สามหนังสืออมตะจีน...สามก๊ก เลียดก๊ก ไซอิ๋ว ผมก็พอรู้ๆ แต่ที่รู้น้อยถึงขั้นแปลกใจคือเล่มสี่ ความฝันในหอแดง ชื่อก็บอก เป็นเรื่องรักๆใคร่ๆในบ้านหลังใหญ่คนมีเงินใน “สายธารแห่งปัญญา” (บุญศักดิ์ แสงระวี เรียบเรียง สำนักพิมพ์ ก.ไก่ พ.ศ.2535) พรรณนาฉากซึ้งของหลินไต้อี้ นางเอกของเรื่อง โดยซ้อนฉากอาหลาน นักแสดงหญิงกำลังแต่งหน้า“อาหลาน” ใช้เวลาแต่งหน้าค่อนวัน ตรงนั้นแป้งบางไปหรือเปล่า? ตรงนี้แป้งหนาไปหน่อย! ส่องกระจกครั้งแล้วครั้งเล่า ในกระจกรูปร่างเธออ้อนแอ้นอรชร หน้าตาอ่อนโยนชวนสงสารและเมื่อถึงเวลานั้น ก็เป็นเวลาที่จะแสดงเป็นหลินไต้อี้อากาศเดือนสามเย็นสบาย ดอกท้อบานสะพรั่ง หลายดอกร่วงกระจายเกลื่อนพื้น หลินไต้อี้แบกจอบเล็ก มือถือไม้กวาด เดินมาอยู่ใต้ต้นท้อ เธอค่อยๆกวาดกลีบดอกท้อที่เกลื่อนกระจาย เอามารวมไว้เป็นกองขณะกำลังใช้จอบขุดหลุมฝังมัน เธอชะงักเมื่อหูได้ยินเสียงเพลง...แว่วมาเสียงนั้นเป็นเสียงสาวๆในคณะละคร กำลังฝึกร้องเพลงอยู่ในสวน หลินไต้อี้วางจอบ ตั้งใจฟังถ้อยทำนองที่หวิวไหวอ่อนหวานนั้นดอกไม้หลากสีหลายพันธุ์เบ่งบานแล้วร่วงโรย ดุจดังสายน้ำไหลหลั่งไปทางทิศตะวันออกไม่มีวันย้อนกลับมาหลินไต้อี้ฟังเพลงจบ ก็ย้อนมานึกถึงตัวเอง รูปโฉมเธอสวยงามเหมือนดอกท้อแรกแย้ม แต่วันเดือนปีที่จะผ่านเลยไปไม่เคยย้อนกลับ นับวันรูปโฉมเธอยิ่งร่วงโรยคิดถึงตรงนี้ก็เกิดความปวดร้าว น้ำตาทะลักไหลอาบแก้มอาหลานแสดงถึงบทนี้ บทที่ทุกครั้งคนดูประทับใจ เธอเดินเซไปเซมาสีหน้าระทม ดูสิ! ในเมื่อหลินไต้อี้สวยหยาดเยิ้มถึงปานนั้น ยังไม่วายใจหายถึงวันคืนที่ล่วงพ้นแล้วตัวฉัน อาหลานเล่า!ไม่นาน...ฉากซึ้ง หลินไต้อี้ฝังกลีบดอกท้อก็จบ ขณะผู้ชมมากมายแยกย้ายกลับบ้าน อาหลานหลังเวทีก็กำลังล้างแป้งและสีสันที่โปะใบหน้า ต่อไปนี้ฉันอาหลานก็ไม่ใช่คนสวยอีกต่อไปมีอะไรแตกต่างจากแม่เฒ่าผิวหนังเหี่ยวย่นคนนั้นเล่า?อาหลานถอนใจยาว ระบายความเศร้ารันทด แล้วเธอก็เข้าใจในทันทีนั้น ชีวิตของหลินไต้อี้ในนิยาย ชีวิตของนักแสดงที่เพิ่งล้างหน้าเสร็จ ไม่ต่างอะไรกับการเล่นหมากรุกเมื่อการเล่นยุติ การแพ้ชนะก็ไม่ดำรงอยู่ต่อไปเช่นเดียวกับความสวยงาม ความอัปลักษณ์ของผู้คน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดำรงอยู่ยั่งยืน เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ เหตุไฉน! จึงต้องวิตกกังวลจนเกินเหตุคิดได้ดังนั้น อาหลานก็ปลงตก เธอเร่งมือล้างแป้งแต่งหน้าออกจนหมด แล้วยิ้มกับตัวเอง เมื่อแน่ใจว่า เธอกำลังกลับไปสู่โฉมหน้าเดิม...มีชีวิตธรรมดาๆเหมือนทุกวันข้อเขียนนี้ ผมอ่านจบแล้วนึกถึงใครหลายคน ฝ่ายรัฐบาลกำลังเพลินกับบทรัฐมนตรีที่เพิ่งได้ ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายค้ำ ก็คร่ำเคร่งกับบทนักแสดงสมทบ หวังจะได้บทแสดงนำบ้าง หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ขำๆก็คือ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย...คนใหม่ ได้ยินชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อสักอาทิตย์ที่แล้ว อาทิตย์นี้ก็มีชื่อ คุณท็อป วราวุธ ศิลปอาชา และชื่อคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจผมก็เชื่อตามที่หลายคนเชื่อล่ะครับ ถ้าอำนาจตัดสินด้วยความรักความชังของใครคนเดียว...ซึ่งเปลี่ยนแปลงง่าย ความหวังของพรรคเพื่อไทยก็คงไม่เลื่อนลอยเกินไป.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม