผู้สูงอายุ มี นพ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นประธาน พิจารณาสิทธิซ้ำซ้อนและเบี้ยผู้สูงอายุ ที่ประชุมมีข้อเสนอแนะจากผู้ตรวจการแผ่นดินที่เห็นว่ากลุ่มผู้ได้รับบำนาญพิเศษควรได้รับสิทธิซ้ำซ้อน หลักการดังกล่าวจะนำเสนอ ครม.เร็วๆนี้ ด้าน นพ.วิชัย กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯจะประชุมวันที่ 10 ก.พ.หารือถึงปัญหาบำนาญถึง 24 ประเภทว่ากลุ่มใดควรได้รับสิทธิซ้ำซ้อนตร. 6 กองร้อยรับมือ 21 ราษฎรมอบตัวสายวันเดียวกัน ที่บริเวณสะพานข้ามแยกวัดพระธรรมกาย ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตรงข้าม สภ.คลองหลวง นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมแนวร่วมรวม 21 คน จากจำนวน 22 คน ที่ถูก สภ.คลองหลวง ออกหมายเรียก นัดรวมตัวกันเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ชุมนุม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ป.อาญา มาตรา 112 ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และทำให้เสียทรัพย์ กรณีจัดชุมนุมหน้า สภ.คลองหลวง เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสิริชัย หรือนิว นาถึง นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) ถูกจับกุมข้อหามาตรา 112 ช่วงกลางดึก 13 ม.ค.และจัดกิจกรรมให้กำลังใจนายชยพล หรือเดฟ ดโนทัย นักศึกษา มธ.ที่เข้ามอบตัวมาตรา 112 เมื่อ 15 ม.ค. โดยมีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 6 กองร้อย เข้าควบคุมสถานการณ์ ปิดถนนหน้า สภ.คลองหลวง และฝั่งตรงข้ามหน้าวัดพระธรรมกาย ให้สัญจรไปมาขึ้นสะพานข้ามแยกได้เพียงเส้นทางเดียว ทั้งยังนำรถฉีดน้ำความดันสูง รถพยาบาล รถตัดสัญญาณมือถือ และแท่งแบริเออร์ มาตั้งเป็นแนวป้องกัน ไม่อนุญาตให้บุคคลใด รวมถึงสื่อมวลชนเข้าออกบริเวณ สภ.คลองหลวง“กวิ้น” งงแค่รับทราบข้อหา ตร.มาพรึบต่อมา 11.00 น. นายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา ได้นำเครื่องปั่นไฟพร้อมเครื่องขยายเสียง มาติดตั้งเปิดปราศรัยก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา นายพริษฐ์กล่าวปราศรัยว่า ที่เรามารวมตัวกันเพราะได้ทราบว่าจะนำตัวพวกเราไปฝากขัง ประกอบกับเช้านี้ ผกก.สภ.คลองหลวง ได้หลุดปากออกมาว่า จะนำพวกเราไปฝากขัง ซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ เราไม่มีพฤติกรรมหลบหนี เรามาตามหมายเรียกไม่ใช่มาตามหมายจับ ตำรวจไม่สามารถฝากขังได้ หากขอฝากขังถือว่าตำรวจทำผิดกฎหมาย วันนี้ไม่ทราบว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนถึงได้มากันมากมายขนาดนี้ เราแค่มารับทราบข้อกล่าวหา เป็นคดีทางการเมืองลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนควรจะได้รับรู้ หากตำรวจไม่ให้สื่อมวลชน เข้าไปสังเกตการณ์เป็นประจักษ์พยานเท่ากับว่ามีลับลมคมในปกปิดสายตาประชาชนสอบปากคำจบปล่อยตัวไม่ฝากขังจากนั้นแกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมแนวร่วม 21 คน เข้าไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา โดยแกนนำได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์ประมาณ 30 นาที ถึงได้อนุญาตให้สื่อมวลชนได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ กระทั่งเวลา 15.10 น. พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จทั้ง 21 คนแล้ว จึงปล่อยตัวกลับโดยไม่มีเงื่อนไข โดยทยอยนำตัวผู้ต้องหารขึ้นรถตู้ตำรวจไปส่งออกจากพื้นที่ควบคุม