การเสนอแผนงานเร่งด่วนเพื่อนำเข้า ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการทันทีสำหรับแผนงานการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ จ.สงขลา อยากให้สังคมช่วยกันจับตากับความไม่ชอบมาพากลที่จะเกิดขึ้นกับความพยายามในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐอย่างไม่ถูกต้องโดยมีการอ้างถึงมติ ครม. เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ในระยะเร่งด่วนให้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ประกาศให้พื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นพื้นที่พิเศษเฉพาะและเร่งกำกับการทำงานให้เป็นไปตามกรอบและแนวทางที่กำหนดไว้แผนเร่งด่วนของ ศอ.บต. อ้างว่า ตามที่ โครงการเมืองต้นแบบที่ 4 กำหนดผังเมือง การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นพื้นที่สีเขียวและสีเขียวคาดขาว โดยกำหนดให้ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ไม่สามารถตั้งโรงงานได้ ไม่สามารถจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบอุตสาหกรรมได้ เป็นสาเหตุทำให้เอกชนไม่สามารถลงทุนโครงการได้ดังนั้น ศอ.บต. ทำการศึกษาและปรับปรุงผังการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่สามตำบล ได้แก่ ตำบลนาทับ ตำบลตลิ่งชัน และตำบลสะกอม ให้เป็นพื้นที่สีม่วง โดยให้ประกาศภายใน 12 เดือน และในระหว่างที่รอประกาศใช้พื้นที่ดังกล่าวให้สามารถดำเนินการลงทุนได้ทันทีด้านโครงการขนส่งสินค้าทางเรือ โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 ยังไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านมวลชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าไม่ดำเนินงานต่อจะเป็นการกระทบกับโครงการเมืองต้นแบบ อ.จะนะ จ.สงขลา ดังนั้น ศอ.บต. จึงขอเป็นผู้ดำเนินการเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโครงการขนส่งสินค้าทางบก เสนอให้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กรมทางหลวงกับการรถไฟ ที่จะสร้างระบบรางเชื่อมต่อไปยังเมืองต้นแบบ ภายใต้การดำเนินการของ ศอ.บต.ด้านพลังงาน ตามแผนที่ภาคเอกชนมีการเสนอความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก มีความจำเป็นต้อง สร้างโรงไฟฟ้าความมั่นคงในภาคใต้ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนกว่าหนึ่งหมื่นเมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รวมแล้วเป็นจำนวนเกือบหนึ่งหมื่นห้าพันเมกะวัตต์เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลหลายประการ อาทิ ทำไมโครงสร้างเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีงบลงทุนมหาศาล จึงอยู่ในดุลพินิจและการจัดทำแผนของ ศอ.บต. ซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลความมั่นคงเฉพาะภาคใต้ ต่อมาเหตุใดจึงเสนอเป็นโครงการเร่งด่วน และมีการพิจารณาผ่านขั้นตอนการใช้งบประมาณอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งทางบก ทางน้ำและทางราง รวมทั้งการสร้างโรงไฟฟ้า มีคณะกรรมการระดับชาติที่รับผิดชอบอยู่แล้ว จะเป็นการลัดขั้นตอนและไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยความโปร่งใสงานนี้ถ้า ครม. บ้าจี้อนุมัติตามหลักการนี้ ก็ต้องเตรียมรับมือการตรวจสอบข้อหาทุจริตคอร์รัปชันที่เสี่ยงจะเกิดขึ้นให้ดี ผิดทั้งหลักการและความเป็นไปได้ มีการกระทำที่ร้อนรน โดยการยกเว้นกฎหมาย ยิ่งได้กลิ่นไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th