การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรี กลายเป็นวิวาทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐคนหนึ่ง ขู่ว่าถ้ามีการบรรจุญัตติของฝ่ายค้าน ในระเบียบวาระการประชุม เขาจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นญัตติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมิฉะนั้น ก็จะฟ้อง ส.ส. ผู้ลงชื่อในญัตติ ในข้อหามาตรา 112ขู่ฟ้องนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ส.ส. ร่วมพรรคฝ่ายค้านรวม 208 คน ที่ร่วมลงในญัตติในข้อหากระทำผิด ป.อาญามาตรา 112 ที่ห้ามผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อความในญัตติของพรรคฝ่ายค้าน ที่กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ว่าทำลายความสัมพันธ์อันดี ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันมาเป็นข้ออ้าง เพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันมาเป็นเกราะ เพื่อปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลส.ส. พรรคพลังประชารัฐกล่าวหาว่า ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรสร้างประวัติศาสตร์ของสภาเปิดโอกาสให้ ส.ส. จาบจ้วงสถาบันในที่ประชุมรัฐสภา เป็นการดึงฟ้าลงมาต่ำให้เล่นการเมือง สถาบันไม่ยุ่งกับการเมืองเป็นการตีความ ม.112 ต่างกัน และมีแนวคิดทางการเมืองที่ต่างกัน มีส.ส.พรรคเพื่อไทยอย่างน้อย 2 คน รวมทั้งเลขาธิการพรรค ชี้แจงว่าข้อความในญัตติฝ่ายค้าน เห็นได้ชัดว่ากล่าวหานายกรัฐมนตรี ว่าทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับประชาชน เป็นการปกป้องสถาบัน ที่รัฐบาลนำมาเกี่ยวข้องการเมืองข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดไม่ให้สมาชิกรัฐสภาพูดถึงสถาบัน เพียงแต่ห้ามไม่ให้กล่าวถึงสถาบัน หรือบุคคลอื่น “โดยไม่จำเป็น” เชื่อว่านายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาพร้อมด้วยทีมกฎหมาย จะได้ตรวจอย่างรอบคอบแล้ว ก่อนที่จะบรรจุเข้าวาระการประชุม จึงเชื่อว่าจะไม่ยอมให้ใครกระทำการจาบจ้วงแน่แต่สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากภายในและต่างประเทศกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้ ม.112 ปิดปากกลุ่มผู้เห็นต่าง เช่น กลุ่มผู้ชุมนุมนอกสภา รัฐบาลจึงไม่ควรปล่อยให้มีการฟ้อง ส.ส. 208 คน เกือบครึ่งสภา ในข้อหา ม.112 ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้านมุ่งปกป้องสถาบัน รัฐบาลต้องรักษาชื่อเสียงอันดีของประเทศ.